ASTV ผู้จัดการรายวัน-ผบ.ตร.แถลงข่าวจับกุม "เบนซ์ ท่าทราย" ผู้ต้องหาค้ายาเสพติด ถืออาวุธสงครามประกาศผ่านเฟซบุ๊กขู่ฆ่าตำรวจ สภ.ศรีประจันต์ ทั้งโรงพัก เผยหลังก่อเหตุได้หลบหนีไปยังประเทศเพื่อนบ้าน และเดินทางกลับมาผ่านด่านเจดีย์สามองค์ จนกระทั่งถูกจับได้ในที่สุด พร้อมมอบเงินรางวัล 1 แสนบาทให้ชุดจับกุม ส่วนตำรวจที่ถูกแฉรับสินบน จ่อสอบเชิงลึกต่อไป ด้านสภ.ศรีประจันต์ล้างห้องขังรอเก้อ ส่งคุมขังที่สภ.เมืองแทน เหตุกังวลห้องเก่า กลัวถูกชิงตัว
วานนี้ (11 มี.ค) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) พร้อมด้วย พล.ต.ท.วีระพงษ์ ชื่นภักดี ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 (ผบช.ภ.7) พล.ต.ต.กมลสันติ กลั่นบุศย์ ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี พ.ต.อ.ชัยรัตน์ ทิพยจันทร์ รรท.ผบก.ภ.จว.สุพรรณบุรี และพ.อ.สนิธชนก สังขจันทร์ รองผู้บังคับการกองพลทหารราบที่ 9 ร่วมกันแถลงผลการจับกุม นายอดิศักดิ์ ศรีสะอาด อายุ 26 ปี หรือเบนซ์ ท่าทราย ชาว จ.สุพรรณบุรี ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดสุพรรณบุรี ซึ่งได้ประกาศผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวขู่ฆ่าตำรวจ สภ.ศรีประจันต์ ทั้งโรงพัก จากนั้นได้หลบหนีไปกบดานอยู่กับชนกลุ่มน้อยในประเทศเพื่อนบ้าน ฝั่งตรงข้าม ด่านเจดีย์สามองค์ อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี
พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อกลางเดือน พ.ย.2557 ได้ปรากฏในสื่อออนไลน์อย่างแพร่หลาย กรณีมีบุคคลใช้ชื่อว่า "เบนซ์ ท่าทราย" ลงภาพขณะถืออาวุธปืนสงคราม แสดงความอาฆาตมาดร้าย ประกาศขู่จะฆ่าเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ศรีประจันต์ จ.สุพรรณบุรี โดยลงข้อความในลักษณะไม่พอใจเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ศรีประจันต์ ที่ดำเนินการจับกุมพวกของตน จากการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด โดยคดีนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เพราะเป็นการข่มขู่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน โดยผู้ต้องหาที่กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด อันเป็นนโยบายสำคัญของสำนักงานตำรวจแห่งชาติและรัฐบาล มีลักษณะการกระทำการอันเหิมเกริม ไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายบ้านเมือง จึงได้สั่งการให้ตำรวจภูธรภาค 7 ทำการตรวจสอบและติดตามจับกุมผู้ต้องหามาดำเนินคดีให้ได้
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบ พบว่า "เบนซ์ ท่าทราย" มีชื่อจริงว่า นายอดิศักดิ์ ศรีสะอาด อายุ 26 ปี มีภูมิลำเนาอยู่บ้านท่าทราย ต.ดอนปรู อ.ศรีประจันต์ จ.สุพรรณบุรี เคยมีประวัติและการกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติดตั้งแต่ พ.ย.2554 และเมื่อ 10 ก.ค.2557 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมตัว นายมงคล บุญประเสริฐ หรือจ๊อด อายุ 57 ปี พร้อมยาบ้า 20 เม็ด โดยนายมงคล รับว่า ซื้อยาบ้ามาจากนายอดิศักดิ์ หรือเบนซ์ ท่าทราย จึงได้มีการขยายผล ยื่นคำร้องขอออกหมายจับต่อศาลจังหวัดสุพรรณบุรี ซึ่งศาลได้อนุมัติหมายจับนายอดิศักดิ์ ในความผิดฐานมี ยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (ยาบ้า) ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย
ต่อมาเมื่อวันที่ 5 ส.ค.2557 เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.ศรีประจันต์ ได้รับแจ้งจากสายลับว่า นายอดิศักดิ์ หลบอยู่ที่บ้านไม่มีเลขที่ หมู่ที่ 8 ต.ดอนปรู อ.ศรีประจันต์ จ.สุพรรณบุรี จึงได้ทำการตรวจค้นบ้านหลังดังกล่าว แต่นายอดิศักดิ์ไหวตัวทัน วิ่งหลบหนีไปได้ โดยทิ้งยาบ้า 35 เม็ด และอาวุธปืนไว้ในที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงจับกุมตัว น.ส.กัลยรัตน์ วงศ์ประสิทธิ์สุข หรือเมย์ อายุ 25 ปี ซึ่งอยู่ในที่เกิดเหตุส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดี และขออนุมัติต่อศาลจังหวัดสุพรรณบุรี ออกหมายจับนายอดิศักดิ์ ฐานร่วมกันมียาเสพติดประเภทที่ 1 (ยาบ้า) ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย และร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครอง โดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นสาเหตุที่ทำให้นายอดิศักดิ์โกรธเคืองเจ้าหน้าที่ตำรวจ และโพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊ก จนเป็นที่แพร่หลายในสื่อออนไลน์ดังกล่าว หลังจากนั้น นายอดิศักดิ์ ได้หลบหนีไปอยู่ตามแนวชายแดน ด่านเจดีย์สามองค์ อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี ซึ่งตำรวจภูธรภาค 7 ก็ได้มีการสืบสวนติดตามตัวมาอย่างต่อเนื่อง
พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า ต่อมาเมื่อเวลา 08.20 น.วานนี้ (11 มี.ค.) ขณะที่ตำรวจ สภ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี ได้สนธิกำลังกับเจ้าหน้าที่ทหารกองกำลังสุรสีห์ กองพลทหารราบที่ 9 ตั้งจุดตรวจ บริเวณแยกน้ำตกตะเคียนทอง หมู่ที่ 9 ต.หนองลู อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี ห่างจากด่านเจดีย์ 3 องค์ ประมาณ 5 กม. หลังมีข้อมูลทางด้านการข่าวว่า นายอดิศักดิ์ จะลักลอบเข้ามาเพื่อเดินทางเข้าสู่ตัวจังหวัดกาญจนบุรี พบรถตู้ประจำทางวิ่งจากด่านเจดีย์สามองค์ เข้าสู่ จ.กาญจนบุรี จึงได้ทำการเรียกตรวจค้น ปรากฏว่าพบนายอดิศักดิ์ นั่งมาในรถตู้คันดังกล่าวปะปนกับบผู้โดยสารคนอื่นๆ จึงได้ควบคุมตัวลงมาทำการสอบสวน เบื้องต้นยอมรับว่าเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดสุพรรณบุรีจริง
"ยืนยันว่ากรณีนี้เป็นการจับกุมตัวของตำรวจ ไม่ใช่เป็นการต่อรองกับชนกลุ่มน้อย เพื่อแลกตัวแต่อย่างใด ขณะเดียวกันจากการสอบสวน นายอดิศักดิ์ ให้การว่า ข้ามมาจากฝั่งประเทศเพื่อบ้านมาฝั่งไทย โดยให้เหตุผลว่าเพื่อจะมาเที่ยว แต่กลับถูกจับกุมตัวได้ดังกล่าว ส่วนกรณีที่นายอดิศักดิ์ เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการจ่ายสินบนให้กับตำรวจ ได้สั่งการให้ ผบช.ภ.7 ตรวจสอบเรื่องดังกล่าวแล้ว"พล.ต.อ.สมยศกล่าว
ด้านนายอดิศักดิ์ กล่าวว่า วันนี้ตนได้ข้ามมาจากฝั่งประเทศเพื่อนบ้านเพื่อไปเที่ยวในตัวจังหวัดกาญจนบุรี และจะเดินทางต่อเพื่อกลับบ้านที่ จ.สุพรรณบุรี หลังเกิดเหตุได้หลบหนีไปอยู่เพื่อน ซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อยติดแนวตะเข็บชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน แต่ขณะนี้ทราบว่าถูกกดดันอย่างหนัก ซึ่งหากตนจะอยู่ต่อก็อยู่ได้ แต่เกรงว่าเพื่อนจะเดือดร้อน จึงข้ามมายังฝั่งไทย ทั้งนี้ ยืนยันว่าตั้งแต่เกิดเรื่อง เพิ่งกลับเข้ามาในประเทศครั้งนี้ครั้งแรก และมาถูกจับกุมตัวดังกล่าว ยืนยันว่าตนเดินทางข้ามาเองไม่ได้มีการต่อรองกับตำรวจเพื่อเข้ามอบตัวแต่อย่างใด
ผู้สื่อข่าวถามว่ากลัวหรือไม่ที่เดินทางข้ามมา ทั้งที่ยังมีหมายจับติดตัว นายอดิศักดิ์ กล่าวว่า ตนไม่กลัวถูกจับและไม่กลัวตำรวจ เพราะไม่ได้ทำอะไรผิด
เมื่อถามถึงกรณีที่มีหมายจับคดียาเสพติด นายอดิศักดิ์ กล่าวว่า ตนยอมรับว่า อาจจะผิดเรื่องยาเสพติด ที่ผ่านมา ไม่เคยคิดจะเข้ามอบตัว แต่ยอมรับว่ามีการโทรศัพท์ติดต่อพูดคุยกับมารดาโดยตลอด แต่ไม่เคยบอกว่าจะเข้ามอบตัวมอบตัว และยืนยันว่าเป็นผู้ที่โพสต์ข้อความเฟซบุ๊กขู่ฆ่าตำรวจจริง เพราะตนมองว่าเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง ส่วนกรณีที่โพสต์ข้อความว่ามีนายตำรวจระดับ รองผกก. รับสินบนนั้น ยืนยันว่ากรณีดังกล่าวเป็นเรื่องจริง เพราะก่อนหน้านี้ ตนได้มีการตกลงจ่ายเงินสินบนให้กับตำรวจนายดังกล่าว แต่เขากลับสั่งเก็บตน มีการไล่ยิงตน เมื่อวันที่ 5 ส.ค. 2557 ซึ่งตนมีหลักฐานเป็นคลิปเสียง ซึ่งแม้โทรศัพท์มือถือของตนจะโดนลบข้อมูล แต่สามารถกู้ไฟล์เสียงมาได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่นำตัว นายอดิศักดิ์ มาแถลงข่าว ได้มีนางกญาศิณี คำศรีจันทร์ อายุ 47 ปี ซึ่งเป็นแม่ของนายอดิศักดิ์มาสังเกตการณ์ พร้อมกล่าวทั้งน้ำตาว่า ที่ผ่านมา ตนเองได้มีการโทรศัพท์ติดต่อกับลูกชายโดยตลอด ตนเองพยายามร้องขอให้ลูกชายเข้ามอบตัว โดยได้นัดกันว่าจะเข้ามอบตัวกับตำรวจในเดือน เม.ย.นี้ กระทั่งมาทราบว่าลูกถูกจับกุมตัวจึงเดินทางมา ที่ผ่านมา ลูกชายเคยเล่าให้ฟังว่าได้ทำผิดกฎหมายจริง และมีความขัดแย้งกับตำรวจ ส่วนที่ลูกชายโพสต์เฟซบุ๊กดังกล่าว คิดว่าเพื่อระบายความอัดอั้นตันใจ กรณีถูกตำรวจไล่ยิงเมือวันที่ 5 ส.ค.2557 ทั้งนี้ ตนขอคัดค้านไม่ให้ส่งลูกชายไปดำเนินคดีที่ สภ.ศรีประจันต์ เนื่องจากเกรงว่าจะไม่ปลอดภัย
รายงานข่าวแจ้งว่า ภายหลังการแถลงข่าว พล.ต.อ.สมยศ ได้มอบเงินรางวัลนำจับ จำนวน 100,000 บาท ให้กับตำรวจชุดจับกุม ส่วนนายอดิศักดิ์ ตำรวจชุดปฏิบัติการพิเศษ บก.ภ.จว.สุพรรณบุรี พร้อมอาวุธครบมือได้ควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวนสภ.ศรีประจันต์ จ.สุพรรณบุรี ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ด้าน พล.ต.ท.วีระพงษ์ กล่าวว่า สำหรับการตรวจสอบกรณีที่นายอดิศักดิ์ ออกมาเปิดเผยข้อมูลทางเฟซบุ๊กส่วนตัวกรณีมีนายตำรวจระดับรอง ผกก.เรียกรับสินบนนั้น ขณะนี้นายตำรวจคนดังกล่าวยังคงปฏิบัติหน้าที่อยู่ แต่ก่อนหน้านี้ ตนเองได้มีการเรียกตัวมาสอบถามข้อเท็จจริงบ้างแล้ว และภายหลังจับกุมตัวนายอดิศักดิ์ได้ ก็จะมีการเรียกนายตำรวจคนนี้มาสอบถามข้อเท็จจริงในเชิงลึกมากขึ้น หากพบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องจริงก็จะดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
ขณะที่ พ.ต.อ.ชัยรัตน์ ทิพยจันทร์ รทท.ผบก.ภ.จว.สุพรรณบุรี กล่าวว่า หลังสอบปากคำแล้วเสร็จ จะคุมขังไว้ที่สภ.เมือง วันที่ 12 มี.ค. จะคุมตัวไปฝากขังที่ศาลจังหวัดสุพรรณบุรี ส่วนการที่เบนซ์ ท่าทราย เคยโพสต์เฟซบุ๊กโจมตีนายตำรวจว่ารับเงินสินบนก่อนหน้านั้น ได้ตั้งคณะกรรมสอบข้อเท็จจริงเรียบร้อยแล้ว ซึ่งผู้ต้องหาจะกล่าวว่าร้ายอย่างไรก็ได้ แต่ทั้งหมดต้องขึ้นอยู่กับพยานหลักฐานที่ต้องไปว่ากันในกระบวนยุติธรรม
ทั้งนี้ หลังจากทราบว่าเบนซ์ ท่าทราย ถูกจับกุมได้ ครั้งแรกได้สั่งให้สภ.ศรีประจันต์ ทำความสะอาดห้องขัง เพื่อใช้เป็นสถานที่ควบคุมตัว แต่เมื่อพิจารณาถึงความปลอดภัยแล้ว เห็นว่าห้องขังมีสภาพเก่า ไม่ค่อยแข็งแรง และเกรงว่าจะไม่ปลอดภัยกับตัวผู้ต้องหาเอง อีกทั้งเกรงว่าเพื่อนร่วมแก๊งทราบข่าวอาจจะลงมือก่อเหตุชิงตัวได้ จึงตัดสินใจเปลี่ยนที่คุมขังมาที่สภ.เมือง เนื่องมีความแข็งแรง กำลังเจ้าหน้าที่พร้อมกว่า โดยได้สั่งการให้จัดกำลังตำรวจพร้อมอาวุธเฝ้าดูแลตลอดเวลาที่คุมขังเอาไว้
ข่าวแจ้งว่า นายอดิศักดิ์กล่าวยืนยันขณะเจ้าหน้าที่ตำรวจที่สอบปากคำว่า "ผมมีหลักฐานที่สามารถนำไปยืนยันได้ว่า มีการจ่ายเงินให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจจริง โดยมีทั้งคลิปเสียง และภาพถ่าย หลักฐานทั้งหมดได้มอบให้กับทนายความหมดแล้ว"
ต่อมา ผู้สื่อข่าวได้พยายามโทรศัพท์ติดต่อพ.ต.ท.ธีรวัฒน์ เวชวงษ์ รองผกก.สส.สภ.ศรีประจันต์ หลายครั้ง แต่ไม่รับสายโทรศัพท์แต่อย่างใด
วานนี้ (11 มี.ค) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) พร้อมด้วย พล.ต.ท.วีระพงษ์ ชื่นภักดี ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 (ผบช.ภ.7) พล.ต.ต.กมลสันติ กลั่นบุศย์ ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี พ.ต.อ.ชัยรัตน์ ทิพยจันทร์ รรท.ผบก.ภ.จว.สุพรรณบุรี และพ.อ.สนิธชนก สังขจันทร์ รองผู้บังคับการกองพลทหารราบที่ 9 ร่วมกันแถลงผลการจับกุม นายอดิศักดิ์ ศรีสะอาด อายุ 26 ปี หรือเบนซ์ ท่าทราย ชาว จ.สุพรรณบุรี ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดสุพรรณบุรี ซึ่งได้ประกาศผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวขู่ฆ่าตำรวจ สภ.ศรีประจันต์ ทั้งโรงพัก จากนั้นได้หลบหนีไปกบดานอยู่กับชนกลุ่มน้อยในประเทศเพื่อนบ้าน ฝั่งตรงข้าม ด่านเจดีย์สามองค์ อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี
พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อกลางเดือน พ.ย.2557 ได้ปรากฏในสื่อออนไลน์อย่างแพร่หลาย กรณีมีบุคคลใช้ชื่อว่า "เบนซ์ ท่าทราย" ลงภาพขณะถืออาวุธปืนสงคราม แสดงความอาฆาตมาดร้าย ประกาศขู่จะฆ่าเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ศรีประจันต์ จ.สุพรรณบุรี โดยลงข้อความในลักษณะไม่พอใจเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ศรีประจันต์ ที่ดำเนินการจับกุมพวกของตน จากการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด โดยคดีนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เพราะเป็นการข่มขู่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน โดยผู้ต้องหาที่กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด อันเป็นนโยบายสำคัญของสำนักงานตำรวจแห่งชาติและรัฐบาล มีลักษณะการกระทำการอันเหิมเกริม ไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายบ้านเมือง จึงได้สั่งการให้ตำรวจภูธรภาค 7 ทำการตรวจสอบและติดตามจับกุมผู้ต้องหามาดำเนินคดีให้ได้
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบ พบว่า "เบนซ์ ท่าทราย" มีชื่อจริงว่า นายอดิศักดิ์ ศรีสะอาด อายุ 26 ปี มีภูมิลำเนาอยู่บ้านท่าทราย ต.ดอนปรู อ.ศรีประจันต์ จ.สุพรรณบุรี เคยมีประวัติและการกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติดตั้งแต่ พ.ย.2554 และเมื่อ 10 ก.ค.2557 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมตัว นายมงคล บุญประเสริฐ หรือจ๊อด อายุ 57 ปี พร้อมยาบ้า 20 เม็ด โดยนายมงคล รับว่า ซื้อยาบ้ามาจากนายอดิศักดิ์ หรือเบนซ์ ท่าทราย จึงได้มีการขยายผล ยื่นคำร้องขอออกหมายจับต่อศาลจังหวัดสุพรรณบุรี ซึ่งศาลได้อนุมัติหมายจับนายอดิศักดิ์ ในความผิดฐานมี ยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (ยาบ้า) ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย
ต่อมาเมื่อวันที่ 5 ส.ค.2557 เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.ศรีประจันต์ ได้รับแจ้งจากสายลับว่า นายอดิศักดิ์ หลบอยู่ที่บ้านไม่มีเลขที่ หมู่ที่ 8 ต.ดอนปรู อ.ศรีประจันต์ จ.สุพรรณบุรี จึงได้ทำการตรวจค้นบ้านหลังดังกล่าว แต่นายอดิศักดิ์ไหวตัวทัน วิ่งหลบหนีไปได้ โดยทิ้งยาบ้า 35 เม็ด และอาวุธปืนไว้ในที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงจับกุมตัว น.ส.กัลยรัตน์ วงศ์ประสิทธิ์สุข หรือเมย์ อายุ 25 ปี ซึ่งอยู่ในที่เกิดเหตุส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดี และขออนุมัติต่อศาลจังหวัดสุพรรณบุรี ออกหมายจับนายอดิศักดิ์ ฐานร่วมกันมียาเสพติดประเภทที่ 1 (ยาบ้า) ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย และร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครอง โดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นสาเหตุที่ทำให้นายอดิศักดิ์โกรธเคืองเจ้าหน้าที่ตำรวจ และโพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊ก จนเป็นที่แพร่หลายในสื่อออนไลน์ดังกล่าว หลังจากนั้น นายอดิศักดิ์ ได้หลบหนีไปอยู่ตามแนวชายแดน ด่านเจดีย์สามองค์ อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี ซึ่งตำรวจภูธรภาค 7 ก็ได้มีการสืบสวนติดตามตัวมาอย่างต่อเนื่อง
พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า ต่อมาเมื่อเวลา 08.20 น.วานนี้ (11 มี.ค.) ขณะที่ตำรวจ สภ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี ได้สนธิกำลังกับเจ้าหน้าที่ทหารกองกำลังสุรสีห์ กองพลทหารราบที่ 9 ตั้งจุดตรวจ บริเวณแยกน้ำตกตะเคียนทอง หมู่ที่ 9 ต.หนองลู อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี ห่างจากด่านเจดีย์ 3 องค์ ประมาณ 5 กม. หลังมีข้อมูลทางด้านการข่าวว่า นายอดิศักดิ์ จะลักลอบเข้ามาเพื่อเดินทางเข้าสู่ตัวจังหวัดกาญจนบุรี พบรถตู้ประจำทางวิ่งจากด่านเจดีย์สามองค์ เข้าสู่ จ.กาญจนบุรี จึงได้ทำการเรียกตรวจค้น ปรากฏว่าพบนายอดิศักดิ์ นั่งมาในรถตู้คันดังกล่าวปะปนกับบผู้โดยสารคนอื่นๆ จึงได้ควบคุมตัวลงมาทำการสอบสวน เบื้องต้นยอมรับว่าเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดสุพรรณบุรีจริง
"ยืนยันว่ากรณีนี้เป็นการจับกุมตัวของตำรวจ ไม่ใช่เป็นการต่อรองกับชนกลุ่มน้อย เพื่อแลกตัวแต่อย่างใด ขณะเดียวกันจากการสอบสวน นายอดิศักดิ์ ให้การว่า ข้ามมาจากฝั่งประเทศเพื่อบ้านมาฝั่งไทย โดยให้เหตุผลว่าเพื่อจะมาเที่ยว แต่กลับถูกจับกุมตัวได้ดังกล่าว ส่วนกรณีที่นายอดิศักดิ์ เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการจ่ายสินบนให้กับตำรวจ ได้สั่งการให้ ผบช.ภ.7 ตรวจสอบเรื่องดังกล่าวแล้ว"พล.ต.อ.สมยศกล่าว
ด้านนายอดิศักดิ์ กล่าวว่า วันนี้ตนได้ข้ามมาจากฝั่งประเทศเพื่อนบ้านเพื่อไปเที่ยวในตัวจังหวัดกาญจนบุรี และจะเดินทางต่อเพื่อกลับบ้านที่ จ.สุพรรณบุรี หลังเกิดเหตุได้หลบหนีไปอยู่เพื่อน ซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อยติดแนวตะเข็บชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน แต่ขณะนี้ทราบว่าถูกกดดันอย่างหนัก ซึ่งหากตนจะอยู่ต่อก็อยู่ได้ แต่เกรงว่าเพื่อนจะเดือดร้อน จึงข้ามมายังฝั่งไทย ทั้งนี้ ยืนยันว่าตั้งแต่เกิดเรื่อง เพิ่งกลับเข้ามาในประเทศครั้งนี้ครั้งแรก และมาถูกจับกุมตัวดังกล่าว ยืนยันว่าตนเดินทางข้ามาเองไม่ได้มีการต่อรองกับตำรวจเพื่อเข้ามอบตัวแต่อย่างใด
ผู้สื่อข่าวถามว่ากลัวหรือไม่ที่เดินทางข้ามมา ทั้งที่ยังมีหมายจับติดตัว นายอดิศักดิ์ กล่าวว่า ตนไม่กลัวถูกจับและไม่กลัวตำรวจ เพราะไม่ได้ทำอะไรผิด
เมื่อถามถึงกรณีที่มีหมายจับคดียาเสพติด นายอดิศักดิ์ กล่าวว่า ตนยอมรับว่า อาจจะผิดเรื่องยาเสพติด ที่ผ่านมา ไม่เคยคิดจะเข้ามอบตัว แต่ยอมรับว่ามีการโทรศัพท์ติดต่อพูดคุยกับมารดาโดยตลอด แต่ไม่เคยบอกว่าจะเข้ามอบตัวมอบตัว และยืนยันว่าเป็นผู้ที่โพสต์ข้อความเฟซบุ๊กขู่ฆ่าตำรวจจริง เพราะตนมองว่าเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง ส่วนกรณีที่โพสต์ข้อความว่ามีนายตำรวจระดับ รองผกก. รับสินบนนั้น ยืนยันว่ากรณีดังกล่าวเป็นเรื่องจริง เพราะก่อนหน้านี้ ตนได้มีการตกลงจ่ายเงินสินบนให้กับตำรวจนายดังกล่าว แต่เขากลับสั่งเก็บตน มีการไล่ยิงตน เมื่อวันที่ 5 ส.ค. 2557 ซึ่งตนมีหลักฐานเป็นคลิปเสียง ซึ่งแม้โทรศัพท์มือถือของตนจะโดนลบข้อมูล แต่สามารถกู้ไฟล์เสียงมาได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่นำตัว นายอดิศักดิ์ มาแถลงข่าว ได้มีนางกญาศิณี คำศรีจันทร์ อายุ 47 ปี ซึ่งเป็นแม่ของนายอดิศักดิ์มาสังเกตการณ์ พร้อมกล่าวทั้งน้ำตาว่า ที่ผ่านมา ตนเองได้มีการโทรศัพท์ติดต่อกับลูกชายโดยตลอด ตนเองพยายามร้องขอให้ลูกชายเข้ามอบตัว โดยได้นัดกันว่าจะเข้ามอบตัวกับตำรวจในเดือน เม.ย.นี้ กระทั่งมาทราบว่าลูกถูกจับกุมตัวจึงเดินทางมา ที่ผ่านมา ลูกชายเคยเล่าให้ฟังว่าได้ทำผิดกฎหมายจริง และมีความขัดแย้งกับตำรวจ ส่วนที่ลูกชายโพสต์เฟซบุ๊กดังกล่าว คิดว่าเพื่อระบายความอัดอั้นตันใจ กรณีถูกตำรวจไล่ยิงเมือวันที่ 5 ส.ค.2557 ทั้งนี้ ตนขอคัดค้านไม่ให้ส่งลูกชายไปดำเนินคดีที่ สภ.ศรีประจันต์ เนื่องจากเกรงว่าจะไม่ปลอดภัย
รายงานข่าวแจ้งว่า ภายหลังการแถลงข่าว พล.ต.อ.สมยศ ได้มอบเงินรางวัลนำจับ จำนวน 100,000 บาท ให้กับตำรวจชุดจับกุม ส่วนนายอดิศักดิ์ ตำรวจชุดปฏิบัติการพิเศษ บก.ภ.จว.สุพรรณบุรี พร้อมอาวุธครบมือได้ควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวนสภ.ศรีประจันต์ จ.สุพรรณบุรี ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ด้าน พล.ต.ท.วีระพงษ์ กล่าวว่า สำหรับการตรวจสอบกรณีที่นายอดิศักดิ์ ออกมาเปิดเผยข้อมูลทางเฟซบุ๊กส่วนตัวกรณีมีนายตำรวจระดับรอง ผกก.เรียกรับสินบนนั้น ขณะนี้นายตำรวจคนดังกล่าวยังคงปฏิบัติหน้าที่อยู่ แต่ก่อนหน้านี้ ตนเองได้มีการเรียกตัวมาสอบถามข้อเท็จจริงบ้างแล้ว และภายหลังจับกุมตัวนายอดิศักดิ์ได้ ก็จะมีการเรียกนายตำรวจคนนี้มาสอบถามข้อเท็จจริงในเชิงลึกมากขึ้น หากพบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องจริงก็จะดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
ขณะที่ พ.ต.อ.ชัยรัตน์ ทิพยจันทร์ รทท.ผบก.ภ.จว.สุพรรณบุรี กล่าวว่า หลังสอบปากคำแล้วเสร็จ จะคุมขังไว้ที่สภ.เมือง วันที่ 12 มี.ค. จะคุมตัวไปฝากขังที่ศาลจังหวัดสุพรรณบุรี ส่วนการที่เบนซ์ ท่าทราย เคยโพสต์เฟซบุ๊กโจมตีนายตำรวจว่ารับเงินสินบนก่อนหน้านั้น ได้ตั้งคณะกรรมสอบข้อเท็จจริงเรียบร้อยแล้ว ซึ่งผู้ต้องหาจะกล่าวว่าร้ายอย่างไรก็ได้ แต่ทั้งหมดต้องขึ้นอยู่กับพยานหลักฐานที่ต้องไปว่ากันในกระบวนยุติธรรม
ทั้งนี้ หลังจากทราบว่าเบนซ์ ท่าทราย ถูกจับกุมได้ ครั้งแรกได้สั่งให้สภ.ศรีประจันต์ ทำความสะอาดห้องขัง เพื่อใช้เป็นสถานที่ควบคุมตัว แต่เมื่อพิจารณาถึงความปลอดภัยแล้ว เห็นว่าห้องขังมีสภาพเก่า ไม่ค่อยแข็งแรง และเกรงว่าจะไม่ปลอดภัยกับตัวผู้ต้องหาเอง อีกทั้งเกรงว่าเพื่อนร่วมแก๊งทราบข่าวอาจจะลงมือก่อเหตุชิงตัวได้ จึงตัดสินใจเปลี่ยนที่คุมขังมาที่สภ.เมือง เนื่องมีความแข็งแรง กำลังเจ้าหน้าที่พร้อมกว่า โดยได้สั่งการให้จัดกำลังตำรวจพร้อมอาวุธเฝ้าดูแลตลอดเวลาที่คุมขังเอาไว้
ข่าวแจ้งว่า นายอดิศักดิ์กล่าวยืนยันขณะเจ้าหน้าที่ตำรวจที่สอบปากคำว่า "ผมมีหลักฐานที่สามารถนำไปยืนยันได้ว่า มีการจ่ายเงินให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจจริง โดยมีทั้งคลิปเสียง และภาพถ่าย หลักฐานทั้งหมดได้มอบให้กับทนายความหมดแล้ว"
ต่อมา ผู้สื่อข่าวได้พยายามโทรศัพท์ติดต่อพ.ต.ท.ธีรวัฒน์ เวชวงษ์ รองผกก.สส.สภ.ศรีประจันต์ หลายครั้ง แต่ไม่รับสายโทรศัพท์แต่อย่างใด