ผบ.ตร.แถลงข่าวจับกุม “เบนซ์ ท่าทราย” ผู้ต้องหาค้ายาเสพติด ถืออาวุธสงครามประกาศผ่านเฟซบุ๊กขู่ฆ่าตำรวจ สภ.ศรีประจันต์ ทั้งโรงพัก หลังก่อเหตุได้หลบหนีไปยังฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน และเดินทางเข้าผ่านด่านเจดีย์สามองค์ จนกระทั่งถูกจับในที่สุด พร้อมมอบเงินรางวัล 1 แสนบาทให้ชุดจับกุม
วันนี้ (11 มี.ค) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) พร้อมด้วย พล.ต.ท.วีระพงษ์ ชื่นภักดี ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 (ผบช.ภ.7) พล.ต.ต.กมลสันติ กลั่นบุศย์ ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี พ.ต.อ.ชัยรัตน์ ทิพยจันทร์ รรท.ผบก.ภ.จว.สุพรรณบุรี และพ.อ.สนิธชนก สังขจันทร์ รองผู้บังคับการกองพลทหารราบที่ 9 ร่วมกันแถลงผลการจับกุม นายอดิศักดิ์ ศรีสะอาด อายุ 26 ปี หรือเบนซ์ ท่าทราย ชาว จ.สุพรรณบุรี ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดสุพรรณบุรี ซึ่งได้ประกาศผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวขู่ฆ่าตำรวจ สภ.ศรีประจันต์ ทั้งโรงพัก จากนั้นได้หลบหนีไปกบดานอยู่กับชนกลุ่มน้อยในประเทศเพื่อนบ้านฝั่งตรงข้ามด่านเจดีย์สามองค์ อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี
พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อกลางเดือน พ.ย. 2557 ได้ปรากฏในสื่อออนไลน์อย่างแพร่หลายกรณีมีบุคคลใช้ชื่อว่า “เบนซ์ ท่าทราย” ลงภาพขณะถืออาวุธปืนสงคราม แสดงความอาฆาตมาดร้ายประกาศขู่จะฆ่าเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ศรีประจันต์ จ.สุพรรณบุรี โดยลงข้อความในลักษณะไม่พอใจเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ศรีประจันต์ ที่ดำเนินการจับกุมพวกของตนจากการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดนั้น คดีนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่งเพราะเป็นการข่มขู่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน โดยผู้ต้องหาที่กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดอันเป็นนโยบายสำคัญของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และรัฐบาล ทั้งมีลักษณะการกระทำการอันเหิมเกริมไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายบ้านเมือง จึงได้สั่งการให้ตำรวจภูธรภาค 7 ทำการตรวจสอบและติดตามจับกุมผู้ต้องหามาดำเนินคดีให้ได้
พล.ต.อ.สมยศกล่าวต่อไปว่า จากการตรวจสอบพบว่า “เบนซ์ ท่าทราย” มีชื่อจริงว่า นายอดิศักดิ์ ศรีสะอาด อายุ 26 ปี มีภูมิลำเนาอยู่บ้านท่าทราย ต.ดอนปรู อ.ศรีประจันต์ จ.สุพรรณบุรี เคยมีประวัติและการกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติดตั้งแต่ พ.ย. 2554 และ เมื่อ 10 ก.ค. 2557 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมตัวนายมงคล หรือจ๊อด บุญประเสริฐ อายุ 57 ปี พร้อมยาบ้า 20 เม็ด โดยนายมงคลรับว่าซื้อยาบ้ามาจากนายอดิศักดิ์ หรือเบนซ์ ท่าทราย จึงได้มีการขยายผล ยื่นคำร้องขอออกหมายจับต่อศาลจังหวัดสุพรรณบุรี ศาลได้อนุมัติหมายจับนายอดิศักดิ์ในความผิดฐานมียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (ยาบ้า) ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย
ผบ.ตร.กล่าวว่า ต่อมาเมื่อ 5 ส.ค. 2557 เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.ศรีประจันต์ ได้รับแจ้งจากสายลับว่านายอดิศักดิ์หลบอยู่ที่บ้านไม่มีเลขที่ หมู่ที่ 8 ต.ดอนปรู อ.ศรีประจันต์ จ.สุพรรณบุรี จึงได้ทำการตรวจค้นบ้านหลังดังกล่าว แต่นายอดิศักดิ์ไหวตัวทันวิ่งหลบหนีไปได้ ทิ้งยาบ้า 35 เม็ดและอาวุธปืนไว้ในที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงจับกุมตัว น.ส.กัลยรัตน์ หรือเมย์ วงศ์ประสิทธิ์สุข อายุ 25 ปี ที่อยู่ในที่เกิดเหตุส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดี และขออนุมัติต่อศาลจังหวัดสุพรรณบุรี ออกหมายจับนายอดิศักดิ์ฐานร่วมกันมียาเสพติดประเภทที่ 1 (ยาบ้า) ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย และร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นสาเหตุที่ทำให้นายอดิศักดิ์โกรธเคืองเจ้าหน้าที่ตำรวจและโพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กจนเป็นที่แพร่หลายในสื่อออนไลน์ดังกล่าวหลังจากนั้นนายอดิศักดิ์ได้หลบหนีไปอยู่ตามแนวชายแดน ด่านเจดีย์สามองค์ อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี ซึ่งตำรวจภูธรภาค 7 ก็ได้มีการสืบสวนติดตามตัวมาอย่างต่อเนื่อง
พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า ต่อมาเมื่อเวลา 08.20 น.วันนี้ (11 มี.ค.) ขณะที่ตำรวจ สภ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี ได้สนธิกำลังกับเจ้าหน้าที่ทหารกองกำลังสุรสีห์ กองพลทหารราบที่ 9 ตั้งจุดตรวจบริเวณแยกน้ำตกตะเคียนทอง หมู่ที่ 9 ต.หนองลู อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี ห่างจากด่านเจดีย์สามองค์ประมาณ 5 กิโลเมตร หลังมีข้อมูลทางด้านการข่าวว่านายอดิศักดิ์จะลักลอบเข้ามาเพื่อเดินทางเข้าสู่ตัวจังหวัดกาญจนบุรี พบรถตู้ประจำทางวิ่งจากด่านเจดีย์สามองค์เข้าสู่ จ.กาญจนบุรี จึงได้ทำการเรียกตรวจค้น ปรากฏว่าพบนายอดิศักดิ์นั่งมาในรถตู้คันดังกล่าวปะปนกับบผู้โดยสารคนอื่นๆ จึงได้ควบคุมตัวลงมาทำการสอบสวน เบื้องต้นยอมรับว่าเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดสุพรรณบุรีจริง ทั้งนี้ยืนยันว่ากรณีนี้เป็นการจับกุมตัวของตำรวจ ไม่ใช่เป็นการต่อรองกับชนกลุ่มน้อยเพื่อแลกตัวแต่อย่างใด ขณะเดียวกัน จากการสอบสวนนายอดิศักดิ์ให้การว่าข้ามมาจากฝั่งประเทศเพื่อนบ้านมาฝั่งไทยโดยให้เหตุผลว่าเพื่อจะมาเที่ยว แต่กลับถูกจับกุมตัวได้ดังกล่าว ส่วนกรณีที่นายอดิศักดิ์เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการจ่ายสินบนให้แก่ตำรวจนั้น ตนได้สั่งการให้ ผบช.ภ.7 ตรวจสอบเรื่องดังกล่าว
ด้านนายอดิศักดิ์กล่าวว่า วันนี้ตนได้ข้ามมาจากฝั่งประเทศเพื่อนบ้านเพื่อไปเที่ยวในตัวจังหวัดกาญจนบุรี และจะเดินทางต่อเพื่อกลับบ้านที่ จ.สุพรรณบุรี หลังเกิดเหตุได้หลบหนีไปอยู่เพื่อนซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อยติดแนวตะเข็บชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน แต่ขณะนี้ทราบว่าถูกกดดันอย่างหนัก หากตนจะอยู่ต่อก็อยู่ได้ แต่เกรงว่าเพื่อนจะเดือดร้อนจึงข้ามมายังฝั่งไทย ทั้งนี้ยืนยันว่าตั้งแต่เกิดเรื่องเพิ่งกลับเข้ามาในประเทศครั้งนี้ครั้งแรก และมาถูกจับกุมตัวดังกล่าว ยืนยันว่าตนเดินทางข้ามาเองไม่ได้มีการต่อรองกับตำรวจเพื่อเข้ามอบตัวแต่อย่างใด
ผู้สื่อข่าวถามว่ากลัวหรือไม่ที่เดินทางข้ามมาทั้งที่ยังมีหมายจับติดตัว นายอดิศักดิ์กล่าวว่า ตนไม่กลัวถูกจับและไม่กลัวตำรวจเพราะไม่ได้ทำอะไรผิด เมื่อถามถึงกรณีที่มีหมายจับคดียาเสพติด นายอดิศักดิ์กล่าวว่า ตนยอมรับว่าอาจจะผิดเรื่องยาเสพติดที่ผ่านมาไม่เคยคิดจะเข้ามอบตัว แต่ยอมรับว่ามีการโทรศัพท์ติดต่อพูดคุยกับมารดาโดยตลอด แต่ไม่เคยบอกว่าจะเข้ามอบตัว ยืนยันว่าเป็นผู้ที่โพสต์ข้อความเฟซบุ๊กขู่ฆ่าตำรวจจริงเพราะมองว่าเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง ส่วนกรณีที่โพสต์ข้อความว่ามีนายตำรวจระดับรอง ผกก.รับสินบนนั้น ยืนยันว่ากรณีดังกล่าวเป็นเรื่องจริง เพราะก่อนหน้านี้ตนได้มีการตกลงจ่ายเงินสินบนให้ตำรวจนายดังกล่าว แต่เขากลับสั่งเก็บตน มีการไล่ยิงตนเมื่อวันที่ 5 ส.ค. 2557 ตนมีหลักฐานเป็นคลิปเสียง ซึ่งแม้โทรศัพท์มือถือของตนจะโดนลบข้อมูลแต่สามารถกู้ไฟล์เสียงมาได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่นำตัวนายอดิศักดิ์มาแถลงข่าว ได้มีนางกญาศิณี คำศรีจันทร์ อายุ 47 ปี แม่ของนายอดิศรมาสังเกตการณ์ พร้อมกล่าวทั้งน้ำตาว่าที่ผ่านมาตนเองได้มีการโทรศัพท์ติดต่อกับลูกชายโดยตลอด พยายามร้องขอให้ลูกชายเข้ามอบตัว โดยได้นัดกันว่าจะเข้ามอบตัวต่อตำรวจในเดือนเมษายนนี้ กระทั่งมาทราบว่าลูกถูกจับกุมตัวจึงเดินทางมา ที่ผ่านมาลูกชายเคยเล่าให้ฟังว่าได้ทำผิดกฎหมายจริง และมีความขัดแย้งกับตำรวจ ส่วนที่ลูกชายโพสต์เฟซบุ๊กดังกล่าวคิดว่าเพื่อระบายความอัดอั้นตันใจกรณีถูกตำรวจไล่ยิงเมื่อวันที่ 5 ส.ค. 2557 ทั้งนี้ ตนขอคัดค้านไม่ให้ส่งลูกชายไปดำเนินคดีที่ สภ.ศรีประจันต์ เนื่องจากเกรงว่าจะไม่ปลอดภัย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการแถลงข่าว พล.ต.อ.สมยศได้มอบเงินรางวัลนำจับ จำนวน 100,000 บาทให้แก่ตำรวจชุดจับกุม ส่วนนายอดิศักดิ์นั้นตำรวจชุดปฏิบัติการพิเศษ บก.ภ.จว.สุพรรณบุรี พร้อมอาวุธครบมือได้ควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.ศรีประจันต์ จ.สุพรรณบุรี ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ด้าน พล.ต.ท.วีระพงษ์กล่าวว่า สำหรับการตรวจสอบกรณีที่นายอดิศักดิ์ออกมาเปิดเผยข้อมูลทางเฟซบุ๊กส่วนตัว กรณีมีนายตำรวจระดับรอง ผกก.เรียกรับสินบนนั้น ขณะนี้นายตำรวจนายดังกล่าวยังคงปฏิบัติหน้าที่อยู่ แต่ก่อนหน้านี้ตนได้เรียกตัวมาสอบถามข้อเท็จจริงบ้างแล้ว อย่างไรก็ตาม ภายหลังจับกุมตัวนายอดิศักดิ์ได้ก็จะมีการเรียกนายตำรวจนายนี้มาสอบถามข้อเท็จจริงในเชิงลึกมากขึ้น หากพบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องจริงก็จะดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป