xs
xsm
sm
md
lg

สอบโยงผู้บงการบึ้มศาลผบ.ทบ.ยันมีแบล็คลิสต์ลั่นขอให้เลิกก่อเหตุ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายกฯ เผยเหตุบึ้มหน้าศาลอาญารัชดา โยงเหตุการณ์ ปี 53, 56 , 57 ยันให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย หลักฐานสาวถึงใคร เอาผิดหมดไม่ต้องกลัว ขอบคุณ "ชัยสิทธิ์" ที่ให้กำลังใจ "ประวิตร" ชี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน เตรียมสอบสวนโยงผู้บงการใหญ่ โว ด้าน "ผบ.ทบ."เผย คสช.มีแบล็คลิสต์กลุ่มป่วนเมือง แค่เอ่ยชื่อก็รู้ว่าใครอยู่กลุ่มไหน ลั่น ขอให้เลิกก่อเหตุ ป้อง ผบ.ผบ.1 รอ. - นายทหารธรรมนูญ ไม่มีเจตนาก้าวล่วง “ชัยสิทธิ์” ชี้ทุกอย่างขึ้นอยู่กับหลักฐาน "บิ๊กป๊อก"ย้ำไม่ยอมให้ใครทำชาติวุ่นวาย ไม่หนักใจที่กลุ่มการเมืองยังเคลื่อนไหว บอกมาถึงขั้นนี้ ไม่ต้องกลัวกันแล้ว ด้านผบช.น. ระบุได้ออกหมายจับไปแล้ว 9 ราย ถูกควบคุมตัว 5 ราย ยังเหลืออีก 4 รายที่ยังไม่ได้ควบคุมตัว ส่วนกรณีผู้ที่มีรายชื่อและเบอร์โทรศัพท์ คงจะต้องรอให้ทหารคัดกรองข้อมูลให้ถี่ถ้วนก่อนประสานให้ตร.ออกหมายจับต่อไป "แรมโบ้อีสาน"โร่พบกองปราบ ยันอพปช.ยุบไปแล้ว

วานนี้ (10 มี.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ถึงกรณีเหตุระเบิดหน้าศาลอาญา ว่า ขณะนี้ฝ่ายความมั่นคงกำลังดำเนินการอยู่ ซึ่งจากการข่าวพบว่า มีการโยงใยกับเหตุการณ์ต่างๆ ซึ่งเรามีแนวทางอยู่แล้ว ตั้งแต่เหตุการณ์ปี 53 , 56 และ ปี 57 ที่มีรายงานข่าวมาโดยตลอด ว่า ใครเกี่ยวพันอะไร เรามีข้อมูลหมด แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ เพราะเป็นเรื่องฝ่ายความมั่นคง ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังติดตามอยู่ หากหลักฐานเพียงพอ ก็ต้องมีการดำเนินคดีตามกฎหมายเพื่อให้บ้านเมืองสงบ แต่หากหลักฐานไม่เพียงพอ ก็ต้องสอบต่อไป โดยเราจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย จึงไม่ต้องกลัวว่า เราจะไปเล่นงานใคร ใครทำก็ต้องโดนสอบ ยืนยันว่า ตนไม่มีฝ่าย และอยากเตือนว่า วันนี้บ้านเมืองมีโอกาสที่จะปฏิรูป ทำให้คนรวยพอใจ คนมีรายได้น้อย มีความสุข ถ้าไปข้างใดข้างหนึ่งก็จะเสียอีกข้างโดยไม่จำเป็น ถือเป็นการสร้างความเป็นธรรม ลดความเหลื่อมล้ำ

ส่วนกรณี พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร อดีต ผบ.ทบ. และ อดีต ผบ.สส. แถลงข่าวปฏิเสธกรณีเข้าไปพัวพันกับกับเรื่องดังกล่าวนั้น ตนให้เกียรติพล.อ.ชัยสิทธิ์ มาโดยตลอด และไม่ขอตอบโต้อะไร ซึ่งท่านมีสิทธิ์ที่จะชี้แจง ส่วนที่ให้กำลังใจตนนั้น ก็ขอขอบคุณ รวมถึงขอบคุณทุกคนที่ให้กำลังใจมาด้วย ทั้งนี้จากเหตุการณ์ความรุนแรงต่างๆ ที่เกิดขึ้น ก็เห็นใจหน่วยงานด้านความมั่นคง ที่ทำงานด้วยความยากลำบาก จึงขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และประชาชน ที่ช่วยแจ้งเบาะแสในการดำเนินการ ซึ่งในการประชุมก็ได้มีการเน้นย้ำหน่วยงานด้านความมั่นคง ให้ระมัดระวังการก่อเหตุรุนแรง

พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงหลังประชุมครม.ถึงเรื่องนี้ว่า นายกรัฐมนตรี ได้ชมเชยฝ่ายความมั่นคงที่สามารถจับคนร้ายที่ปาระเบิดได้ทันที หลังจากที่เคยเกิดเหตุลักษณะเดียวกันมาแล้ว ที่สยามพารากอน โดยขณะนั้นนายกฯ กำชับให้ทุกหน่วยปรับวิธีการทำงาน และแผนการปฏิบัติงานให้รัดกุมขึ้น ซึ่งเมื่อเกิดเหตุครั้งที่สอง จึงสามารถจับกุมผู้ก่อเหตุได้ในที่เกิดเหตุ อีกทั้งนายกฯ ได้ขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ที่สามารถบูรณาการข่าวกัน และมีการใช้เจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบเข้ามาช่วย

นอกจากนี้นายกฯยังได้ให้ความมั่นใจเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง ว่า ถ้าข้อมูลหลักฐานพาดพิงถึงบุคคลใด กลุ่มใด ขอให้มั่นใจได้ว่าให้ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ ตามกฏหมาย ตามหลักฐานที่พาดพิงถึงอย่างเต็มที่ โดยไม่ต้องเกรงกลัวอิทธิพลใดๆ ขณะเดียวกัน ก็ขอความร่วมมือภาคประชาชนให้ช่วยแจ้งข้อมูล ข่าวสาร เบาะแส ที่มี เพื่อป้องกัน ระงับเหตุ โดยทุกหน่วยงานราชการ ส่วนใหญ่จะมีมวลชนของตนเอง จึงให้พิจารณาใช้ประโยชน์มวลชนของแต่ละหน่วยงาน อีกทั้งขอให้ประชาชนมั่นใจว่า ทุกภาคส่วนจะดูแลให้เกิดความเรียบร้อยอย่างเต็มที่มากที่สุด หลักฐานสาวถึงใคร เอาผิดหมดไม่ต้องกลัว

กำลังสอบสวนโยงผู้บงการ

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงานเพิ่มเติม รู้เเต่เพียงว่ามีเหตุระเบิดเกิดขึ้น และจับกุมผู้ต้องหาได้ อย่างไรก็ตาม เรื่องดังกล่าว ยังไม่ได้เข้าครม. เป็นหน้าที่ของฝ่ายตำรวจจะติดตามในเรื่องคดีต่อไป ตนเพียงเเค่รับรายงานเพื่อทราบ

"ตอนนี้ยังไม่รู้ ข้อมูลยังไม่มี อย่าเพิ่งไปถามไกล เพราะว่าเรื่องนี้มันละเอียดอ่อน ต้องดูว่าใครบ้าง จะโยงไปถึงใคร ก็ต้องมีสอบสวนกันไป เพราะเราจับผู้ต้องหามาได้ " พล.อ.ประวิตร กล่าว

เมื่อถามว่าจะมีการกำชับถึงสถานการณ์อย่างไร ในที่ประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ(ก.ตร.) รองนายกฯ กล่าวว่า คงไม่ต้องกำชับ เพราะหารือกับทางตำรวจอยู่เป็นประจำ
ส่วนกรณีแกนนำคนเสื้อแดง 13 คน ได้รับการปล่อยตัวอาจสุ่มเสี่ยงก่อเหตุ ตนคิดว่าไม่กังวล เพราะได้รับโทษกันหมดแล้ว ประกอบกับทางศาลมีคำสั่งควบคุมอยู่และแต่ละคน ฉะนั้นศาลว่าอย่างไรก็ว่าไปตามนั้น

"อุดมเดช"ระบุมีแบล็คลิสต์กลุ่มป่วนเมือง

ด้านพล.อ.อุดมเดช สีตบุตร ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) และรมช.กลาโหม กล่าวถึงกรณีที่พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร อดีตผบ.ทบ.อดีตผบ.สส.เตรียมฟ้องเจ้าหน้าที่ทหารกรณีถามนำผู้ต้องหาคดีปาบึ้มศาลอาญา ว่า ในส่วนของพล.ต.พงษ์สวัสดิ์ พรรณจิตต์ ผู้บัญชาการกองพลที่1รักษาพระองค์( ผบ.พล.1) รอ. ไม่ได้ไปพูดเพื่อชี้นำ ส่วนจะไปฟ้องผู้หนึ่งผู้ใดก็เป็นไปตามหลักฐาน ซึ่งการปฏิบัติงานตลอดจนถึงการสอบสวนทหารทำร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งทหารก็ดำเนินการไปตามขอบเขต เมื่อมีเหตุการณ์รุนแรงก็จำเป็นจะต้องใช้กฎหมายพิเศษ ก่อนที่จะให้ตำรวจดำเนินการต่อ ยืนยันว่าทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมายตามอำนาจหน้าที่มี ผบ.พล.1 รอ. ถือเป็นผู้ปฏิบัติงานภายใต้คำสั่งของแม่ทัพภาคที่ 1 ในฐานะผู้บัญชาการกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (กกล.รส.) และก็รับคำสั่งมาจากผู้บัญชาการทหารบกอีกทอดหนึ่ง

" พื้นที่ที่เกิดเหตุอยู่ในพื้นที่ความรับผิดชอบของ ผบ.พล.1 รอ. ซึ่งท่านก็ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเข้มแข็ง ซึ่งตนก็ฟังแล้วก็ไม่ได้ไปก้าวล่วงใคร แต่วันนั้นจะมีนายทหารพระธรรมนูญด้วย ทั้งนี้การแถลงข่าวในวันนั้น เจ้าหน้าที่มีการสอบถามผู้ต้องหาจนได้ข้อมูลเบื้องต้นก่อนที่จะนำมาแถลงข่าว ถือเป็นการถามย้ำข้อมูลที่ได้มากับผู้ต้องหาอีกครั้งหนึ่ง เพราะเป็นข้อมูลที่อยู่ในความสนใจของเจ้าหน้าที่ "

เมื่อถามว่า พล.อ.ชัยสิทธิ์ และ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง อดีต ผบ.บชน. และกลุ่มคนเสื้อแดง มีความเชื่อมโยงกับกลุ่มผู้ต้องหาอย่างไร พล.อ.อุดมเดช กล่าวว่า เรื่องรายชื่อ ตนจะไม่ระบุว่ามีใครบ้าง เพราะมันมีมากหลายท่านด้วยกัน ในส่วนที่เป็นหลักฐานที่เกิดขึ้นก็จะต้องมีการสอบข้อเท็จจริง เมื่อมีการเอ่ยชื่่อใครขึ้นมาเราก็จะรู้ทันทีว่าชื่อของคนนั้นอยู่ในกลุ่มใด แต่ในรายชื่อที่เรามีอยู่ทั้งหมดก็ไม่จำเป็นว่าทุกคนจะต้องเข้ามาเกี่ยวข้องกับคดีดังกล่าว แต่ก็จะต้องยอมรับว่าบางคนที่เรามีรายชื่อมีส่วนเกี่ยวข้อง ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับความแน่นหน่าในเรื่องของความเชื่อมโยงต่าง ๆ อย่างไรก็ตาม เราจะต้องเอาข้อจริงออกมาให้ได้ ดังนั้นใครก็ตามที่มีความคิดจะก่อเหตุความรุนแรงขอให้เลิก เพราะประเทศชาติเราก็เดินมาด้วยดีแล้ว อีกไม่นานทุกอย่างก็จะเป็นไปตามโรดแม็ปที่นายกรัฐมนตรีกำหนดไว้ ถ้าทุกคนร่วมมือกันไม่ก่อความวุ่นวายก็จะเป็นไปตามโรดแม็ปนั้น ที่ผ่านมามีผลสำรวจในเรื่องความพึงพอใจของประชาชนในเรื่องความสงบเรียบร้อย ซึ่งอยู่ในเกณฑ์สูง ตนก็ดีใจ และนายกรัฐมนตรีก็กำชับมาว่าจะต้องทำให้ดีที่สุด จึงต้องขอความร่วมมือกัน และการก่อเหตุรุนแรงก็เห็นแล้วว่าเมื่อก่อเหตุก็จะต้องถูกจับดำเนินคดีและได้รับความเดือดร้อนจากการกระทำของตัวเอง

ไม่ยอมให้ใครทำชาติวุ่นวาย

พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวว่า ยังยืนยันทุกคนต้องช่วยกันทำให้ประเทศชาติสงบ หนทางใดจะนำไปสู่เรื่องดังกล่าว ตนไม่เห็นด้วย จะไม่ยอมให้ใครมาทำกับประเทศเราอย่างนั้น จะพอใจหรือไม่พอใจกัน แล้วมาใช้ระเบิด ตนคิดว่าเป็นการย้อนยุค ไม่ใช่ระบบประชาธิปไตย ต้องอยู่บนหลักกฎหมาย ใครที่ทำนอกเหนือไม่ได้ เป็นอำนาจป่าเถื่อน ทุกคนต้องช่วยกัน หากสังคมไม่รับเขาก็จับกันไป ถ้าสาวถึงตัวจะเห็นชัด แต่ถ้าสาวไม่ถึงตัว ต้องเป็นเรื่องของสังคมว่าจะทำอย่างไร ถ้ายังยอมให้เรื่องแบบนี้มามีอิทธิพลต่อการทำงาน และยังเห็นว่าเป็นเรื่องถูกต้อง ไม่ช่วยกันประณามก็จะเป็นแบบนี้

อย่างไรก็ตาม สำหรับมาตรการรักษาความปลอดภัยต้องเข้มข้นขึ้น นายกฯ สั่งทุกหน่วยงานให้ดูแลความสงบให้เต็มที่ แต่ต้องยอมรับว่าเวลาเราดูแลพื้นที่ไหนดีเขาจะไม่ทำแล้วไปลงมือในบริเวณไม่มีคน ดังนั้น ทุกคนต้องช่วยกัน ในส่วนของกระทรวงมหาดไทยเอง ทั้งท้องถิ่น และกทม.ได้สั่งการไปแล้วให้ช่วยตรวจตราในพื้นที่ตัวเองเพื่อป้องกัน

สำหรับกลุ่มที่ยังเคลื่อนไหวทางการข่าวยังติดตามอยู่ ส่วนภาพรวมในต่างจังหวัด ประชาชนยังให้โอกาสรัฐบาลทำงานอยู่ กระแสสังคมขณะนี้อยากให้ประเทศชาติเดินไปได้ ตราบใดที่รัฐบาลยังทำงานและตอบสนองเขาได้จะกี่เปอร์เซ็นต์ก็แล้วแต่ ซึ่งเราต้องรีบทำงานไป อย่าได้ทำอะไรที่นอกกรอบนอกรอย ผู้สื่อข่าวถามว่า รู้สึกหนักใจหรือไม่ที่ยังมีการเคลื่อนไหวของกลุ่มการเมือง พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า "มาถึงขั้นนี้ไม่ต้องกลัวแล้ว อย่างไรต้องทำประเทศชาติให้เดินไปได้ ไม่มีการมานั่งแหยอยู่" เมื่อถามย้ำว่า แต่การเคลื่อนไหวลักษณะนี้ควบคุมยาก พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ไม่เป็นไร ถ้าทำก็จับได้

สมช. เฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงในกทม.

นายอนุสิษฐ คุณากร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ให้สัมภาษณ์ถึง การรักษาความปลอดภัยในช่วงนี้หลังเกิดเหตุระเบิดหน้าศาลอาญาว่า มีการดูแลทุกจุดที่สำคัญ ส่วนจะเชื่อมโยงประเด็นการเมืองนั้น ฝ่ายสอบสวนกำลังดำเนินการติดตามกันอยู่

เมื่อถามว่า ในฝ่าย สมช.ได้มีรายงานถึงบุคคลที่เชื่อมโยงในเรื่องดังกล่าวหรือไม่ เลขาฯ สมช. กล่าวว่า กำลังตรวจสอบ ในเรื่องการสืบสวนสอบสวนเราไปยืนยันทันที่ไม่ได้ ต้องปล่อยให้ตำรวจดำเนินการให้ถึงที่สุดก่อน เมื่อถามถึงบุคคลที่มีรายชื่อในการก่อเหตุ เลขาฯ สมช. กล่าวว่า ตนก็ฟังจากข่าว ส่วนกระบวนการติดตามสืบสวน คิดว่าผู้ที่มีชื่อเขาก็แสดงความบริสุทธิ์ ทางฝ่ายสืบสวนก็หาข้อมูลว่าในท้ายที่สุดความจริงคืออะไร

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีรายงานกระบวนการที่สั่งการมาจากต่างประเทศหรือไม่ เลขาฯ สมช. กล่าวว่า ไม่มี ยังไม่พบ แต่ก็เห็นบอกว่ามีการติดต่อทางไลน์ ซึ่งข้อมูลนี้ก็ทราบกันทุกคน ขอให้มีการสืบสวนสอบสวนในทางลึกให้มากกว่านี้ก่อน

เมื่อถามว่า ที่คนร้ายระบุเตรียมวางระเบิดในพื้นที่กรุงเทพฯ 100 จุด มีความเป็นไปได้หรือไม่ นายอนุสิษฐ กล่าวว่า ในหน้าที่เราเมื่อมีข่าวลักษณะนี้ ก็มีการวางแผนรับมือ รักษาความปลอดภัยในจุดที่มีความเสี่ยง มีการลาดตะเวน เฝ้าระวัง เพิ่มแสงสว่าง เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยมากขึ้น โดยพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้กำชับเรื่องการดูแลพื้นที่เสี่ยง

เมื่อถามว่า จากเหตุที่เกิดขึ้นแสดงว่าเขาไม่มีความเกรงกลัวต่อกฎอัยการศึก นายอนุสิษฐ กล่าวว่า เราก็ต้องพยายามอุดช่องว่าง ซึ่ง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ก็ได้มอบหมายภารกิจให้หน่วยที่รับผิดชอบดูแลความปลอดภัยอยู่แล้ว

เมื่อถามว่า ขณะนี้มีกลุ่มคนเสื้อแดงเคลื่อนไหวมากขึ้นหรือไม่ เลขาฯ สมช. กล่าวว่า ตนคิดว่าประชาชนส่วนใหญ่ คาดหวังให้เกิดความเปลี่ยนแปลง ต้องการให้บ้านเมืองสงบ นำไปสู่สันติสุขในพื้นที่ทั่วประเทศ เมื่อถามถึงการเคลื่อนไหวของกลุ่มเสรีชน กับกลุ่มเสรีไทย ใช่กลุ่มเดียวกันหรือไม่ เลขาฯ สมช. กล่าวว่า ตนไม่อยากชี้ชัดว่าเป็นกลุ่มเดียวกันหรือไม่ แต่เราต้องติดตามความเคลื่อนไหว ว่าสอดรับกันหรือไม่ ชื่อกลุ่มยังมีอีกเยอะ การเคลื่อนไหวก็มีหลายกลุ่มที่พยายามอยู่

ตร.ระบุออกหมายจับแล้ว9ราย ล่า4หลบหนี

เมื่อเวลา15.30น. วานนี้ (10มี.ค.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล(บช.น.) พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. เปิดเผยกรณีความคืบหน้าเหตุระเบิด บริเวณหน้าศาลอาญารัชดา เมื่อคืนวันที่ 7 มี.ค.ที่ผ่านมา ว่า ขั้นตอนต่างๆอยู่ระหว่างดำเนินการสอบสวน จะมาเปิดเผยรายชื่อไม่ได้ เพราะผู้ที่มีรายชื่อจะหลบหนีการจับกุม ขณะนี้ได้ออกหมายจับไปแล้ว 9 ราย ถูกควบคุมตัว 5 ราย ยังเหลืออีก 4 รายที่ยังไม่ได้ควบคุมตัว ซึ่งในกระบวนการสอบสวนจะต้องเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ทหารก่อน จากนั้นจะส่งมอบมาที่เจ้าหน้าที่ตำรวจให้ดำเนินการสอบสวนเพิ่มเติมอีกครั้ง หากพบว่ามีการพาดพิงใคร หรือเชื่อมโยงไปหาใคร ก็จะทำการสืบสวนขยายผลต่อไป ส่วนกรณีผู้ที่มีรายชื่อและเบอร์โทรศัพท์นั้น คงจะต้องรอผลการสืบสวนให้ชัดเจน เพราะขณะนี้ยังไม่มาการติดต่อจากเจ้าหน้าที่ทหารเลย และยังไม่มีการประสานใดๆทั้งสิ้น

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการตั้งข้อสังเกตว่าเจ้าหน้าที่ทหารสามารถจับกุมผู้ก่อเหตุได้รวดเร็วจนน่าแปลกใจ พล.ต.ท.ศรีวราห์ กล่าวว่า อย่างที่ได้เรียนไปแล้ว ว่าเจ้าหน้าที่ทหารได้ติดตามตัวคนร้าย และทำการซุ่มโป่ง ซึ่งไม่ทราบตั้งแต่แรกว่าจะมีการก่อเหตุขึ้น แต่เนื่องจากอยู่ในวาระของเจ้าหน้าที่หทารที่ต้องป้องกันการก่อความไม่สงบในพื้นที่ ซึ่งท่านนายก ผบ.ตร. และ ผบ.ทบ.ให้เน้นการป้องกันเป็นหลัก

ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า เหตุดังกล่าวมีความเชื่อมโยงกับเหตุระเบิดที่พารากอน อะไรคือความเชื่อมโยง พล.ต.ท.ศรีวราห์ กล่าวว่า เหตุระเบิดที่พารากอน และเหตุระเบิดหน้าศาลอาญารัชดา มีส่วนคล้ายกับเหตุระเบิดเมื่อปี57 แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ เพราะอาวุธที่ใช้คือ อาร์จีดี5 ซึ่งเป็นระเบิดชุดเดียวกับที่ก่อเหตุในพื้นที่จักรวรรดิ โคกคราม และชลบุรี ขอยืนยันว่าไม่มีการนำระเบิดชนิดดังกล่าวมาใช้งานในราชการไทยอย่างแน่นอน

ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า จากแนวทางการสืบสวนระเบิดดังกล่าว เข้ามาในเมืองไทยได้อย่างไร พล.ต.ท.ศรีวราห์ กล่าวว่า ในเรื่องนี้ยังอยู่ในการพิจารณาของศาล เพราะเท่าที่ทราบกัน เรื่องดังกล่าวเคยถูกพิจารณามาแล้ว คดีความทั้งหมดก็ยังอยู่ในศาล ไม่ว่าจะจับใคร หรือฟ้องใคร พาดพิงถึงใคร ทุกขั้นตอนก็เป็นไปตามนั้น

เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ได้รับการประสานจากเจ้าหน้าที่ทหารเรื่องพยานบุคคลและพยานเอกสารต่างๆ ซึ่งได้รับการประสานว่ามีเพียงแต่เศษวัตถุระเบิดในที่เกิดเหตุเท่านั้น คาดว่าจะต้องอยู่ในการพิจารณาของผบ.ทบ. อาจจะได้คำตอบที่ชัดเจนภายในวันศุกร์ที่13มี.ค.นี้

"แรมโบ้"ปัดอพปช. ยุบแล้วไม่มีเอี่ยวบึ้มศาล

เมื่อเวลา 10.00 น.วานนี้ นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ หรือ"แรมโบ้อีสาน" อดีตรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี และอดีตประธานอาสาสมัครพิทักษ์ประชาธิปไตยแห่งชาติ หรือ อพปช. เดินทางเข้าพบ พ.ต.ต.กำธร นิยม พนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป.เพื่อขอให้ลงประจำวันไว้เป็นหลักฐาน กรณีการการจับกุมผู้ต้องหาระเบิดศาลอาญาและมีการนำเอาผ้าพันคอของ อพปช.มาเป็นหลักฐานในการแถลงข่าวด้วย จนเกรงว่าอาจจะให้เกิดการเข้าใจผิดว่าตนเข้าไปเกี่ยวข้องกับคดีที่เกิดขึ้น

นายสุภรณ์ กล่าวว่า ที่ต้องมาขอให้ตำรวจลงบันทึกประจำวันไว้ ก็เพือต้องการแสดงความบริสุทธิ์ใจ ว่าตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับตัวผู้ต้องหา และ อพปช.ได้แถลงยุบองค์กร และยุติบทบาทไปตั้งแต่วันที่ 31 พ.ค.2557 ที่ผ่านมา ส่วนตัวก็ไม่เข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องการเมืองอีกแต่อย่างใด ทุกวันทำหน้าที่คอยดูแลครอบครัวเพียงอย่างเดียวเท่านั้น และไม่ขอเข้าไปเกี่ยวข้องกับการเมืองอีกแล้ว

นายสุภรณ์ กล่าวอีกว่า ส่วนตัวผู้ต้องหาทั้งสองที่ถูกจับกุมนั้นขอยืนยันว่าไม่เคยรู้จักกันมาก่อ ผ้าพันคอของกลาง ที่ถูกนำมาแถลงข่าว จำได้ว่าขณะนั้นได้มีการแจกให้กับสมาชิกในกลุ่มไปทั้งหมด 1 หมื่นกว่าผืน จนถึงตอนนี้จึงไม่รู้ว่าจะไปอยู่กับใครบ้าง ซึ่งการกระทำของผู้ต้องหา สร้างความเสียหายต่อชื่อเสียงที่จะให้คนอื่นเกิดเข้าใจผิดได้ จึงขอให้ตำรวจช่วยสอบสวน หากพบพบความผิดก็ขอให้ดำเนินโดยเด็ดขาดอีกด้วย.
กำลังโหลดความคิดเห็น