xs
xsm
sm
md
lg

กกร.จี้รัฐเบิกจ่ายกระตุ้นศก.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน – กกร.ผวาเศรษฐกิจชะลอตัวต่อหลังรัฐส่อแววเบิกจ่ายงบลงทุนภาครัฐต่ำกว่าเป้าหมาย เหตุม.ค.58เบิกจ่ายแค่ 13% แนะรัฐต้องเร่งกระตุ้นศก.ภายในเร่งด่วน เหตุพึ่งส่งออกลำบาก หั่นเป้าส่งออกปีนี้เหลือโต 2-2.5% หวังกนง.ลดดอกเบี้ยแรง 0.50% ดูแลค่าบาทที่แข็งค่าต่อเนื่อง มองผลงานรัฐบาลตั้งใจสูงแต่ยังไม่เป็นรูปธรรมมาก
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.)เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน3สถาบัน(กกร.)ว่า กกร.มีความกังวลต่อการเติบโตของภาวะเศรษฐกิจไทยที่อาจชะลอตัวลงได้อีกหลังจากที่ล่าสุดการเบิกจ่ายงบลงทุนภาครัฐม.ค. 58 คิดเป็นเงิน 5 หมื่นกว่าล้านบาทหรือ 13% ซึ่งลดลงอย่างมากเมื่อเทียบกับช่วงม.ค.57 ที่มีการเบิกจ่ายสูงถึง 1.2 แสนล้านบาท ดังนั้นจึงมองว่าเดิมที่คาดการณ์ว่าการเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐในช่วงครึ่งปีแรกของงบประมาณ(ต.ค.57-มี.ค.58) จะอยู่ที่ 30% ของงบทั้งหมดอาจจะไม่ถึง
“ ขณะนี้ภาวะเงินเฟ้อก.พ.ยังคงติดลบเป็นเดือนที่ 2 แต่ก็ยังมองว่าจะไม่เกิดภาวะเงินฝืด แต่หากการเบิกจ่ายงบประมาณและงบลงทุนรัฐล่าช้าก็จะมีผลให้เศรษฐกิจชะลอตัว ต้องฝากรัฐเรื่องนี้เพราะขณะนี้การเบิกจ่ายงบลงทุนช้ามาก ซึ่งปัจจุบันภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัวจึงต้องเร่งเศรษฐกิจภายในประเทศให้เร็วที่สุดทั้งการเร่งเบิกจ่ายงบและการดูแลราคาสินค้าเกษตร
ซึ่งรัฐมนตรีแต่ละกระทรวงจะต้องมาดูงบลงทุนต่างๆ เพราะหลายโครงการถูกระงับ หรือชะลอออกไปการมีงบลงทุนใหม่ๆ มาแทนก็จะต้องสร้างขึ้นมาเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจด้วย“นายสุพันธ์กล่าว
สำหรับการส่งออกนั้นจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวและปัญหาอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทของไทยที่แข็งค่ากว่าประเทศคู่แข่งทางการค้ากกร.จึงเห็นชอบที่จะลดเป้าหมายการส่งออกที่เดิมคาดการณ์ไว้ว่าปี 2558 จะโต 3.5% เหลือ 2-2.5% และคงการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศหรือ GDP ที่ 3.5% โดยจากนี้ไปจะมีการพิจารณาเปลี่ยนแปลงเป้าหมายการส่งออกและอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจไทยเป็นรายไตรมาสแทนที่จะเป็นรายเดือน
“ในแง่ของการส่งออกเอกชนยังยืนยันที่ต้องการเห็น คณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)ควรจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.50% เพื่อดูแลไม่ให้เงินไหลเข้ามากจนส่งผลให้ค่าเงินบาทแข็งค่ากว่าเพื่อนบ้านในขณะนี้ซึ่งก็จะทำให้การส่งออกของไทยสามารถแข่งขันได้มากขึ้น”นายสุพันธุ์กล่าว
นายสุพันธ์กล่าวว่า กรณีการให้คะแนนผลงานรัฐบาลนั้นคงไม่มีการให้คะแนนใดๆ แต่หากมองในแง่ของผลงานรัฐบาลเองถือว่าความตั้งใจรัฐบาลมีค่อนข้างสูง แต่ผลงานที่ดำเนินการให้เกิดเป็นรูปธรรมนั้นยังถือว่ายังไม่มากนักโดยเฉพาะการดูแลภาวะเศรษฐกิจซึ่งส่วนหนึ่งต้องยอมรับว่าเกิดจากปัจจัยภายนอกประเทศที่ควบคุมไม่ได้เพราะเศรษฐกิจโลกชะลอตัวและทุกประเทศก็ประสบปัญหาเช่นกันดังนั้นรัฐบาลจึงต้องมาแก้ไขเศรษฐกิจภายในประเทศ นอกจากนี้หลายเรื่องเองที่เอกชนเสนอไปก็ยังไม่เป็นรูปธรรมนักเช่น การสนับสนุนให้วิสาหกิจขนาดกลางและย่อม(เอสเอ็มอี)เป็นวาระแห่งชาติ ขั้นตอนต่างๆ ยังไม่คืบหน้า
อย่างไรก็ตามที่ประชุมกกร.ได้เห็นชอบตั้งคณะทำงาน 1 ชุดเพื่อมาดูแลเกี่ยวกับการแก้ไขกฏหมายทางด้านธุรกิจเพื่อติดตามความคืบหน้าให้เกิดรูปธรรมเพื่อที่จะมีส่วนกระตุ้นเศรษฐกิจโดยเฉพาะกฏหมายที่สำคัญ 7 เรื่อง ได้แก่ 1. กฏหมายที่เกี่ยวกับหลักประกันทางธุรกิจ 2. กฏหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยการค้ำประกันสินทรัพย์จำนอง 3. กฏหมายว่าด้วยเศรษฐกิจดิจิทัล 4.
กฏหมายภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง 5. กฏหมายศุลกากร 6. กฏหมายเกี่ยวกับตั๋วเงิน และ 7. กฏหมายล้มละลาย
กำลังโหลดความคิดเห็น