โดย...ไพรัตน์ แย้มโกสุม
เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2558 มีโอกาสไปฟังรายการ “เวทีวิชั่น” เรื่อง “คุณธรรม นำความรู้ สู่เป้าหมาย” ที่โรงเรียนพยัคฆภูมิวิทยาคาร อ.พยัคฆภูมิพิสัย จ.มหาสารคาม
โรงเรียนแห่งนี้เปลี่ยนไปเยอะ ภูมิทัศน์สวยงาม มีที่ชื่นชมมากหลาย ครู-นักเรียนดูรื่นรมย์ มีชีวิตชีวา
ขณะรอเปิดงาน นักเรียนนั่งสมาธิเงียบสงบ ทำให้ผู้มาร่วมงานฟังรายการพลอยสงบไปด้วย เป็นไปตามสำนวนไทยที่ว่า “เข้าเมืองตาหลิ่ว ต้องหลิ่วตาตาม” คือทำตามอย่างคนส่วนใหญ่ทำ หรือทำตามสถานการณ์ที่กำลังเป็นอยู่
เมื่อทุกอย่างพร้อม เพลงวันพรุ่งนี้และเพลงค่านิยม 12 ประการ ดังกระหึ่ม ตามด้วยเพลงรักชาติอีกหลายเพลง เช่น ผู้ชนะสิบทิศ, บางระจัน เป็นต้น เหมือนมีพลังลึกลับขยับอยู่ภายใน ขนลุกซู่ซ่า ขอชื่นชมในความสามารถของนักเรียน ซึ่งก็คือ ผู้ที่จะต้องรับผิดชอบต่อบ้านเมืองในอนาคต อันที่ผู้หลักผู้ใหญ่ในปัจจุบันต้องทะนุถนอมเขา ดูแลเขา รักเขา เมตตาเขา ให้ปัญญาเขา มิใช่ให้ความโง่แก่เขา มิใช่ไปสร้างหนี้สินให้เขาต้องแบกรับในอนาคต
ก่อนจะเปิดรายการ ดร.มนูญ เพชรมีแก้ว ผู้อำนวยการโรงเรียน กล่าวรายงาน และนายอำเภอ นายฉัตรชัย อุ่นเจริญ กล่าวเปิดงาน พร้อมกับปาฐกถาพิเศษ... “ผมชื่นชมโรงเรียนที่มีกิจกรรมเช่นนี้หาดูยาก ไม่ค่อยพบเห็น เป็นกิจกรรมในกรอบ ที่ออกนอกกรอบ คนที่ประสบความสำเร็จ หรือไปถึงดวงดาวถึงเป้าหมายทั่วโลก ส่วนมากคิดและทำนอกกรอบทั้งนั้น อยู่ในกรอบก็ดีอยู่ แต่มันไม่สุด ไม่เต็มที่ แสดงว่าที่นี่โรงเรียนแห่งนี้ ผู้บริหาร ครูอาจารย์ มีวิชั่น มีสายตายาวไกล นักเรียนก็เจริญรอยตามครู งอกงามเต็มที่...”
พิธีกรรายการมี 2 คนคือ น้องโนเกีย-นันทศิริ สุขโสม และน้องโม-ศรัตรา สุทธิประภา ม. 4/11 ทั้งคู่
ส่วนวิทยากรเป็นคหบดีมีชื่อเสียงในท้องถิ่น เป็นปราชญ์ชาวบ้านประมาณนั้น เป็นผู้เห็นประโยชน์ตนประโยชน์ท่าน นำคุณประโยชน์แก่บ้านเมืองมาโดยตลอด
ท่านแรก คุณสมาน คุตไชยกุล เจ้าของ “สมานบุ๊ค เซ็นเตอร์ พยัคฆ์” เป็นคนโคราช มาตั้งหลักปักฐานที่พยัคฆ์ จากจุดเล็กๆ ขายขนมและหนังสือ จนได้ชื่อว่าสมานบุ๊ค มีสาขาตามอำเภอในจังหวัดต่างๆ 12 แห่ง ถือว่าประสบความสำเร็จหรือบรรลุเป้าหมายเป็นอย่างดี เป็น 1 ใน 100 นักบริหารดาวเด่นแห่งอีสาน
ท่านที่สอง คุณอภิยุช ตาราไต เจ้าของร้าน “เพียวเภสัช” เป็นคนกรุงเทพฯ ผู้หลงเสน่ห์เมืองพยัคฆ์ จากร้านขายยาเล็กๆ จนใหญ่โตในปัจจุบัน กลายเป็นตำนานร้านขายยาที่อยู่ยงคงกระพันตราบทุกวันนี้
ท่านที่สาม เป็นข้าราชการบำนาญ เป็นครูเก่า จำชื่อท่านไม่ได้ แม้ท่านจะไม่ร่ำรวย แต่ท่านก็ไม่มีหนี้ อยู่แบบพอเพียง ช่วยเหลือสังคมแบบให้ปัญญา ทำบุญแบบให้ธรรมทาน
มีคำถามหนึ่งที่พิธีกรยิงคำถามให้วิทยากรแต่ละคนตอบ คือ “ท่านใช้คุณธรรม นำความรู้อย่างไร ในการประกอบอาชีพจนประสบความสำเร็จ บรรลุถึงเป้าหมาย ดังใจปรารถนา”
เป็นคำถามที่โจทย์เหมือนกัน แต่ผู้ตอบคือวิทยากร ตอบไม่เหมือนกัน เป็นการมองต่างมุมของแต่ละคน
เป็นธรรมชาติดี เพราะผู้ตอบก็ใช้ประสบการณ์ของตนเอง เป็นคำตอบ
คำตอบของวิทยากรทั้งสามท่าน พอสรุปคร่าวๆ ได้ดังนี้...แต่ละท่านก็เล่าประวัติพอสังเขป เริ่มต้นจากศูนย์ ขยัน อดทน ซื่อสัตย์ กตัญญูกตเวที รู้ทันโลก รู้ทันธรรม เป็นตัวของตัวเอง โดยเฉพาะคุณธรรม ขาดไม่ได้โดยเด็ดขาด ท่านทั้งสามเปรียบคุณธรรมไว้ได้ดีมาก เช่น...แสงสว่างส่องทาง, แผ่นดินซึ่งเป็นที่ตั้งแห่งสิ่งทั้งปวง, เครื่องห่อหุ้มชีวิตทุกแง่มุม, ร่มโพธิ์ร่มไทรของสัตว์โลก, ร่มคันใหญ่กันแดดกันฝน, กระจกเงาเพื่อส่องให้รู้จักตัวเองและคนอื่น, สวนดอกไม้ซึ่งมีให้เลือกแปดหมื่นสี่พันชนิด, เหมืองทองของมนุษย์ เครื่องอยู่อันประเสริฐ, สิ่งนำหน้าของสิ่งทั้งปวง ฯลฯ
จากนั้นก็มีนักเรียนผู้ฟัง ลุกขึ้นมาถามปัญหาสดๆ ตรงไมโครโฟน บ่งบอกถึงความกล้าหาญทางจริยธรรม ด้วยการแสดงออก
มีคำถามโดนใจแทบทุกคำถาม เช่น เรื่องอบายมุข, ยาเสพติด, การทุจริตคอร์รัปชัน, พระปลอม, แม้กระทั่งทำอย่างไรจึงจะเรียนเก่งเรียนดีมีความสุข ฯลฯ
มีคำถามหนึ่งที่โดนใจสุดๆ คือ... “ทำอย่างไรจึงจะเป็นตัวของตัวเอง” เป็นคำถามง่ายๆ แต่ตอบยากชะมัด เพราะผู้ตอบ อาจจะยังไม่มีประสบการณ์ หรือมีประสบการณ์แล้ว แต่ยังไม่เข้าใจ
คำถามนี้...อดีตครูผู้เฒ่า ตอบว่า... “ไม่ต้องทำอะไร เพราะแต่ละคนก็เป็นตัวของตัวเองอยู่แล้ว เพียงแต่...แต่ละคนไม่เหมือนกัน ตรงที่แต่ละคนไม่เหมือนกันนั่นแหละ คือความเป็นตัวของตัวเอง” แล้วท่านก็ “จบ” เพียงเท่านั้น
ผมตั้งใจฟังมาโดยตลอด ยังงงอยู่ คงคิดอีกนานกว่าจะเข้าใจ และเข้าถึง
ตอนจบรายการ พิธีกร ฝากบทกลอนสอนใจอีกว่า...
“พยัคฆ์วิทย์ ศิษย์มีครู ผู้ตื่นรู้
จึ่งเชิดชู คุณธรรม นำสิกขา
มุ่งถึงพร้อม จรณะ และวิชชา
สู่มรรคา ผู้เป็นตัว ของตัวเอง”
หลังจบรายการ มีโอกาสพูดคุยกับ ผอ.และคุณครูหลายๆ ท่าน
“ห้องสมุดอาเซียน” นอกจากจะเป็นที่อ่านหนังสือ ดูหนังสั้น ดูละคร ดูการแสดงต่างๆ แล้ว ยังเป็นห้องประชุมขนาดเล็กอีกด้วย” ผอ.ปรารภ
“มีวิชาการอย่างไร ที่จะให้นักเรียนรักการอ่าน” ผมถาม
“นักเรียนต้องมีแต้มสะสมครบ 5 แต้ม มีสิทธิได้ดูหนังสั้น อ่านหนังสือจบ 1 เล่ม ได้ 1 แต้ม ห้องสมุดอาเซียนตอนพักเที่ยง หรือตอนคาบว่างของนักเรียน จะมีนักเรียนมาใช้บริการไม่ขาดสาย เรื่องหนังสั้นที่นี่มีชื่อเสียง สร้างแสดงโดยนักเรียน แต่ละเรื่องได้รับรางวัลระดับภาคระดับประเทศมาแล้ว...” ผอ.กล่าวด้วยความภาคภูมิใจ
พูดคุยกับ ผอ.หรือบอสแห่งนี้แล้ว ก็อดที่จะพูดกับครูผู้ปฏิบัติงาน หรือผู้ทำโครงการไม่ได้
“โครงการนี้หรือรายการเวทีวิชั่น ทราบว่าทำทุกปี รู้สึกอย่างไร หรือมีผลดีต่อนักเรียน ต่อโรงเรียนอย่างไร” ผมถามอาจารย์บุญช่วย แก้วอาจ ครูสอนและที่ปรึกษาวิชาพระพุทธศาสนา
“รู้สึกอย่างไร รู้สึกดีมากค่ะ ความคิดมาจากหัวสมอง ความรู้สึกมาจากหัวใจ อะไรก็ตามที่หลั่งไหลออกมาจากหัวใจมันบริสุทธิ์ สุดยอด รายการเวทีวิชั่นสร้างขึ้นเพื่อให้นักเรียนได้แสดงความคิดเห็น วิชาความรู้ต่างๆ ที่ได้ร่ำเรียนมา ก็เอาออกมาใช้บ้างบนเวทีแห่งนี้ ปรัชญาการศึกษาเก่าแก่ของเราบอกว่า “คิดเป็น ทำเป็น แก้ปัญหาเป็น” ก็ดูกันตรงนี้ เขาจัดการได้ดีไหม เรียบร้อยไหม เชื่อมสัมพันธ์กับชุมชนไหม มีสาระไหม นี่คือความคิดดี ในที่สุดความคิดดี ก็จะกลายเป็นความรู้สึกที่ดี ปัจเจกชนมีความรู้สึกดี นักเรียนและครูรวมทั้งผู้บริหารมีความรู้สึกดี นั่นคือผลที่ได้เกิดขึ้นแล้วกับนักเรียนกับโรงเรียน...” อาจารย์บุญช่วย แก้วอาจ ครูอาวุโส (ซี 9) ซึ่งจะเกษียณเทอมหน้า ตอบโจทย์โดนใจเกินคาดหมาย จนทะเลระเริงคลื่นเงียบสงบ
อาจารย์ทรงเกียรติ ปักเคทา หัวหน้ากลุ่มสาระสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม พร้อมด้วยเพื่อนครู อาทิ ครูจิรพรรณ ครูลมโชย ครูสมาน ครูยุ้ย และอีกหลายๆ ครูผู้มีหัวใจจิตอาสา “ร่วมด้วยช่วยกัน” จนงานสำเร็จเรียบร้อยลงด้วยดี ขอชื่นชม
วันนี้ ผมมีหัวใจพองโตเต็มไปด้วยความรู้สึกดีๆ เห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ เห็นบ้านเมืองมีอนาคตสดใส เพราะเด็กเยาวชนวันนี้ มีความเป็นตัวของตัวเองในทางสร้างสรรค์ รู้อะไรผิด อะไรถูก รู้อะไรควร อะไรไม่ควร รู้ใครเป็นคนชั่ว ใครเป็นคนดี รู้อะไรควรต่อต้าน อะไรควรส่งเสริม รู้...ฯลฯ...
โอ.....วันมายด์ สิ่งนี้มี-สิ่งนี้จึงมี สิ่งนี้ไม่มี-สิ่งนี้จึงไม่มี สรรพสิ่งทั้งมวลล้วนตถตา-เช่นนั้นเอง
เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2558 มีโอกาสไปฟังรายการ “เวทีวิชั่น” เรื่อง “คุณธรรม นำความรู้ สู่เป้าหมาย” ที่โรงเรียนพยัคฆภูมิวิทยาคาร อ.พยัคฆภูมิพิสัย จ.มหาสารคาม
โรงเรียนแห่งนี้เปลี่ยนไปเยอะ ภูมิทัศน์สวยงาม มีที่ชื่นชมมากหลาย ครู-นักเรียนดูรื่นรมย์ มีชีวิตชีวา
ขณะรอเปิดงาน นักเรียนนั่งสมาธิเงียบสงบ ทำให้ผู้มาร่วมงานฟังรายการพลอยสงบไปด้วย เป็นไปตามสำนวนไทยที่ว่า “เข้าเมืองตาหลิ่ว ต้องหลิ่วตาตาม” คือทำตามอย่างคนส่วนใหญ่ทำ หรือทำตามสถานการณ์ที่กำลังเป็นอยู่
เมื่อทุกอย่างพร้อม เพลงวันพรุ่งนี้และเพลงค่านิยม 12 ประการ ดังกระหึ่ม ตามด้วยเพลงรักชาติอีกหลายเพลง เช่น ผู้ชนะสิบทิศ, บางระจัน เป็นต้น เหมือนมีพลังลึกลับขยับอยู่ภายใน ขนลุกซู่ซ่า ขอชื่นชมในความสามารถของนักเรียน ซึ่งก็คือ ผู้ที่จะต้องรับผิดชอบต่อบ้านเมืองในอนาคต อันที่ผู้หลักผู้ใหญ่ในปัจจุบันต้องทะนุถนอมเขา ดูแลเขา รักเขา เมตตาเขา ให้ปัญญาเขา มิใช่ให้ความโง่แก่เขา มิใช่ไปสร้างหนี้สินให้เขาต้องแบกรับในอนาคต
ก่อนจะเปิดรายการ ดร.มนูญ เพชรมีแก้ว ผู้อำนวยการโรงเรียน กล่าวรายงาน และนายอำเภอ นายฉัตรชัย อุ่นเจริญ กล่าวเปิดงาน พร้อมกับปาฐกถาพิเศษ... “ผมชื่นชมโรงเรียนที่มีกิจกรรมเช่นนี้หาดูยาก ไม่ค่อยพบเห็น เป็นกิจกรรมในกรอบ ที่ออกนอกกรอบ คนที่ประสบความสำเร็จ หรือไปถึงดวงดาวถึงเป้าหมายทั่วโลก ส่วนมากคิดและทำนอกกรอบทั้งนั้น อยู่ในกรอบก็ดีอยู่ แต่มันไม่สุด ไม่เต็มที่ แสดงว่าที่นี่โรงเรียนแห่งนี้ ผู้บริหาร ครูอาจารย์ มีวิชั่น มีสายตายาวไกล นักเรียนก็เจริญรอยตามครู งอกงามเต็มที่...”
พิธีกรรายการมี 2 คนคือ น้องโนเกีย-นันทศิริ สุขโสม และน้องโม-ศรัตรา สุทธิประภา ม. 4/11 ทั้งคู่
ส่วนวิทยากรเป็นคหบดีมีชื่อเสียงในท้องถิ่น เป็นปราชญ์ชาวบ้านประมาณนั้น เป็นผู้เห็นประโยชน์ตนประโยชน์ท่าน นำคุณประโยชน์แก่บ้านเมืองมาโดยตลอด
ท่านแรก คุณสมาน คุตไชยกุล เจ้าของ “สมานบุ๊ค เซ็นเตอร์ พยัคฆ์” เป็นคนโคราช มาตั้งหลักปักฐานที่พยัคฆ์ จากจุดเล็กๆ ขายขนมและหนังสือ จนได้ชื่อว่าสมานบุ๊ค มีสาขาตามอำเภอในจังหวัดต่างๆ 12 แห่ง ถือว่าประสบความสำเร็จหรือบรรลุเป้าหมายเป็นอย่างดี เป็น 1 ใน 100 นักบริหารดาวเด่นแห่งอีสาน
ท่านที่สอง คุณอภิยุช ตาราไต เจ้าของร้าน “เพียวเภสัช” เป็นคนกรุงเทพฯ ผู้หลงเสน่ห์เมืองพยัคฆ์ จากร้านขายยาเล็กๆ จนใหญ่โตในปัจจุบัน กลายเป็นตำนานร้านขายยาที่อยู่ยงคงกระพันตราบทุกวันนี้
ท่านที่สาม เป็นข้าราชการบำนาญ เป็นครูเก่า จำชื่อท่านไม่ได้ แม้ท่านจะไม่ร่ำรวย แต่ท่านก็ไม่มีหนี้ อยู่แบบพอเพียง ช่วยเหลือสังคมแบบให้ปัญญา ทำบุญแบบให้ธรรมทาน
มีคำถามหนึ่งที่พิธีกรยิงคำถามให้วิทยากรแต่ละคนตอบ คือ “ท่านใช้คุณธรรม นำความรู้อย่างไร ในการประกอบอาชีพจนประสบความสำเร็จ บรรลุถึงเป้าหมาย ดังใจปรารถนา”
เป็นคำถามที่โจทย์เหมือนกัน แต่ผู้ตอบคือวิทยากร ตอบไม่เหมือนกัน เป็นการมองต่างมุมของแต่ละคน
เป็นธรรมชาติดี เพราะผู้ตอบก็ใช้ประสบการณ์ของตนเอง เป็นคำตอบ
คำตอบของวิทยากรทั้งสามท่าน พอสรุปคร่าวๆ ได้ดังนี้...แต่ละท่านก็เล่าประวัติพอสังเขป เริ่มต้นจากศูนย์ ขยัน อดทน ซื่อสัตย์ กตัญญูกตเวที รู้ทันโลก รู้ทันธรรม เป็นตัวของตัวเอง โดยเฉพาะคุณธรรม ขาดไม่ได้โดยเด็ดขาด ท่านทั้งสามเปรียบคุณธรรมไว้ได้ดีมาก เช่น...แสงสว่างส่องทาง, แผ่นดินซึ่งเป็นที่ตั้งแห่งสิ่งทั้งปวง, เครื่องห่อหุ้มชีวิตทุกแง่มุม, ร่มโพธิ์ร่มไทรของสัตว์โลก, ร่มคันใหญ่กันแดดกันฝน, กระจกเงาเพื่อส่องให้รู้จักตัวเองและคนอื่น, สวนดอกไม้ซึ่งมีให้เลือกแปดหมื่นสี่พันชนิด, เหมืองทองของมนุษย์ เครื่องอยู่อันประเสริฐ, สิ่งนำหน้าของสิ่งทั้งปวง ฯลฯ
จากนั้นก็มีนักเรียนผู้ฟัง ลุกขึ้นมาถามปัญหาสดๆ ตรงไมโครโฟน บ่งบอกถึงความกล้าหาญทางจริยธรรม ด้วยการแสดงออก
มีคำถามโดนใจแทบทุกคำถาม เช่น เรื่องอบายมุข, ยาเสพติด, การทุจริตคอร์รัปชัน, พระปลอม, แม้กระทั่งทำอย่างไรจึงจะเรียนเก่งเรียนดีมีความสุข ฯลฯ
มีคำถามหนึ่งที่โดนใจสุดๆ คือ... “ทำอย่างไรจึงจะเป็นตัวของตัวเอง” เป็นคำถามง่ายๆ แต่ตอบยากชะมัด เพราะผู้ตอบ อาจจะยังไม่มีประสบการณ์ หรือมีประสบการณ์แล้ว แต่ยังไม่เข้าใจ
คำถามนี้...อดีตครูผู้เฒ่า ตอบว่า... “ไม่ต้องทำอะไร เพราะแต่ละคนก็เป็นตัวของตัวเองอยู่แล้ว เพียงแต่...แต่ละคนไม่เหมือนกัน ตรงที่แต่ละคนไม่เหมือนกันนั่นแหละ คือความเป็นตัวของตัวเอง” แล้วท่านก็ “จบ” เพียงเท่านั้น
ผมตั้งใจฟังมาโดยตลอด ยังงงอยู่ คงคิดอีกนานกว่าจะเข้าใจ และเข้าถึง
ตอนจบรายการ พิธีกร ฝากบทกลอนสอนใจอีกว่า...
“พยัคฆ์วิทย์ ศิษย์มีครู ผู้ตื่นรู้
จึ่งเชิดชู คุณธรรม นำสิกขา
มุ่งถึงพร้อม จรณะ และวิชชา
สู่มรรคา ผู้เป็นตัว ของตัวเอง”
หลังจบรายการ มีโอกาสพูดคุยกับ ผอ.และคุณครูหลายๆ ท่าน
“ห้องสมุดอาเซียน” นอกจากจะเป็นที่อ่านหนังสือ ดูหนังสั้น ดูละคร ดูการแสดงต่างๆ แล้ว ยังเป็นห้องประชุมขนาดเล็กอีกด้วย” ผอ.ปรารภ
“มีวิชาการอย่างไร ที่จะให้นักเรียนรักการอ่าน” ผมถาม
“นักเรียนต้องมีแต้มสะสมครบ 5 แต้ม มีสิทธิได้ดูหนังสั้น อ่านหนังสือจบ 1 เล่ม ได้ 1 แต้ม ห้องสมุดอาเซียนตอนพักเที่ยง หรือตอนคาบว่างของนักเรียน จะมีนักเรียนมาใช้บริการไม่ขาดสาย เรื่องหนังสั้นที่นี่มีชื่อเสียง สร้างแสดงโดยนักเรียน แต่ละเรื่องได้รับรางวัลระดับภาคระดับประเทศมาแล้ว...” ผอ.กล่าวด้วยความภาคภูมิใจ
พูดคุยกับ ผอ.หรือบอสแห่งนี้แล้ว ก็อดที่จะพูดกับครูผู้ปฏิบัติงาน หรือผู้ทำโครงการไม่ได้
“โครงการนี้หรือรายการเวทีวิชั่น ทราบว่าทำทุกปี รู้สึกอย่างไร หรือมีผลดีต่อนักเรียน ต่อโรงเรียนอย่างไร” ผมถามอาจารย์บุญช่วย แก้วอาจ ครูสอนและที่ปรึกษาวิชาพระพุทธศาสนา
“รู้สึกอย่างไร รู้สึกดีมากค่ะ ความคิดมาจากหัวสมอง ความรู้สึกมาจากหัวใจ อะไรก็ตามที่หลั่งไหลออกมาจากหัวใจมันบริสุทธิ์ สุดยอด รายการเวทีวิชั่นสร้างขึ้นเพื่อให้นักเรียนได้แสดงความคิดเห็น วิชาความรู้ต่างๆ ที่ได้ร่ำเรียนมา ก็เอาออกมาใช้บ้างบนเวทีแห่งนี้ ปรัชญาการศึกษาเก่าแก่ของเราบอกว่า “คิดเป็น ทำเป็น แก้ปัญหาเป็น” ก็ดูกันตรงนี้ เขาจัดการได้ดีไหม เรียบร้อยไหม เชื่อมสัมพันธ์กับชุมชนไหม มีสาระไหม นี่คือความคิดดี ในที่สุดความคิดดี ก็จะกลายเป็นความรู้สึกที่ดี ปัจเจกชนมีความรู้สึกดี นักเรียนและครูรวมทั้งผู้บริหารมีความรู้สึกดี นั่นคือผลที่ได้เกิดขึ้นแล้วกับนักเรียนกับโรงเรียน...” อาจารย์บุญช่วย แก้วอาจ ครูอาวุโส (ซี 9) ซึ่งจะเกษียณเทอมหน้า ตอบโจทย์โดนใจเกินคาดหมาย จนทะเลระเริงคลื่นเงียบสงบ
อาจารย์ทรงเกียรติ ปักเคทา หัวหน้ากลุ่มสาระสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม พร้อมด้วยเพื่อนครู อาทิ ครูจิรพรรณ ครูลมโชย ครูสมาน ครูยุ้ย และอีกหลายๆ ครูผู้มีหัวใจจิตอาสา “ร่วมด้วยช่วยกัน” จนงานสำเร็จเรียบร้อยลงด้วยดี ขอชื่นชม
วันนี้ ผมมีหัวใจพองโตเต็มไปด้วยความรู้สึกดีๆ เห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ เห็นบ้านเมืองมีอนาคตสดใส เพราะเด็กเยาวชนวันนี้ มีความเป็นตัวของตัวเองในทางสร้างสรรค์ รู้อะไรผิด อะไรถูก รู้อะไรควร อะไรไม่ควร รู้ใครเป็นคนชั่ว ใครเป็นคนดี รู้อะไรควรต่อต้าน อะไรควรส่งเสริม รู้...ฯลฯ...
โอ.....วันมายด์ สิ่งนี้มี-สิ่งนี้จึงมี สิ่งนี้ไม่มี-สิ่งนี้จึงไม่มี สรรพสิ่งทั้งมวลล้วนตถตา-เช่นนั้นเอง