รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นำ 779 เด็กดีเด่นรับโอวาทนายกฯ ด้าน “ลุงตู่” ยิ้มร่าเจอเยาวชนเชียร์ บอกสวัสดีปีใหม่ ย้ำคำขวัญ “ความรู้คู่คุณธรรม นำสู่อนาคต” เชื่อค่านิยม 12 ประการทำสังคมดีขึ้น ลั่นเป็นประเทศที่มั่นคงในอีก 5 ปีข้างหน้า รับชาติขาดแคลนนักวิทย์ นักวิจัย วิศวกร ข้าราชการดี แนะตั้่งใจเรียน ฝากอย่าให้โซเชียลมีเดียมาครอบงำ ยันสร้างไทยแลนด์ปลอดภัย บอกถ้าตนไม่อยู่ก็ต้องปฏิรูปต่อ ติงคนใช้กฎหมายต้องมีจริยธรรม
วันนี้ (7 ม.ค.) ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 09.00 น. พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รมว.ศึกษาธิการ นำเด็กและเยาวชนดีเด่นนำชื่อเสียงมาสู่ประเทศชาติ 779 คน เข้าเยี่ยมคารวะและรับโอวาทจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ระหว่างที่นายกฯ เดินทางเข้าตึกสันติไมตรีบรรดาผู้ปกครองและเด็กๆ มารอต้อนรับอย่างคับคั่ง พร้อมตะโกนกล่าวคำว่าสวัสดีปีใหม่ ชื่นชมผลงานรัฐบาล พร้อมกล่าวว่า “พวกเราอยากเจอนายกฯ เราทุกคนรักนายกฯ, นายกฯ สู้สู้” โดย พล.อ.ประยุทธ์หันกลับมากล่าวคำว่า “สวัสดีปีใหม่ทุกคนครับ ขอบคุณทุกๆ คนมาก” พร้อมยกมือขอบคุณทุกคนที่มาคอยต้อนรับ ทั้งนี้ ตัวแทนเด็กและเยาวชนดีเด่นได้นำของขวัญมามอบให้นายกรัฐมนตรี เช่น ภาพวาดสีน้ำมันรูป พล.อ.ประยุทธ์ พวงมาลัยจากฝีมือนักเรียน สิงห์มงคลแกะสลักด้วยไม้ ช้างคู่ กองยาวจำลองคู่ ผลิตภัณฑ์ของดีจากจังหวัดต่างๆ เช่น มะขามหวาน ข้าวไรซ์เบอร์รี เป็นต้น
จากนั้นนายกฯ กล่าวตอนหนึ่งในการให้โอวาทว่า มีความสุขที่ได้ต้อนรับเด็กๆทุกคน เพราะเด็กทุกคนคืออนาคตของชาติการนำชื่อเสียงมาให้แก่ประเทศในด้านต่างๆ ถือว่าทุกคนเป็นตัวแทนของประเทศ รางวัลที่ได้รับถือเป็นสิ่งที่น่าภาคภูมิใจ และขอให้เก็บความภาคภูมิใจไว้กับตัวเอง ถือเป็นเกียรติยศและเกียรติศักดิ์ อนาคตของประเทศขึ้นอยู่กับเยาวชน ทุกคนมีหน้าที่นำพาขับเคลื่อนประเทศไปสู่อนาคต คำขวัญวันเด็กที่ให้ไว้ว่า “ความรู้คู่คุณธรรม นำสู่อนาคต” นั้นก็เพราะว่าความรู้เป็นสิ่งสำคัญที่ทุกคนสามารถที่จะเรียนให้เท่าเทียมกันได้ ในเรื่องของคุณธรรมก็เช่นกัน เป็นบ่อเกิดของจริยธรรม เริ่มจากตัวเอง ครอบครัว องค์กรสังคมและประเทศ ความรู้เป็นบ่อเกิดของทุกอย่าง
นายกฯ กล่าวต่อว่า การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์นั้นมีความสำคัญ วันนี้เราต้องมองอนาคต วันข้างหน้าประเทศไทยจะต้องมีการพัฒนาอีกมาก จึงต้องเริ่มด้วยทรัพยากรมนุษย์คือเด็กไทยทุกคนต้องได้รับการพัฒนาอย่างรวดเร็ว กระทรวงศึกษาธิการเป็นส่วนสำคัญที่สุดในการผลิตคน ทรัพยากรมนุษย์ เพื่อนำไปสู่อนาคตอย่างมีคุณภาพ ต้องเข้มแข็งทั้งกายและใจ ตามค่านิยม 12 ประการ ซึ่งเราอาจจะไม่ได้เงินทองจากค่านิยม 12 ประการ แต่สังคมจะดีขึ้น ประเทศชาติดีขึ้น ครอบครัวมีความสุข ซึ่งไม่จำเป็นต้องร่ำรวยทุกคน เช่นเดียวกับแนวทางของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง คือ การมีภูมิคุ้มกันที่ดี มีเหตุมีผลพอประมาณ ใช้โอกาสที่มีให้ดีที่สุด ไม่เกเร ไม่เอาเปรียบคนอื่น มีคุณธรรม ตั้งใจศึกษาเล่าเรียนทั้งในและนอกห้องเรียน
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ประเทศไทยเป็นแผ่นดินที่ดีที่สุด เป็นแผ่นดินธรรมแผ่นดินทองที่เรียกว่าแหลมสุวรรณภูมิ ซึ่งเราต้องเร่งสร้างคนเพื่อรักษาแผ่นดินนี้ไว้และพัฒนาด้วยความรัก สามัคคี มีคุณธรรม จริยธรรม วันนี้ประเทศหยุดชะงักมานานพอสมควร อาจด้วยความขัดแย้ง ความไม่เข้าใจ ความเหลื่อมล้ำ ความยากจน สาเหตุเกิดมาจากคน ดังนั้นผู้บริหาร ข้าราชการ ภาคธุรกิจเอกชน ประชาชน ต้องร่วมมือพัฒนาประเทศไปสู่อนาคตที่ยั่งยืน รัฐบาลกำหนดวิสัยทัศน์ไว้ชัดเจนว่าเราจะต้องเป็นประเทศที่มั่นคงและมั่งคั่งอย่างยั่งยืนใน 5 ปี ข้างหน้า จาก ค.ศ. 2015-2020 จำเป็นต้องปรับตัวให้สอดคล้องกับประชาคมอื่นๆ ให้ได้ ไม่เช่นนั้นเราจะเดินหน้าประเทศไปไม่ได้และจะกลับมาสู่ความขัดแย้งเช่นเดิม มีคนมาเอารัดเอาเปรียบ มีคนเข้ามาปลูกฝังในทางที่ไม่ถูกต้อง ขณะนี้รัฐบาลจึงพยายามทำทุกอย่างเพื่อขับเคลื่อนประเทศไปในวันข้างหน้า โดยไม่มีความขัดแย้งเกิดขึ้นในอนาคต รัฐบาลจะดูทุกเรื่อง การที่พวกเราทำวันนี้อาจจะไม่ทันเวลาเนื่องจากเวลามีจำกัด แต่ก็สามารถฝากความหวังไว้กับเยาวชน ซึ่งต้องมีความคาดหวังว่าอนาคตต้องการเป็นอะไรไม่ใช่แค่ต้องการจะรับราชการอย่างเดียว
นายกฯ กล่าวว่า วันนี้เราขาดแคลนคนหลายประเภท เช่น ขาดแคลนข้าราชการที่มีคุณภาพ ซื่อสัตย์ โปร่งใส ไม่ทุจริต นอกจากนี้เรายังขาดแคลนนักวิทยาศาสตร์ นักวิจัยพัฒนา วิศวกร ธุรกิจการบริการ การท่องเที่ยว ประเทศไทยต้องพัฒนาด้วยวิทยาศาสตร์ ประเทศมหาอำนาจทั่วไปมีนักวิทยาศาสตร์นักวิจัย 6 หมื่นคนที่สามารถผลิต วิจัย พัฒนา คนคว้านวัตกรรมใหม่ๆ ได้ ถ้าเราไม่คิดตรงนี้ประเทศไทยก็จะหยุดอยู่แค่นี้ รัฐบาลจึงพยายามส่งเสริมภาคเอกชนให้เข้ามามีส่วนร่วม
“อย่าลืมว่าพ่อแม่คือพระประจำบ้าน ญาติพี่น้องคือผู้ที่หวังดี มีความหวังดี 100 เปอร์เซ็นต์ เราต้องใช้เงินทุกบาททุกสตางค์อย่างมีคุณค่า ตั้งใจเรียนหนังสือ เมื่อเราสร้างสังคมที่ดีได้สังคมก็จะมีความเข้มแข็ง ยั่งยืน อนาคตเป็นสิ่งที่ทุกคนหวาดหวัง อย่าท้อแท้ ท้อถอย ต้องมีคุณธรรม วันนี้เป็นห้วงเวลาแห่งความสุข ส่งความปรารถนาดีให้กัน และมองอนาคตในปีต่อไป ตั้งความหวังว่าเราจะทำตัวอย่างไรให้ดีกว่าปีที่ผ่านมา ทบทวนว่าปีที่ผ่านมาทำผิดหรือไม่ถูกต้องในจุดใด ต้องแก้ไขอย่าเอาเวลามาสนุกสนานอย่างเดียว นอกจากนี้ ขอฝากถึงการใช้โซเชียลมีเดีย และการใช้โทรศัพท์ แม้เทคโนโลยีจะก้าวล้ำทันสมัยแต่อย่าให้มาชี้นำเรา ใช้เป็นเครื่องมือในการดำรงชีวิตได้แต่อย่าให้มาครอบงำ ทั้งเกม การพนัน ยาเสพติด เพราะสิ่งเหล่านี้ทำให้ประเทศถอยหลัง ก่อให้เกิดอาชญากรรม ความเลวร้าย ทุกคนต้องมีสติ ทำตามค่านิยม 12 ประการ อย่าท่องอย่างเดียว” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวในช่วงท้ายด้วยว่า ในปี 2563 เราจะต้องร่วมมือกันทำให้ประเทศมีความมั่นคง ไม่มีการทะเลาะเบาะแว้ง ไทยแลนด์ปลอดภัย มีการสร้างความเข้มแข็งทั้งคน ดินแดน เศรษฐกิจ สังคม จิตวิทยา กฎหมาย ประชาชนมีความสุข มั่งคั่ง อย่างยั่งยืน ส่วนอนาคตจะคิดใหม่อย่างไรก็เป็นหน้าที่ของคนรุ่นต่อไปตนก็ไม่อยู่แล้ว วันนี้ประเทศไทยเดินหน้าตามแผนยุทธศาสตร์ของประเทศ ทุกคนคือส่วนร่วมอย่าให้ใครเข้ามาปลุกปั่นให้พวกเราแตกแยกทะเลาะเบาะแว้งอีกเด็ดขาด เราไม่มีเวลาอีกแล้วที่จะแก้ไข เรามีเวลาในช่วงนี้เท่านั้น มีเวลาในการปฏิรูประเทศช่วงนี้เท่านั้น วันนี้ช่วยไปบอกพ่อแม่ทุกคนว่าเราต้องช่วยกัน ไม่ใช่ทุกอย่างจะแก้ไขได้ภายในช่วงระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น เราต้องแก้ไขไปเรื่อยๆ แม้ตนไม่อยู่ทุกคนก็ต้องทำต่อ และระหว่างการปฏิรูปทุกคนต้องไม่ทะเลาะกัน อยากให้ทุกคนมีหัวใจเหมือนนายกฯ คือมีหัวใจให้ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ โดยไม่ต้องคำนึงถึงสิ่งอื่นใดทุกอย่างก็จะดีเอง เป็นมงคลกับชีวิต บ้านเมืองต้องสงบเรียบร้อย
“กฎหมายไม่ใช่ตัวยุติธรรม แต่เป็นเครื่องมือทำให้เกิดความยุติธรรม อยู่ที่คนใช้ซึ่งต้องมีจริยธรรม อยากให้ทุกคนตระหนักในการมีส่วนร่วมในสังคม ไม่ประมาท วันเด็กและวันครูเป็นวันที่สำคัญ เด็กดี ครูก็ต้องดี สองอย่างนี้ต้องพัฒนาไปด้วยกันประเทศชาติก็จะได้ผลประโยชน์ เราเป็นทั้งหุ้นส่วนและคู่แข่งขันในประชาคมโลก ถ้าไม่เรียนหนังสือ ไม่มีทางสร้างอนาคตได้ วันนี้มีคนบอกว่าคนไทยส่วนใหญ่สมาธิสั้น เพราะเทคโนโลยีสมัยใหม่ทำให้ไม่ต้องคิด ดังนั้นเราต้องคิดให้เป็นและก้าวทันโลกยุคใหม่” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
ทั้งนี้ ภายหลังพิธีมอบโล่รางวัลเสร็จสิ้น บรรดานักเรียน ครู ผู้ปกครองได้มารอขอถ่ายภาพร่วมกับนายกฯ พร้อมกับขอลายเซ็นกันอย่างคึกคัก โดยนายกฯ ได้ร่วมถ่ายภาพและพูดคุยกับนักเรียนที่มาขอลายเซ็นอย่างเป็นกันเอง