เมื่อเวลา 09.00น. วานนี้ (7ม.ค.) ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รมว.ศึกษาธิการ นำเด็กและเยาวชนดีเด่น นำชื่อเสียงมาสู่ประเทศชาติ 779 คน เข้าเยี่ยมคารวะ และรับโอวาทจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ซึ่งระหว่างที่นายกฯเดินทางเข้าตึกสันติไมตรี บรรดาผู้ปกครอง และเด็กๆ มารอต้อนรับอย่างคับคั่ง พร้อมตะโกนกล่าวคำว่า "สวัสดีปีใหม่" "พวกเราอยากเจอนายกฯ เราทุกคนรักนายกฯ" "นายกฯสู้สู้" โดยพล.อ.ประยุทธ์ ก็กล่าวคำทักทายว่า "สวัสดีปีใหม่ทุกคนครับ ขอบคุณทุกๆคนมาก"
ทั้งนี้ ตัวแทนเด็กและเยาวชนดีเด่น ได้นำของขวัญมามอบให้นายกรัฐมนตรี อาทิ ภาพวาดสีน้ำมันรูป พล.อ.ประยุทธ์ พวงมาลัยจากฝีมือนักเรียน สิงห์มงคลแกะสลักจากไม้ ช้างคู่ กองยาวจำลองคู่ ผลิตภัณฑ์ของดีจากจังหวัดต่างๆ เช่น มะขามหวาน ข้าวไรซ์เบอร์รี่ เป็นต้น
จากนั้น นายกฯกล่าวตอนหนึ่งในการให้โอวาทว่า มีความสุขที่ได้ต้อนรับเด็กๆ ทุกคน เพราะเด็กทุกคนคืออนาคตของชาติ การนำชื่อเสียงมาให้กับประเทศในด้านต่างๆ ถือว่าทุกคนเป็นตัวแทนของประเทศ รางวัลที่ได้รับ ถือเป็นสิ่งที่น่าภาคภูมิใจ และขอให้เก็บความภาคภูมิใจไว้กับตัวเอง ถือเป็นเกียรติยศ และเกียรติศักดิ์ อนาคตของประเทศขึ้นอยู่กับเยาวชน ทุกคนมีหน้าที่นำพาขับเคลื่อนประเทศไปสู่อนาคต คำขวัญวันเด็กที่ให้ไว้ว่า "ความรู้คู่คุณธรรม นำสู่อนาคต" นั้นก็เพราะว่า ความรู้เป็นสิ่งสำคัญที่ทุกคนสามารถที่จะเรียนให้เท่าเทียมกันได้ ในเรื่องของคุณธรรมก็เช่นกัน เป็นบ่อเกิดของจริยธรรม ซึ่งเริ่มจากตัวเอง ครอบครัว องค์กร สังคม และประเทศ ความรู้เป็นบ่อเกิดของทุกอย่าง
การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์นั้นมีความสำคัญ วันนี้เราต้องมองอนาคต วันข้างหน้าประเทศไทยจะต้องมีการพัฒนาอีกมาก จึงต้องเริ่มด้วยทรัพยากรมนุษย์ คือเด็กไทยทุกคนต้องได้รับการพัฒนาอย่างรวดเร็ว กระทรวงศึกษาธิการเป็นส่วนสำคัญที่สุดในการผลิตคน ทรัพยากรมนุษย์ เพื่อนำไปสู่อนาคตอย่างมีคุณภาพ ต้องเข้มแข็งทั้งกาย และใจ ตามค่านิยม 12 ประการ ซึ่งเราอาจจะไม่ได้เงินทองจากค่านิยม 12 ประการ แต่สังคมจะดีขึ้น ประเทศชาติดีขึ้น ครอบครัวมีความสุข ซึ่งไม่จำเป็นต้องร่ำรวยทุกคน เช่นเดียวกับแนวทางของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง คือ การมีภูมิคุ้มกันที่ดี มีเหตุมีผลพอประมาณ ใช้โอกาสที่มีให้ดีที่สุด ไม่เกเร ไม่เอาเปรียบคนอื่น มีคุณธรรม ตั้งใจศึกษาเล่าเรียนทั้งในและนอกห้องเรียน
ประเทศไทยเป็นแผ่นดินที่ดีที่สุด เป็นแผ่นดินธรรมแผ่นดินทอง เราต้องเร่งสร้างคนเพื่อรักษาแผ่นดินนี้ไว้และพัฒนาด้วยความรัก สามัคคี มีคุณธรรม จริยธรรม วันนี้ประเทศหยุดชะงักมานานพอสมควร อาจด้วยความขัดแย้ง ความไม่เข้าใจ ความเหลื่อมล้ำ ความยากจน สาเหตุเกิดมาจากคน ดังนั้นผู้บริหาร ข้าราชการ ภาคธุรกิจเอกชน ประชาชน ต้องร่วมมือพัฒนาประเทศไปสู่อนาคตที่ยั่งยืน รัฐบาลกำหนดวิสัยทัศน์ไว้ชัดเจนว่า เราจะต้องเป็นประเทศที่มั่นคงและมั่งคั่ง อย่างยั่งยืนใน 5 ปี ข้างหน้า จาก ค.ศ.2015-2020 จำเป็นต้องปรับตัวให้สอดคล้องกับประชาคมอื่นๆ ให้ได้ ไม่เช่นนั้นเราจะเดินหน้าประเทศไปไม่ได้และจะกลับมาสู่ความขัดแย้งเช่นเดิม มีคนมาเอารัดเอาเปรียบ มีคนเข้ามาปลูกฝังในทางที่ไม่ถูกต้อง ขณะนี้รัฐบาลจึงพยายามทำทุกอย่างเพื่อขับเคลื่อนประเทศไปในวันข้างหน้า โดยไม่มีความขัดแย้งเกิดขึ้นในอนาคต รัฐบาลจะดูทุกเรื่อง การที่พวกเราทำวันนี้ อาจจะไม่ทันเวลา เนื่องจากเวลามีจำกัด แต่ก็สามารถฝากความหวังไว้กับเยาวชน ซึ่งต้องมีความคาดหวังว่าอนาคตต้องการเป็นอะไรไม่ใช่แค่ต้องการจะรับราชการอย่างเดียว
วันนี้เราขาดแคลนคนหลายประเภท อาทิ ขาดแคลนข้าราชการที่มีคุณภาพ ซื่อสัตย์ โปร่งใส ไม่ทุจริต นอกจากนี้ เรายังขาดแคลนนักวิทยาศาสตร์ นักวิจัยพัฒนา วิศวกร ธุรกิจการบริการ การท่องเที่ยว ประเทศไทยต้องพัฒนาด้วยวิทยาศาสตร์ ประเทศมหาอำนาจทั่วไปมีนักวิทยาศาสตร์นักวิจัย 6 หมื่นคนที่สามารถผลิต วิจัย พัฒนา คนคว้า นวัตกรรมใหม่ๆได้ ถ้าเราไม่คิดตรงนี้ประเทศไทยก็จะหยุดอยู่แค่นี้ รัฐบาลจึงพยายามส่งเสริมภาคเอกชนให้เข้ามามีส่วนร่วม
" อย่าลืมว่าพ่อแม่ คือพระประจำบ้าน ญาติพี่น้องคือ ผู้ที่หวังดี มีความหวังดี 100 เปอร์เซ็นต์ เราต้องใช้เงินทุกบาททุกสตางค์อย่างมีคุณค่า ตั้งใจเรียนหนังสือ เมื่อเราสร้างสังคมที่ดีได้สังคมก็จะมีความเข้มแข็ง ยั่งยืน อนาคตเป็นสิ่งที่ทุกคนวาดหวัง อย่าท้อแท้ ท้อถอย ต้องมีคุณธรรม วันนี้เป็นห้วงเวลาแห่งความสุข ส่งความปรารถนาดีให้กัน และมองอนาคตในปีต่อไป ตั้งความหวังว่า เราจะทำตัวอย่างไรให้ดีกว่าปีที่ผ่านมา ทบทวนว่าปีที่ผ่านมาทำผิด หรือไม่ถูกต้องในจุดใด ต้องแก้ไข อย่าเอาเวลามาสนุกสนานอย่างเดียว นอกจากนี้ ขอฝากถึงการใช้โซเชียลมีเดีย และการใช้โทรศัพท์ แม้เทคโนโลยีจะก้าวล้ำทันสมัย แต่อย่าให้มาชี้นำเรา ใช้เป็นเครื่องมือในการดำรงชีวิตได้ แต่อย่าให้มาครอบงำ ทั้งเกม การพนัน ยาเสพติด เพราะสิ่งเหล่านี้ทำให้ประเทศถอยหลัง ก่อให้เกิดอาชญากรรม ความเลวร้าย ทุกคนต้องมีสติ ทำตามค่านิยม 12 ประการ อย่าท่องอย่างเดียว"
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวในช่วงท้ายด้วยว่า ในปี 2563 เราจะต้องร่วมมือกันทำให้ประเทศมีความมั่นคงไม่มีการทะเลาะเบาะแว้ง ไทยแลนด์ปลอดภัย มีการสร้างความเข้มแข็งทั้งคน ดินแดน เศรษฐกิจ สังคม จิตวิทยา กฎหมาย ประชาชนมีความสุข มั่งคั่ง อย่างยั่งยืน ส่วนอนาคตจะคิดใหม่อย่างไรก็เป็นหน้าที่ของคนรุ่นต่อไปตนก็ไม่อยู่แล้ว วันนี้ประเทศไทยเดินหน้าตามแผนยุทธศาสตร์ของประเทศ ทุกคนคือส่วนร่วมอย่าให้ใครเข้ามาปลุกปั่นให้พวกเราแตกแยก ทะเลาะเบาะแว้งอีกเด็ดขาด เราไม่มีเวลาอีกแล้วที่จะแก้ไข เรามีเวลาในช่วงนี้เท่านั้น มีเวลาในการปฏิรูประเทศช่วงนี้เท่านั้น วันนี้ช่วยไปบอกพ่อแม่ทุกคนว่า เราต้องช่วยกัน ไม่ใช่ทุกอย่างจะแก้ไขได้ภายในช่วงระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น เราต้องแก้ไขไปเรื่อยๆ แม้ตนไม่อยู่ ทุกคนก็ต้องทำต่อ และระหว่างการปฏิรูปทุกคนต้องไม่ทะเลาะ
กัน อยากให้ทุกคนมีหัวใจเหมือนนายกฯ คือมีหัวใจให้ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ โดยไม่ต้องคำนึงถึงสิ่งอื่นใดทุกอย่างก็จะดีเอง เป็นมงคลกับชีวิต บ้านเมืองต้องสงบเรียบร้อย
"กฎหมายไม่ใช่ตัวยุติธรรมแต่เป็นเครื่องมือทำให้เกิดความยุติธรรม อยู่ที่คนใช้ ซึ่งต้องมีจริยธรรม อยากให้ทุกคนตระหนักในการมีส่วนร่วมในสังคม ไม่ประมาท วันเด็กและวันครูเป็นวันที่สำคัญ เด็กดี ครูก็ต้องดี สองอย่างนี้ต้องพัฒนาไปด้วยกันประเทศชาติก็จะได้ผลประโยชน์ เราเป็นทั้งหุ้นส่วนและคู่แข่งขันในประชาคมโลก ถ้าไม่เรียนหนังสือ ไม่มีทางสร้างอนาคตได้ วันนี้มีคนบอกว่าคนไทยส่วนใหญ่สมาธิสั้น เพราะเทคโนโลยีสมัยใหม่ทำให้ไม่ต้องคิด ดังนั้นเราต้องคิดให้เป็นและก้าวทันโลกยุคใหม่" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
ภายหลังพิธีมอบโล่รางวัลเสร็จสิ้น บรรดานักเรียน ครู ผู้ปกครอง ได้มารอขอถ่ายภาพร่วมกับนายกฯ พร้อมกับขอลายเซ็นต์กันอย่างคึกคัก โดยนายกฯได้ร่วมถ่ายภาพและพูดคุยกับนักเรียนที่มาขอลายเซ็นต์อย่างเป็นกันเอง
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ระหว่างนั้น ด.ญ.กัญญาณัฐ ยอดทอง หรือ น้องใบเฟิร์น นักเรียนดีเด่น จากจ.ยะลา ที่รอถ่ายรูปกับนายกฯ แต่ไม่สามารถเข้าไปถ่ายรูปด้วยได้ เนื่องจากยังมีอาการบาดเจ็บที่แขนซ้าย ซึ่งหลังจากที่นายกฯ เข้าห้องทำงานในตึกไทยคู่ฟ้าแล้ว พล.ต.วีรชน สุคนธปฏิภาค คณะทำงาน นายกฯ จึงให้พา ด.ญ.กัญญาณัฐ พร้อมด้วยผู้ปกครอง และอาจารย์ขึ้นไปยังห้องทำงานของนายกฯ เพื่อร่วมถ่ายภาพเป็นการส่วนตัว
โดยด.ญ.กัญญาณัฐ เปิดเผยภายหลังว่า ดีใจมากที่ได้ถ่ายภาพกับนายกฯ และท่านได้อวยพรขอให้แขนของตนที่ได้รับบาดเจ็บ หายเร็วๆ และเป็นเด็กดี และยังได้มอบตุ๊กตาหมี และพระพุทธเมตตาเสนานาถให้เป็นของขวัญวันเด็กอีกด้วย ซึ่งตนรู้สึกดีใจมาก ที่ได้รับโอกาสดังกล่าว
รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ ได้สั่งให้คณะทำงานจัดเตรียมรูปเหมือนขนาดเท่าตัวจริง สวมชุดทหาร มาตั้งไว้ที่ทำเนียบรัฐบาล ในวันเสาร์ที่ 10 ม.ค. ซึ่งทำเนียบรัฐบาลจัดงานวันเด็กแห่งชาติไว้เพื่อให้เด็กๆ และเยาวชนได้ถ่ายรูปเป็นที่ระลึก หากไม่ได้ถ่ายรูปกับตัวจริงได้นอกเหนือจากที่จะได้เยี่ยมชมห้องทำงาน และนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรี
ทั้งนี้ ตัวแทนเด็กและเยาวชนดีเด่น ได้นำของขวัญมามอบให้นายกรัฐมนตรี อาทิ ภาพวาดสีน้ำมันรูป พล.อ.ประยุทธ์ พวงมาลัยจากฝีมือนักเรียน สิงห์มงคลแกะสลักจากไม้ ช้างคู่ กองยาวจำลองคู่ ผลิตภัณฑ์ของดีจากจังหวัดต่างๆ เช่น มะขามหวาน ข้าวไรซ์เบอร์รี่ เป็นต้น
จากนั้น นายกฯกล่าวตอนหนึ่งในการให้โอวาทว่า มีความสุขที่ได้ต้อนรับเด็กๆ ทุกคน เพราะเด็กทุกคนคืออนาคตของชาติ การนำชื่อเสียงมาให้กับประเทศในด้านต่างๆ ถือว่าทุกคนเป็นตัวแทนของประเทศ รางวัลที่ได้รับ ถือเป็นสิ่งที่น่าภาคภูมิใจ และขอให้เก็บความภาคภูมิใจไว้กับตัวเอง ถือเป็นเกียรติยศ และเกียรติศักดิ์ อนาคตของประเทศขึ้นอยู่กับเยาวชน ทุกคนมีหน้าที่นำพาขับเคลื่อนประเทศไปสู่อนาคต คำขวัญวันเด็กที่ให้ไว้ว่า "ความรู้คู่คุณธรรม นำสู่อนาคต" นั้นก็เพราะว่า ความรู้เป็นสิ่งสำคัญที่ทุกคนสามารถที่จะเรียนให้เท่าเทียมกันได้ ในเรื่องของคุณธรรมก็เช่นกัน เป็นบ่อเกิดของจริยธรรม ซึ่งเริ่มจากตัวเอง ครอบครัว องค์กร สังคม และประเทศ ความรู้เป็นบ่อเกิดของทุกอย่าง
การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์นั้นมีความสำคัญ วันนี้เราต้องมองอนาคต วันข้างหน้าประเทศไทยจะต้องมีการพัฒนาอีกมาก จึงต้องเริ่มด้วยทรัพยากรมนุษย์ คือเด็กไทยทุกคนต้องได้รับการพัฒนาอย่างรวดเร็ว กระทรวงศึกษาธิการเป็นส่วนสำคัญที่สุดในการผลิตคน ทรัพยากรมนุษย์ เพื่อนำไปสู่อนาคตอย่างมีคุณภาพ ต้องเข้มแข็งทั้งกาย และใจ ตามค่านิยม 12 ประการ ซึ่งเราอาจจะไม่ได้เงินทองจากค่านิยม 12 ประการ แต่สังคมจะดีขึ้น ประเทศชาติดีขึ้น ครอบครัวมีความสุข ซึ่งไม่จำเป็นต้องร่ำรวยทุกคน เช่นเดียวกับแนวทางของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง คือ การมีภูมิคุ้มกันที่ดี มีเหตุมีผลพอประมาณ ใช้โอกาสที่มีให้ดีที่สุด ไม่เกเร ไม่เอาเปรียบคนอื่น มีคุณธรรม ตั้งใจศึกษาเล่าเรียนทั้งในและนอกห้องเรียน
ประเทศไทยเป็นแผ่นดินที่ดีที่สุด เป็นแผ่นดินธรรมแผ่นดินทอง เราต้องเร่งสร้างคนเพื่อรักษาแผ่นดินนี้ไว้และพัฒนาด้วยความรัก สามัคคี มีคุณธรรม จริยธรรม วันนี้ประเทศหยุดชะงักมานานพอสมควร อาจด้วยความขัดแย้ง ความไม่เข้าใจ ความเหลื่อมล้ำ ความยากจน สาเหตุเกิดมาจากคน ดังนั้นผู้บริหาร ข้าราชการ ภาคธุรกิจเอกชน ประชาชน ต้องร่วมมือพัฒนาประเทศไปสู่อนาคตที่ยั่งยืน รัฐบาลกำหนดวิสัยทัศน์ไว้ชัดเจนว่า เราจะต้องเป็นประเทศที่มั่นคงและมั่งคั่ง อย่างยั่งยืนใน 5 ปี ข้างหน้า จาก ค.ศ.2015-2020 จำเป็นต้องปรับตัวให้สอดคล้องกับประชาคมอื่นๆ ให้ได้ ไม่เช่นนั้นเราจะเดินหน้าประเทศไปไม่ได้และจะกลับมาสู่ความขัดแย้งเช่นเดิม มีคนมาเอารัดเอาเปรียบ มีคนเข้ามาปลูกฝังในทางที่ไม่ถูกต้อง ขณะนี้รัฐบาลจึงพยายามทำทุกอย่างเพื่อขับเคลื่อนประเทศไปในวันข้างหน้า โดยไม่มีความขัดแย้งเกิดขึ้นในอนาคต รัฐบาลจะดูทุกเรื่อง การที่พวกเราทำวันนี้ อาจจะไม่ทันเวลา เนื่องจากเวลามีจำกัด แต่ก็สามารถฝากความหวังไว้กับเยาวชน ซึ่งต้องมีความคาดหวังว่าอนาคตต้องการเป็นอะไรไม่ใช่แค่ต้องการจะรับราชการอย่างเดียว
วันนี้เราขาดแคลนคนหลายประเภท อาทิ ขาดแคลนข้าราชการที่มีคุณภาพ ซื่อสัตย์ โปร่งใส ไม่ทุจริต นอกจากนี้ เรายังขาดแคลนนักวิทยาศาสตร์ นักวิจัยพัฒนา วิศวกร ธุรกิจการบริการ การท่องเที่ยว ประเทศไทยต้องพัฒนาด้วยวิทยาศาสตร์ ประเทศมหาอำนาจทั่วไปมีนักวิทยาศาสตร์นักวิจัย 6 หมื่นคนที่สามารถผลิต วิจัย พัฒนา คนคว้า นวัตกรรมใหม่ๆได้ ถ้าเราไม่คิดตรงนี้ประเทศไทยก็จะหยุดอยู่แค่นี้ รัฐบาลจึงพยายามส่งเสริมภาคเอกชนให้เข้ามามีส่วนร่วม
" อย่าลืมว่าพ่อแม่ คือพระประจำบ้าน ญาติพี่น้องคือ ผู้ที่หวังดี มีความหวังดี 100 เปอร์เซ็นต์ เราต้องใช้เงินทุกบาททุกสตางค์อย่างมีคุณค่า ตั้งใจเรียนหนังสือ เมื่อเราสร้างสังคมที่ดีได้สังคมก็จะมีความเข้มแข็ง ยั่งยืน อนาคตเป็นสิ่งที่ทุกคนวาดหวัง อย่าท้อแท้ ท้อถอย ต้องมีคุณธรรม วันนี้เป็นห้วงเวลาแห่งความสุข ส่งความปรารถนาดีให้กัน และมองอนาคตในปีต่อไป ตั้งความหวังว่า เราจะทำตัวอย่างไรให้ดีกว่าปีที่ผ่านมา ทบทวนว่าปีที่ผ่านมาทำผิด หรือไม่ถูกต้องในจุดใด ต้องแก้ไข อย่าเอาเวลามาสนุกสนานอย่างเดียว นอกจากนี้ ขอฝากถึงการใช้โซเชียลมีเดีย และการใช้โทรศัพท์ แม้เทคโนโลยีจะก้าวล้ำทันสมัย แต่อย่าให้มาชี้นำเรา ใช้เป็นเครื่องมือในการดำรงชีวิตได้ แต่อย่าให้มาครอบงำ ทั้งเกม การพนัน ยาเสพติด เพราะสิ่งเหล่านี้ทำให้ประเทศถอยหลัง ก่อให้เกิดอาชญากรรม ความเลวร้าย ทุกคนต้องมีสติ ทำตามค่านิยม 12 ประการ อย่าท่องอย่างเดียว"
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวในช่วงท้ายด้วยว่า ในปี 2563 เราจะต้องร่วมมือกันทำให้ประเทศมีความมั่นคงไม่มีการทะเลาะเบาะแว้ง ไทยแลนด์ปลอดภัย มีการสร้างความเข้มแข็งทั้งคน ดินแดน เศรษฐกิจ สังคม จิตวิทยา กฎหมาย ประชาชนมีความสุข มั่งคั่ง อย่างยั่งยืน ส่วนอนาคตจะคิดใหม่อย่างไรก็เป็นหน้าที่ของคนรุ่นต่อไปตนก็ไม่อยู่แล้ว วันนี้ประเทศไทยเดินหน้าตามแผนยุทธศาสตร์ของประเทศ ทุกคนคือส่วนร่วมอย่าให้ใครเข้ามาปลุกปั่นให้พวกเราแตกแยก ทะเลาะเบาะแว้งอีกเด็ดขาด เราไม่มีเวลาอีกแล้วที่จะแก้ไข เรามีเวลาในช่วงนี้เท่านั้น มีเวลาในการปฏิรูประเทศช่วงนี้เท่านั้น วันนี้ช่วยไปบอกพ่อแม่ทุกคนว่า เราต้องช่วยกัน ไม่ใช่ทุกอย่างจะแก้ไขได้ภายในช่วงระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น เราต้องแก้ไขไปเรื่อยๆ แม้ตนไม่อยู่ ทุกคนก็ต้องทำต่อ และระหว่างการปฏิรูปทุกคนต้องไม่ทะเลาะ
กัน อยากให้ทุกคนมีหัวใจเหมือนนายกฯ คือมีหัวใจให้ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ โดยไม่ต้องคำนึงถึงสิ่งอื่นใดทุกอย่างก็จะดีเอง เป็นมงคลกับชีวิต บ้านเมืองต้องสงบเรียบร้อย
"กฎหมายไม่ใช่ตัวยุติธรรมแต่เป็นเครื่องมือทำให้เกิดความยุติธรรม อยู่ที่คนใช้ ซึ่งต้องมีจริยธรรม อยากให้ทุกคนตระหนักในการมีส่วนร่วมในสังคม ไม่ประมาท วันเด็กและวันครูเป็นวันที่สำคัญ เด็กดี ครูก็ต้องดี สองอย่างนี้ต้องพัฒนาไปด้วยกันประเทศชาติก็จะได้ผลประโยชน์ เราเป็นทั้งหุ้นส่วนและคู่แข่งขันในประชาคมโลก ถ้าไม่เรียนหนังสือ ไม่มีทางสร้างอนาคตได้ วันนี้มีคนบอกว่าคนไทยส่วนใหญ่สมาธิสั้น เพราะเทคโนโลยีสมัยใหม่ทำให้ไม่ต้องคิด ดังนั้นเราต้องคิดให้เป็นและก้าวทันโลกยุคใหม่" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
ภายหลังพิธีมอบโล่รางวัลเสร็จสิ้น บรรดานักเรียน ครู ผู้ปกครอง ได้มารอขอถ่ายภาพร่วมกับนายกฯ พร้อมกับขอลายเซ็นต์กันอย่างคึกคัก โดยนายกฯได้ร่วมถ่ายภาพและพูดคุยกับนักเรียนที่มาขอลายเซ็นต์อย่างเป็นกันเอง
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ระหว่างนั้น ด.ญ.กัญญาณัฐ ยอดทอง หรือ น้องใบเฟิร์น นักเรียนดีเด่น จากจ.ยะลา ที่รอถ่ายรูปกับนายกฯ แต่ไม่สามารถเข้าไปถ่ายรูปด้วยได้ เนื่องจากยังมีอาการบาดเจ็บที่แขนซ้าย ซึ่งหลังจากที่นายกฯ เข้าห้องทำงานในตึกไทยคู่ฟ้าแล้ว พล.ต.วีรชน สุคนธปฏิภาค คณะทำงาน นายกฯ จึงให้พา ด.ญ.กัญญาณัฐ พร้อมด้วยผู้ปกครอง และอาจารย์ขึ้นไปยังห้องทำงานของนายกฯ เพื่อร่วมถ่ายภาพเป็นการส่วนตัว
โดยด.ญ.กัญญาณัฐ เปิดเผยภายหลังว่า ดีใจมากที่ได้ถ่ายภาพกับนายกฯ และท่านได้อวยพรขอให้แขนของตนที่ได้รับบาดเจ็บ หายเร็วๆ และเป็นเด็กดี และยังได้มอบตุ๊กตาหมี และพระพุทธเมตตาเสนานาถให้เป็นของขวัญวันเด็กอีกด้วย ซึ่งตนรู้สึกดีใจมาก ที่ได้รับโอกาสดังกล่าว
รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ ได้สั่งให้คณะทำงานจัดเตรียมรูปเหมือนขนาดเท่าตัวจริง สวมชุดทหาร มาตั้งไว้ที่ทำเนียบรัฐบาล ในวันเสาร์ที่ 10 ม.ค. ซึ่งทำเนียบรัฐบาลจัดงานวันเด็กแห่งชาติไว้เพื่อให้เด็กๆ และเยาวชนได้ถ่ายรูปเป็นที่ระลึก หากไม่ได้ถ่ายรูปกับตัวจริงได้นอกเหนือจากที่จะได้เยี่ยมชมห้องทำงาน และนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรี