"นิด้าโพล" เผยชาวพุทธ 52.60% จี้เร่งปฏิรูปพุทธศาสนา ซัดมหาเถรสมาคมไม่ค่อยมีประสิทธิภาพ สับ "ธุดงค์ธรรมชัย" ไม่เหมาะสม ต้องการอะไรจากสังคม ด้าน "หลวงปู่พุทธะอิสระ" ประกาศไม่ยอมรับการปกครองมหาเถรสมาคม ลั่นต้องสู้กันจนตายไปข้างหนึ่ง ส่วนชาวระนองต้านสาขาธรรมกายปิดถนนตักบาตร 1,000 รูป ขณะที่วัดสระเกศโพสต์เฟซบุ๊กอ้างพระอินเดียส่งหนังสือถึงนายกฯ-สปช.ห่วงวงการสงฆ์ไทย จี้ตั้งสังฆราชองค์ใหม่
ศูนย์สำรวจความคิดเห็นนิด้าโพล สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชน เรื่อง การปฏิรูปพุทธศาสนา กรณีศึกษาจากประชาชนชาวไทยที่นับถือศาสนาพุทธทั่วประเทศ 1,249 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับการปฏิรูปพุทธศาสนา เนื่องในวันมาฆบูชา 4 มีนาคม 2558 อาศัยการสุ่มตัวอย่างจากบัญชีรายชื่อฐานข้อมูลตัวอย่างหลัก ของ “นิด้าโพล” ด้วยความน่าจะเป็นด้วยวิธีแบบเป็นระบบเก็บข้อมูลด้วยวิธีการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ โดยกำหนดค่าความเชื่อมั่นที่ ร้อยละ 95.0 และมีค่าความคลาดเคลื่อนมาตรฐาน ไม่เกิน 1.4 โดยถามถึงความคิดเห็นกับการปฏิรูปพุทธศาสนาทั้งระบบ ร้อยละ 52.60 เป็นเรื่องที่ต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วน ร้อยละ 24.34 เป็นเรื่องที่ต้องดำเนินการ แต่ ไม่เร่งด่วน ร้อยละ 19.30 ไม่มีความจำเป็นในการปฏิรูปพุทธศาสนาเลย และ ร้อยละ 3.76 ไม่ระบุ ไม่แน่ใจ
เมื่อถามต่อความเห็นกับมหาเถรสมาคมในการดำเนินงานเพื่อรักษาหลักพระธรรมวินัยและปกครองคณะสงฆ์ ร้อยละ 33.87 ไม่ค่อยมีประสิทธิภาพ ร้อยละ 25.30 ค่อนข้างมีประสิทธิภาพ ร้อยละ 19.13 ไม่มีประสิทธิภาพเลย ร้อยละ 11.21 ไม่แน่ใจ / ไม่ระบุ และร้อยละ 10.49 มีประสิทธิภาพสูง เมื่อถามความเห็นกับการธุดงค์ในเมือง หรือ การเดินธุดงค์ธรรมชัยของวัดพระธรรมกาย ร้อยละ 77.50 เป็นกิจกรรมที่ไม่เหมาะสม เพราะ เป็นการจัดงานที่เอิกเกริกเกินไป ไม่ควรเดินธุดงค์ในเมือง ควรเดินในป่าหรือที่ที่ไม่ใช่ในเมือง อีกทั้งยังมีเรื่องของการบริจาคเงินเข้ามาจนกลายเป็นพุทธพาณิชย์ และไม่แน่ใจว่าต้องการอะไรจากสังคม บางครั้งการแสดงออกหรือการกระทำ บางอย่างค่อนข้างบิดเบือนไปจากคำสอนของพระพุทธเจ้า ร้อยละ 13.77 เป็นกิจกรรมที่เหมาะสม เพราะ มีการปรับเปลี่ยนไปตามยุคตามสมัย และถือเป็นสิทธิที่จะกระทำได้ ไม่น่าจะขัดต่อหลักของศาสนา ร้อยละ 5.84 ไม่แน่ใจ / ไม่ระบุ และร้อยละ 2.88 เฉย ๆ เป็นเรื่องของวัด/พระสงฆ์ แล้วแต่ว่าจะทำกิจกรรมใด ๆ
** หลวงปู่ฯลั่นไม่รับการปกครองของ มส.
หลวงปู่พุทธะอิสระ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ค หลวงปู่พุทธะอิสระ (Buddha Isara) ถึงกรณีมติของที่ประชุมมหาเถรสมาคม ที่ไม่มีการหารือถึงประเด็นพระธัมมชโย เป็นปาราชิกหรือไม่ ดังนี้
ไม่รู้ หรือแกล้งไม่รู้ หรือจะทำมึน ตีเนียน ช่วยพวก
หยิบยกเอาพระลิขิต และมติมหาเถรปี 42 มาให้ดูว่าพฤติกรรมของมหาเถร ใครว่าเลือกปฏิบัติ ละเว้นไม่ปฏิบัติอย่างไร สังคมจะได้หูตาสว่างว่าพุทธบริษัทไทย สมควรปล่อยให้มหาเถรรวบอำนาจ ทั้งปกครอง บริหาร ตุลาการ นิติบัญญัติ เอาไว้แต่เพียงองค์กรเดียว เช่นนี้ต่อไปพุทธศาสนาจะเหลืออะไร
มส.หรือมหาเถรสมาคมพยายามจะบอกให้ชาวพุทธทั้งประเทศได้รู้ว่า ไม่สามารถจะดำเนินการใดๆ ในคดีของธัมมชโย ได้ยุติลงแล้ว และไม่สามารถจะรื้อคดีขึ้นมาพิจารณาใหม่ได้
มส.พยายามตอกย้ำให้คนไทยเชื่ออย่างที่ มส.เชื่อ โดยคนไทยผู้มีหัวใจหวงแหนพระธรรมวินัย มิได้เชื่ออย่างที่ มส.เชื่อ โดยคนไทยพุทธทุกคนเชื่อว่า พระลิขิตเจ้าประคุณสมเด็จพระสังฆราช ทรงกล่าวโทษธัมมชโย เป็นปาราชิกแล้ว เหตุเพราะยักยอกทรัพย์ของวัด
แม้ทรัพย์นั้นจะส่งคืน แต่คนไทยยังสงสัยว่า ธัมมชโยเป็นปาราชิก และ มส.จะดำเนินการอย่างไร ทุกครั้งที่ มส.ออกมาพูด ออกมาแถลง มส.ไม่เคยพูดในประเด็นธัมมชโย ต้องอาบัติปาราชิกเลย หรือ มส.จะละเลย ไม่รู้จักธรรมวินัย ตัวอย่างดังที่นักข่าวถามพระพรหมเมธี ว่า วันนี้ มส. มีมติอะไรบ้าง พระพรหมเมธีกล่าวว่า พิจารณาแต่เรื่องงานของ มส. ส่วนกรณีเกี่ยวกับธัมมชโย ไม่ได้มีการพูดถึง
ต่อมาผู้สื่อข่าวจึงถามว่า แสดงว่า พระธัมมชโย ยังไม่ปาราชิกใช่หรือไม่ พระพรหมเมธี กล่าวว่า “ไม่ทราบ และที่ประชุม มส.ไม่ได้พิจารณาเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย”
รู้สึกยังไงพี่น้อง นี่แหละกรรมการมหาเถรสมาคมล่ะ ดูว่าพวกเขาจะไม่สนว่าพระลิขิตว่าอย่างไร มส. มีอำนาจหน้าที่อย่างไร พระธรรมวินัย บัญญัติเอาไว้อย่างไร แล้วพุทธศาสนิกชนคนรักพระธรรมวินัยอย่างพวกเรา จะทำอย่างไรกันดี
ฉันไม่ใช่คนดื้อด้านหัวรั้น ไม่เคารพกฎเกณฑ์กติกาและกฎหมาย หากผู้บังคับใช้กฎหมายมีความสุจริต ยุติธรรม ซื่อตรง คงเส้นคงวา ทรงธรรม ทรงวินัย มาสั่งให้ฉันหยุด ฉันจะหยุด มาสั่งให้ฉันสึก ฉันจะสึก มาสั่งให้ฉันตาย ฉันก็จะตาย
แต่หากผู้บังคับใช้กฎหมายมีพฤติกรรมย่ำยี เหยียดหยาม ดูถูก บ่อนทำร้ายอุดมการณ์ของพระบรมศาสดา หลักการของพระธรรมวินัย แต่อ้างกฎหมาย เอาอำนาจมาข่มขู่ ยังงั้นคงต้องสู้กันจนตายไปข้างหนึ่ง
หลักตัดสินธรรมวินัย 8 ประการ
1. เป็นไปเพื่อความคลายกำหนัด
2. เป็นไปเพื่อความไม่ประกอบทุกข์
3. เป็นไปเพื่อไม่สะสมกองกิเลส
4. เป็นไปเพื่อความอยากน้อย
5. เป็นไปเพื่อความสันโดษ
6. เป็นไปเพื่อความไม่คลุกคลี
7. เป็นไปเพื่อความพากเพียร
8. เป็นไปเพื่อความเลี้ยงง่าย
ลักษณะตัดสินพระธรรมวินัยทั้ง 8 ข้อ ที่พระบรมศาสดาทรงวางเอาไว้ ถามหน่อยว่า กรรมการมหาเถรสมาคม และพระสงฆ์ผู้ปกครองมีแล้วหรือยัง เคยเรียนมาบ้างไหม แล้วทำได้หรือเปล่า
ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้มีความขัดแย้งเกิดขึ้นระหว่างสงฆ์ อยากจะฝากประชาชนอย่างไร พระพรหมเมธี กล่าวว่า "มุมมองของสังคมไทย เราคนหนึ่งอาจมองเป็นอย่างหนึ่ง อีกคนหนึ่งอาจมองเป็นอย่างหนึ่ง ก็ต้องใช้วิจารณญาณดูว่าอะไรที่ถูกที่ควร เนื่องจากเรื่องศรัทธาของประชาชนที่มีความศรัทธาต่อพระสงฆ์นั้น แตกต่างกันไป เราคิดว่าใครเป็นลูกศิษย์ใคร ก็คิดว่าอาจารย์ของตัวเองนั้นทำดี และทำถูก อย่างไรก็ตาม เราต้องเอาองค์กรใหญ่ คือ มส. ได้ทำในสิ่งที่ถูก เป็นประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนา ทำให้พระพุทธศาสนานี้มั่นคง แข็งแรง โดยอาศัยพื้นฐานความศรัทธาของประชาชน อย่าให้กระทบต่อศรัทธาประชาชน"
ฉันล่ะไม่เข้าใจจริงๆ ว่าที่พวกกรรมการ มส. ทำอยู่นี้ มันเป็นประโยชน์ในพระธรรมวินัยตรงไหน และการที่ มส. ปล่อยให้มีอลัชชีเต็มบ้านเต็มเมือง มันยังให้เกิดศรัทธาต่อ มส.ได้อย่างไร นี่ฉันโง่ไปหรือเปล่า ทำไมเข้าใจอะไรยากจัง
"ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า จะมีการเชิญพระพุทธะอิสระ มาทำความเข้าใจในเรื่องนี้หรือไม่ พระพรหมเมธี กล่าวว่า เรามีเจ้าคณะปกครองตามลำดับ เมื่อพระพุทธะอิสระ ขึ้นอยู่กับเจ้าคณะจังหวัดนครปฐม ก็ต้องเป็นหน้าที่ของเจ้าคณะจังหวัดนครปฐม ที่จะดำเนินการ และรายงานเรื่องนี้มาเป็นลำดับ เช่น จากเจ้าคณะจังหวัด มาเจ้าคณะภาค เจ้าคณะใหญ่หนกลาง กว่าจะมาถึงที่ประชุม มส. เป็นลำดับสุดท้าย ซึ่งเรื่องนี้อยู่ที่การพิจารณาของเจ้าคณะปกครองดังที่กล่าวมานี้ ในทางตรงกันข้าม เจ้าคณะปกครองที่ดูแลวัดพระธรรมกาย ก็ได้ทำหน้าที่นี้เช่นกัน ส่วนกรณีพระพุทธะอิสระ จะมีการแจ้งความโฆษก มส. โฆษก พศ. และพระพรหมโมลี ว่าไม่ปฏิบัติตามหน้าที่นั้น เรื่องนี้ยังไม่ได้คุยกัน และยังไม่เคยพบกับพระพุทธะอิสระ เพราะว่าเขาอาจจะเห็นต่างไป เราไปบังคับเขาไม่ได้ แสดงให้เห็นชัดเจนว่า เรื่องเดียวแต่มีการมองคนละแบบ"
พุทธะอิสระ ขอบอกเลยว่า ไม่ยอมรับการปกครองของพวกอลัชชี ที่อยู่ได้ทุกวันนี้ เหยียบยืนได้ด้วยลำแข้งตนเอง อยู่ได้ด้วยการปฏิบัติตามพระธรรมวินัย ขององค์พระบรมศาสดา มิได้อยู่ได้เพราะการปกครองของมส. เพราะมส.ไม่สามารถทำตัวเป็นที่พึ่งพาอาศัยได้ตามหลักพระธรรมวินัย หากฉันอยากพึ่ง มส. ฉันต้องปาราชิกก่อน แล้วหาเงินไปเลี้ยง มส. เพื่อให้ช่วยปกปิดอาบัติ และป้องกันภัยที่จะเกิดขึ้นแก่ฉัน เช่น นายธัมมชโย และธรรมกาย กระทำอยู่ ซึ่งฉันไม่มีเงิน รู้สึกอาย ทำไม่เป็น หากมีชีวิตอยู่แล้วไม่ภาคภูมิ สู้สึก หรือตายเสียดีกว่า ชีวิตนี้หากอยู่ที่ใดแล้วไม่ได้ให้ประโยชน์ ไม่รู้ว่าจะอยู่ไปทำไม
ฉะนั้น หาก มส.และเจ้าคณะปกครองตามลำดับชั้น ยังทำตัวเฉไฉ ไร้ความละอาย ไม่ซื่อตรงต่อพระธรรมวินัย อย่ามาบังอาจแสดงอำนาจ หากจะแสดง ก็คงเป็นอำนาจถ่อยที่อ้างกฎหมาย ไม่ต่างอะไรกับรัฐบาลที่ถูกขับไล่ไป
**"ธรรมกาย" ย้ายที่ตักบาตรพระพันรูป
เวลา 07.00 น. วานนี้ (1 มี.ค.) ที่วัดวารีบรรพต หรือ วัดบางนอน ต.บางนอน อ.เมืองฯ จ.ระนอง มีพิธีตักบาตรพระไทย-พม่า 1,000 รูป เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา และช่วยเหลือพระสงฆ์ 323 วัด 4 จังหวัดชายแดนใต้ มีชาวบ้าน และชาวพม่าทั้งใน จ.ระนอง และ จ.เกาะสอง ประเทศพม่า ร่วมตักบาตรกันอย่างล้นหลาม โดยมีตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบ รวมทั้งทหารคุ้มกันและอำนวยความสะดวกตั้งแต่ประตูทางเข้าวัด เพราะหวั่นว่าจะเกิดเหตุร้ายเกิดขึ้น หลังมีกระแสต่อต้านของชาวบ้านในพื้นที่ ซึ่งพิธีตักบาตรสิ้นสุดลง เมื่อเวลา 09.00 น. ตามกำหนด จากนั้นได้แยกย้ายกันเดินทางกันกลับ
**เหตุคนระนองเดือดชุมนุมต้านปิดถนน
ทั้งนี้ ก่อนหน้านั้น เมื่อเวลา 22.00 น. ของวันที่ 28 ก.พ. ที่หน้ามูลนิธิสหระนองสงเคราะห์ ชาวระนอง กว่า 200 คน รวมตัวคัดค้าน พระวัดกัลยานิมิต (สายวัดธรรมกาย) ต.บางนอน อ.เมืองฯ จ.ระนอง จัดกิจกรรมตักบาตรพระสงฆ์ 1,000 รูป บนถนนเฉลิมพระเกียรติ โดยอ้างว่าชาวบ้านเสื่อมศรัทธา และการจราจรติดขัด จึงไม่ให้ปิดถนนเพื่อจัดตั้งเก้าอี้และเต๊นท์ รวมทั้งทำลายป้ายประชาสัมพันธ์การจัดกิจกรรมด้วย ทั้งนี้ เนื่องจากพระวัดกัลยานิมิต ได้นำกรวยยางมาปิดถนนตั้งแต่เวลาประมาณ 21.00 น. ให้รถบรรทุกนำเก้าอี้พลาสติก และเต๊นท์มากาง
น.ส.ววรรณาพร วิวัชวงศ์ อายุ 45 ปี กล่าวว่า การปิดถนนทำให้การจราจรติดขัด เพราะถนนเฉลิมพระเกียรติ ถือว่าเป็นถนนสายหลัก รถส่วนใหญ่ใช้ความเร็ว และเมื่อปี 2557 ก็มีการจัดกิจกรรมมาครั้งหนึ่งแล้ว แต่เมื่อตั้งเต๊นท์และเก้าอี้เสร็จแล้วไม่ติดไฟสัญญาณเตือนผู้ใช้รถ มีเพียงเชือกฟางกั้น ทำให้ชาวบ้านที่ขับจักรยานยนต์หยุดรถไม่ทัน ได้รับอุบัติเหตุหลายราย
"ปีนี้ชาวบ้านต้องการให้ย้ายไปที่หน้าลานอเนกประสงค์เทศบาลเมืองระนอง เพราะไม่มีกีดขวางการจราจร แต่เจ้าหน้าที่ของวัดกัลยานิมิตกลับอ้างว่า ได้ประสานกับตำรวจสภ.เมืองฯ ให้ปิดถนนเพื่อจัดกิจกรรมได้ ทำให้ชาวบ้านส่วนใหญ่ไม่พอใจ ทำลายป้ายประชาสัมพันธ์ และไม่ให้จัดกิจกรรมตักบาตรบนถนนเฉลิมพระเกียรติ ไม่เช่นนั้นจะไม่รับรองความปลอดภัย"
ด้านเจ้าหน้าที่วัดกัลยานิมิตได้ส่งตัวแทนมาเจรจา ในที่สุดยินยอมเปลี่ยนสถานที่มาภายในวัดวารีบรรพต หรือวัดบางนอน ริมถนนเพชรเกษม ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 5 กิโลเมตร ชาวบ้านจึงยอมสลายตัวไปเมื่อเวลาประมาณ 01.30 น. วันที่ 1 มี.ค.
**พระอินเดียห่วงวงการสงฆ์ไทย
วานนี้ (1 มี.ค.) มีรายงานว่า เฟซบุ๊ก สำนักงานส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรมฯ วัดสระเกศ ได้เผยแพร่ภาพรูปภาพ ระบุว่า เป็นหนังสือจากองค์กรพุทธศาสนา แห่งรัฐอุตรกานด์ ประเทศอินเดีย โดยเป็นการเขียนจดหมาย ระบุว่า สองสถาบันพุทธในอินเดีย ได้ส่งหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี และ สปช. แสดงความห่วงใยต่อสถานการณ์พระพุทธศาสนาในเมืองไทยที่เกิดขึ้นในขณะนี้ เกรงพระพุทธศาสนาหมดไปจากประเทศไทย เหมือนอินเดียเคยประสบมาแล้ว โดยยกเหตุการณ์ที่ประเทศเกาหลีเป็นตัวอย่าง
โดยหนังสือมีใจความว่า เรียน ประธานสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) รัฐบาลไทย
เรื่อง สถานการณ์ทางศาสนาประเทศไทยในปัจจุบัน และผลกระทบต่อพระพุทธศาสนาโลก
องค์กรพุทธศาสนา แห่งรัฐอุตรกานด์ ประเทศอินเดีย ได้แสดงความเป็นห่วงต่อสถานการณ์ทางศาสนาที่เกิดขึ้นในประเทศไทย
ทุกวันนี้มีแต่ข่าวด้านลบเกี่ยวกับพระพุทธศาสนาในสื่อของไทย ซึ่งเป็นปัญหาที่น่ากังวลอย่างยิ่ง เรายังจำได้สถานการณ์เดียวกันที่เคยเกิดขึ้นในเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นผลทำให้พระพุทธศาสนาเกิดความเสียหายอย่างมาก และปัจจุบัน พุทธสาสนิกชนในเกาหลีใต้ลดน้อยลง ถึงร้อยละ 30
ทั่วโลกรับรู้ว่า พระพุทธศาสนานิกายเถรวาท ในประเทศไทย มีความเข้มแข็งมาก และผู้คนทั่วโลกกำลังเฝ้ามองประเทศไทย ในการฟื้นฟูพระพุทธศาสนาในประเทศอื่นๆ แต่พวกเราห่วงสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในประเทศไทย พระสงฆ์และการเมืองจะต้องไม่เข้ามาเกี่ยวข้องกัน สงฆ์จะต้องปลอดจากการเมือง
เราในนามของชาวพุทธ และเป็นหัวหน้าของสักยะสิงห์ ของพุทธศาสนาในอินเดีย ขอร้องให้ท่านช่วยดูแลปัญหาพระสงฆ์ที่เกิดขึ้นอย่างจริงจัง และจัดการเลือกตั้งสังฆราชองค์ใหม่ให้ยุติธรรม (สมเด็จพระสังฆราชแห่งประเทศไทย) ตามระดับอาวุโส
หวังว่า พระพุทธ พระธรรม จะส่องแสงสว่างบนโลกใบนี้ ขอให้ประเทศไทยจงเป็นประเทศพุทธศาสนิกชนฝ่ายเถรวาทอันดับ 1 ต่อไป
** ซัด "ไพบูลย์" หยุดคุกคาม มส.
อีกด้าน กลุ่มที่อ้างว่า เป็น องค์กรสงฆ์รุ่นใหม่ ปกป้อง สังฆมณฑล ได้ออกแถลงการณ์ เรื่อง ให้ยุติการคุกคามพระพุทธศาสนา และมหาเถรสมาคม ฉบับที่ 2 มีใจความว่า ตามที่ องค์กรสงฆ์รุ่นใหม่ ได้ออกแถลงการณ์ถึงคณะกรรมการปฏิรูปแนวทาง และมาตรการปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนา ซึ่งออกคำสั่งโดยสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ให้ยุติการข่มขู่คุกคาม ล่วงละเมิดต่อพระพุทธศาสนา และมหาเถรสมาคม อันอาจนำมาซึ่งความแตกแยก และไม่เป็นไปเพื่อความปรองดอง สมานฉันท์ ของชาวพุทธทั้งปวง แต่คณะกรรมการชุดดังกล่าว กลับแสดงออกซึ่งท่าทีอันเป็นปฏิปักษ์ต่อมหาเถรสมาคม อย่างชัดเจน มิได้ให้เกียรติต่อองค์กรปกครองสงฆ์สูงสุด ซึ่งเป็นที่ตั้งแห่งความสามัคคี ของสังฆมณฑล ซ้ำยังแสดงการปรามาส ข่มขู่ คุกคาม ต่างกรรมต่างวาระ แม้จะมีแถลงการณ์เตือนสติ ให้พึงสังวรณ์เยี่ยงวิญญูชน กลับประพฤติเป็นพาลชน สัญจรในโมหาคติ ลุ่มหลงมัวเมาในอำนาจ แสดงการอาฆาตมาสร้าย ทำลายศรัทธา ในพระรัตนตรัย มิได้ยำเกรงต่อพระมหาเถระในหมู่สงฆ์ ละเลยแนวทางแห่งบัณฑิตชน พึงปฏิบัติต่อพระสงฆ์ในพระศาสนา
คณะกรรมการชุดดังกล่าว ได้ร่วมกันสร้างบาดแผล ร้าวลึกลงในอาณาจักร บัดนี้ กำลังก้าวล่วงเข้ามาสร้างบาดแผล และความแตกแยกร้าวลึกในศาสนจักร อันจะก่อผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อพระพุทธศาสนา เสี่ยงที่จะก่อให้เกิดความขัดแย้งรุ่นแรง ยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่มิอาจให้เกิดขึ้นได้
ดังนั้น องค์กรสงฆ์รุ่นใหม่ ทุกภาคส่วน พร้อมเคลื่อนไหว เพื่อปกป้องสังฆมณฑล คุ้มครองพระพุทธศาสนา รักษามหาเถรสมาคม คัดค้านการดำเนินการใดๆ ของคณะกรรมการปฏิรูปพระพุทธศาสนา ซึ่งมี นายไพบูลย์ นิติตะวัน เป็นประธาน มิให้ก้าวล่วงเข้ามาสร้างความร้าวฉานแก่สังฆมณทล อย่างถึงที่สุด
***”ลีลาวดี” ถามต้องทุบบ้านทิ้งด้วยเหรอ?
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 26 ก.พ. ที่ผ่านมา รายการ ต่างคนต่างคิด ประเด็น "ผ่าอาณาจักรธรรมกาย ศรัทธาและสาวก ตอน 2" ออกอากาศทางอัมรินทร์ ทีวี ได้เชิญนายวิทเยนทร์ มุตตามระ กรรมการผู้จัดการสถานีโทรทัศน์ฟ้าวันใหม่ และ น.ส.ลีลาวดี วัชโรบล อดีต ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย ซึ่งฝ่ายแรกเป็นอดีตลูกศิษย์วัดธรรมกาย ส่วนฝ่ายหลังเป็นศิษย์ปัจจุบันของวัดธรรมกายซึ่งยังคงศรัทธาในวัดนี้อยู่แม้ว่าจะมีข่าวอื้อฉาวออกมามากเพียงไรก็ตาม
โดยมีประโยคหนึ่งที่ น.ส.ลีลาวดี อดีต ส.ส.เพื่อไทย และศิษย์วัดธรรมกายในปัจจุบัน กล่าวในรายการตอนดังกล่าวและเป็นที่กล่าวขวัญไปทั่วโลกสื่อสังคมออนไลน์ ในประเด็นที่นายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ยักยอกเงินของสหกรณ์ไปบริจาคให้วัดธรรมกายและธัมมชโย
นายวิทเยนทร์ถามว่าถ้าเงินที่ได้มาเป็นเงินที่ไม่ชอบ ควรจะคืนไหมครับ น.ส.ลีลาวดีตอบว่า เอาอย่างนี้ ถ้าสมมติว่า ถ้าลูกของคุณไปขโมยเงินมา เอาเงินมาให้พ่อ พ่อก็สร้างบ้านเรียบร้อยแล้ว ปรากฎว่าเป็นบ้านแล้วนะ ค้นพบว่าลูกไปโกงเขามา ต้องทุบบ้านทิ้งไหมคะ เพราะเราจะรู้ได้ยังไงว่า คนบริจาคให้วัดธรรมกายมีมากมายมหาศาล เราไม่มีทางรู้หรอกว่าลูกศิษย์เราไปทำอะไรมาบ้าง
สำหรับ น.ส.ลีลาวดี วัชโรบล อดีต ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย ยังเคยดำรงตำแหน่งเลขานุการคณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะ และวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร.