xs
xsm
sm
md
lg

แยกย่อย เครือข่ายสงฆ์ มาจากไหน? รุกหนัก จี้รัฐ-สปช.ยุบคณะปฏิรูปฯพระพุทธศาสนา

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

องค์กรพุทธศาสนา แห่งรัฐอุตรกานด์ ประเทศอินเดีย โดยสถาบันพระพุทธศาสนาในประเทศอินเดีย 2 แห่ง
แยกย่อย เครือข่ายสงฆ์รุกหนัก จี้รัฐ-สปช.ออกคำสั่งยุบคณะปฏิรูปฯพระพุทธศาสนา สปช. มีทั้งจากต่างประเทศและในประเทศ นอกจาก “พระเมธีธรรมาจารย์” ยังพบว่ามีองค์กรสงฆ์หลายแห่งที่รวมตัวเพื่อเตรียมเคลื่อนไหวในเร็วๆ นี้

วันนี้ (1 มี.ค.) รายงานระบุว่า นอกจากจะมีเครือข่ายพระสงฆ์เพื่อปกป้องพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ที่นำโดย “พระเมธีธรรมาจารย์” (ประสาร จนฺทสาโร) รองอธิการบดีฝ่ายประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร.) ในฐานะที่ปรึกษาสมาคมนักวิชาการเพื่อพระพุทธศาสนา (สนพ.) เป็นหัวหอกในการขอให้ยกเลิกคณะกรรมการปฏิรูปแนวทางและมาตรการปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนา สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) พบว่า ยังมีองค์ต่างๆ ร่วมเคลื่อนไหวในทศทางเดียวกัน ประกอบด้วย

กลุ่มแรก องค์กรพุทธศาสนา แห่งรัฐอุตรกานด์ ประเทศอินเดีย โดยสถาบันพระพุทธศาสนาในประเทศอินเดีย 2 แห่ง ประกอบด้วย Government Of Uttrakhand Minority Commission และ International Buddha Education Institute แสดงความห่วงใยต่อสถานการณ์พระพุทธศาสนาในประเทศไทย ผ่านทางพระธรรมทูตที่ปฏิบัติศาสนกิจ ในอินเดีย-เนปาล ถึงนายกรัฐมนตรีไทย ประธานสภาปฏิรูปแห่งชาติ

โดยเป็นการเขียนจดหมายระบุว่า สองสถาบันพุทธในอินเดียได้ส่งหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี และ สปช. แสดงความห่วงไยต่อสถานการณ์พระพุทธศาสนาในเมืองไทยที่เกิดขึ้นในขณะนี้ เกรงพระพุทธศาสนาหมดไปจากประเทศไทยเหมือนอินเดียเคยประสบมาแล้ว โดยยกเหตุการณ์ที่ประเทศเกาหลีเป็นตัวอย่าง

กลุ่มที่ 2 เครือข่ายพระธรรมทูตไทย กลุ่มชาวพุทธในยุโรปและสหราชอาณาจักร กลุ่มนี้มีเว็บไซต์ http://www.phrathaieu.net/ ได้ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 1 เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีไทย สั่งยุบคณะกรรมการปฏิรูปฯ พระพุทธศาสนา ของ สปช. และสั่งให้ยุติการข่มขู่คุกคามสถาบันพระศาสนา และ มส.โดยทันที

โดยระบุว่า ขณะนี้ได้มีกลุ่มบุคคลที่ล้วนเคยเคลื่อนไหวเพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองเดิมๆ มีความคิดสุดโต่ง หลุดโลก ได้ร่วมกันวางแผนเคลื่อนไหวอย่างแยบยลถึงขั้นหน้ามืดตามัว ร่วมกันก่อกรรมอย่างมหันต์ โดยบังอาจนำพระศาสนามาบังหน้าแบบ แอบแฝงเคลื่อนไหวในรูปแบบต่างๆ เช่น คณะกรรมการปฏิรูปฯ พระพุทธศาสนา โดย สปช.ซึ่งมีนายเทียนฉาย กีระนันทน์ และนายไพบูลย์ นิติตะวัน เป็นผู้ออกหน้า พร้อมร่วมกันวางแผนเคลื่อนไหวร่วมกับกลุ่ม กปปส. เพื่อประโยชน์ทางการเมืองเดิม

โดยมีผู้ที่อ้างตัวชื่อว่าหลวงปู่พุทธะอิสระ ซึ่งล้วนมีประวัติเคยร่วมเคลื่อนไหวทางการเมืองทั้งสิ้น กลุ่มดังกล่าวนี้นับวันจะมีพฤติกรรมมุทะลุ สุดโต่ง หลุดโลก เหิมเกริมยิ่งขึ้น ก่อนหน้านี้พระสุเทพก็นำร่องสร้างความเสื่อมเสียและลบล้างอุดมการณ์สวนโมกข์ของท่านพุทธทาสจนหมดสิ้นไปแล้ว ต่อมาบุคคลที่อ้างชื่อว่าหลวงปู่พุทธะอิสระนำกลุ่มม็อบจำนวนมากไปบุกวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ที่จำพรรษาของผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ก่อพฤติกรรมที่น่ารังเกียจต่อกรรมการ มส.อย่างไม่สนใจจารีตประเพณี ระบบอาวุโสภันเตใดๆ ทั้งสิ้น ส่วนลูกทีมคณะก็ออกให้สัมภาษณ์รายวันว่าจะตรวจนั่นตรวจนี่ ทั้งที่รู้ว่าหน่วยงานต่างๆ เช่น มส. และมหาวิทยาลัยสงฆ์ทั้งสองมีกฎหมายรองรับอยู่

พฤติกรรมดังกล่าวมานี้นำมาซึ่งความแตกแยก เป็นบาดแผลลึกในสังคมอย่างรุนแรงอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ทั้งยังเป็นที่สงสัยของนักการศาสนาทั่วโลกว่าพระศาสนาเถรวาทในเมืองไทยเกิดอะไรขึ้น ทั้งที่มติสภาวิสาขบูชาโลกมอบความไว้วางใจให้ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมระดับโลกทุกปี ด้วยเหตุผลดังกล่าว 1. ขอเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ฟังพระสงฆ์ส่วนใหญ่ในประเทศบ้าง และมีคำสั่งยุบ สปช.ชุดดังกล่าวโดยทันที และขอให้นายกรัฐมนตรีปรามกลุ่มการเมืองที่เคลื่อนไหวโดยเอาศาสนาบังหน้า ให้หยุดเคลื่อนไหวโดยทันที โดยเฉพาะการคุกคามข่มขู่ มส. องค์กรปกครองสูงสุดคณะสงฆ์

2. ขอเรียกร้องให้ข้าราชการที่นับถือพระพุทธศาสนา อย่าให้ความร่วมมือในการรับเรื่องไร้สาระ เพราะปรากฏข่าวพุทธะอิสระ (ผู้ต้องหาคดี) ไปยื่นเรื่องที่ใด ถึงขนาดมีรัฐมนตรีออกมารับนอบน้อม แต่เมื่ออีกฝ่ายโดยพระเมธีธรรมาจารย์ รองอธิการบดี มจร.ไปยื่นบ้าง มีแต่ระดับเจ้าหน้าที่ผู้น้อยมารับเรื่องแทน เช่นนี้ความปรองดองในชาติจะเกิดขึ้นได้อย่างไร 3. ขอเรียกร้องให้พระภิกษุสามเณรในประเทศ ไทยทุกรูปได้ออกมาช่วยกันปกป้องภัยที่จะเข้ามาคุกคามพระศาสนาในครั้งนี้โดยทันทีเพื่อทันสถานการณ์ เพื่อพระพุทธศาสนา 4. เครือข่ายพระธรรมทูตไทยในยุโรปจะติดตามสถานการณ์ และข้อเรียกร้องต่อนายกรัฐมนตรีอย่างใกล้ชิด และพร้อมยกระดับการเคลื่อนไหวเข้มข้นขึ้นทุกรูปแบบทันที เช่น ร่างหนังสือ ยื่นองค์กรศาสนา วัฒนธรรม และประมุขของกลุ่ม ประเทศในอียู หากเหตุการณ์หมิ่นเหม่ที่จะเกิดภัยร้ายต่อพระพุทธศาสนา เพื่อรักษามรดกของบรรพบุรุษไทย โดยมีเป้าหมายจะเคลื่อนไหวสอดคล้องกับกลุ่มปกป้องพระศาสนาในประเทศไทยทุกกลุ่ม เพราะมีเป้าหมายเพื่อรักษาพระศาสนาเช่นเดียวกัน โดยยืนยันคัดค้านกรรมการปฏิรูปฯ ศาสนา ชุด สปช.ให้ถึงที่สุด

กลุ่มที่ 3 เป็น องค์กรสงฆ์รุ่นใหม่ ปกป้อง สังฆมณฑล ได้ออกแถลงการณ์ เรื่อง ให้ยุติการคุกคามพระพุทธศาสนาและมหาเถรสมาคม ได้ออกแถลงการณ์ถึงคณะกรรมการปฏิรูปแนวทาง และมาตรการปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนา ซึ่งออกคำสั่งโดยสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) เนื้อหาระบุว่าให้ยุติการข่มขู่คุกคามล่วงละเมิดต่อพระพุทธศาสนา และมหาเถรสมาคม อันอาจนำมาซึ่งความแตกแยก และไม่เป็นไปเพื่อความปรองดอง สมานฉันท์ของชาวพุทธทั้งปวง

เนื้อหายังระบุว่า คณะกรรมการชุดนี้ได้ร่วมกันสร้างบาดแผลร้าวลึกลงในอาณาจักร และกำลังก้าวล่วงสร้างความแตกแยกร้าวลึกในศาสนจักร อันจะก่อผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อพระพุทธศาสนา เสี่ยงที่จะก่อให้เกิดความขัดแย้งรุ่นแรงยิ่งขึ้น เป็นสิ่งที่มิอาจให้เกิดขึ้นได้

ดังนั้น องค์กรสงฆ์รุ่นใหม่ทุกภาคส่วนพร้อมเคลื่อนไหวเพื่อปกป้องสังฆมณฑล คุ้มครองพระพุทธศาสนา รักษามหาเถรสมาคม คัดค้านการดำเนินการใดๆ ของคณะกรรมการปฏิรูปพระพุทธศาสนา ซึ่งมีนายไพบูลย์ นิติตะวัน เป็นประธาน มิให้ก้าวล่วงเข้ามาสร้างความร้าวฉานแก่สังฆมณฑลอย่างถึงที่สุด

กลุ่มที่ 4 สโมสรนิสิตคฤหัสถ์ - สภานิสิต′ มจร.ขอนแก่น ออกมาขู่นายกฯ ยุบคณะ กก.ปฏิรูปศาสนาฯ โดยสโมสรนิสิตคฤหัสถ์ มจร. วิทยาเขตขอนแก่น ออกแถลงการณ์ขอให้ยกเลิกคณะกรรมการปฏิรูปแนวทางและมาตรการปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนา สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ว่า สโมรนิสิตคฤหสถ์ ขอให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ยกเลิกคณะกรรมการปฏิรูปฯ ตามกรอบเวลา 15 วันที่ สนพ.ให้ไปก่อนหน้านี้ สโมสรนิสิตคฤหัสถ์ออกมาครั้งนี้เพื่อปกป้องและพิทักษ์ไว้ซึ่งพระพุทธศาสนา และถ้านายกฯ ไม่ยกเลิกคณะกรรมการปฏิรูปฯ ชุดนี้ สโมสรนิสิตคฤหัสถ์ในฐานะพุทธศาสนิกชนจะออกไปรวมตัวกันเพื่อแสดงออกการปกป้องพระพุทธศาสนาเบื้องต้นสรสโมสรนิสิตคฤหัสถ์ วิทยาเขตขอนแก่นจะยื่นข้อเรียกร้องให้กับรองอธิการบดี มจร. วิทยาเขตขอนแก่นและผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น

นอกจากนี้ สภานิสิต (บรรพชิต) มจร.วิทยาเขตขอนแก่น ออกแถลงการณ์คณะกรรมการสภานิสิต เรื่องขอให้ยกเลิกคณะกรรมการปฏิรูปฯ ใจความว่า ขอเรียกร้องต่อนายกฯ 3 ข้อ 1. ถ้าจะมีการปฏิรูปตามมาตรการปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนา ต้องให้เป็นไปตามพระธรรมวินัย 2. ต้องยกเลิกคณะกรรมการปฏิรูปฯ ที่ไม่เป็นไปตามพระธรรมวินัย ตามกรอบเวลาที่ สนพ.กำหนด และ 3. ถ้านายกฯ ไม่ยกเลิกคณะกรรมการชุดดังกล่าว สภานิสิต (บรรพชิต) จะออกไปรวมตัวกันเพื่อแสดงออกซึ่งการปกป้องพระพุทธศาสนา

กลุ่มที่ 5 นายเสถียร วิพรมหา รักษาการนายกสมาคม นักวิชาการเพื่อพระพุทธศาสนา (สนพ.) กำลังเตรียมรวบรวมข้อมูลทุกชนิดของผู้ที่มีพฤติกรรมเข้าข่ายดูหมิ่นคณะสงฆ์ในช่วงที่ผ่านมา เพื่อแจ้งความดำเนินคดี เพราะถือว่าเป็นพฤติกรรมที่อาจจะเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 แก้ไขเพิ่มเติมโดย พ.ร.บ.คณะสงฆ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2535 มาตรา 44 ทวิ ที่ระบุว่า ผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาต มาดร้ายสมเด็จพระสังฆราช ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และมาตรา 44 ตรี ที่ระบุว่า ผู้ใดใส่ความคณะสงฆ์หรือคณะสงฆ์อื่น อันก่อให้เกิดความเสื่อมเสีย หรือความแตกแยก ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ล่าสุด กลุ่มที่ 6 กลุ่มองค์กรเครือข่ายสังฆพัฒนา 20 จังหวัดภาคอีสานหรือ พระสงฆ์นักพัฒนาภาคอีสานกว่า 20 จังหวัด ที่ประกอบด้วยเครือข่ายพุทธชยันตีสังฆะเพื่อสังคม, เครือข่ายพระสังฆพัฒนาแผ่นดินธรรมแผ่นดินทอง, เครือข่ายพระธรรมทายาท, เครือข่ายแม่ชีไทย, ได้เรียกร้องให้ตรวจสอบพระลิขิตว่าเป็นพระลิขิตจริงหรือไม่

อย่างไรก็ตาม พบว่ายังอีก 1 กลุ่มที่ระบุว่าเป็นคณะศิษยานุศิษย์หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน ได้ออกมาเรียกร้องผ่านเว็บไซต์http://www.luangta.com/info/news_text.php เรียกร้องให้มีการ “ถวายคืนพระราชอำนาจ” เขียนโดย ศาสตราจารย์ ดร.รัตนา ศิริพานิช ตัวแทนคณะศิษยานุศิษย์หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน

มีใจความว่า คณะศิษยานุศิษย์หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน ยื่นหนังสือต่อ ฯพณฯ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ ฯพณฯ เทียนฉาย กีระนันทน์ ประธานสภาปฏิรูปแห่งชาติ เรื่องขอความอนุเคราะห์แก้ไขกฎหมายให้เป็นไปตามประชามติ “ถวายคืนพระราชอำนาจให้การสถาปนาสมเด็จพระสังฆราชเป็นพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์เท่านั้น” และขอความอนุเคราะห์ไม่บัญญัติกฎหมายใดที่ขัดต่อพระธรรมวินัยและโบราณราชประเพณีเป็นอันขาด

ด้วยในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา ได้เกิดปัญหาความระส่ำระสายในศาสนจักรอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน ไม่ว่าเกิดจากความประพฤติผิดของพระอลัชชี การแสวงหาและสั่งสมทรัพย์สินที่ขัดต่อสมณวิสัย การมุ่งขวนขวายในเรื่องลาภยศ การวิ่งเต้นเลื่อนชั้นสมณศักดิ์ การทำลายโบราณราชประเพณีหวังได้เป็นสมเด็จพระสังฆราชอย่างที่มิมีผู้ใดจะคัดค้านได้ การทำลายศาสนาหวังแก้กฎหมายให้เกิด “ฆราวาสปกครองสงฆ์” หรือกระทั่งการเหยียบย่ำพระธรรมวินัยด้วยการยกพระหนุ่มขึ้นและปลดพระมหาเถระ ผู้มีพรรษาสูงในชื่อ “มหาคณิสสร” โดยอ้างว่าเพื่อมิให้พระสงฆ์ประพฤติย่อหย่อน เพื่อป้องกันการหาประโยชน์โดยมิชอบจาก ศาสนสมบัติ เพื่อรักษาพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า เพื่อจะหาเหตุเข้าไปแก้ไข พ.ร.บ.สงฆ์ ให้วิปริตผิดธรรมหนักขึ้นไปอีก จึงปรากฏเหตุร้ายในพระศาสนาเป็นข่าวครึกโครมเรื่อยมานั้น

คณะศิษย์ฯ ขอเรียกร้องให้ดำเนินการสรุปได้ดังนี้

1. ในการร่างรัฐธรรมนูญ และแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.คณะสงฆ์ ขอเรียกร้องให้บัญญัติว่า “การสถาปนาสมเด็จพระสังฆราช เป็นพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์” และให้บัญญัติตามพระธรรมวินัยว่า “ผู้มีอาวุโสสูงสุดโดยพรรษา” มิใช่ “ผู้มีอาวุโสสูงสุดโดยสมณศักดิ์” เพราะเท่ากับเป็นการส่งเสริมให้พระและคฤหัสถ์ยึดถือยศถาบรรดาศักดิ์เหนือกว่าธรรมวินัยซึ่งเป็นการเหยียบย่ำบ่อนทำลายพระศาสนาโดยตรง

2. ขอคัดค้านการออกกฎหมายปกครองสงฆ์ที่ขัดต่อพระธรรมวินัยที่พระพุทธเจ้าบัญญัติไว้ดีแล้ว เพื่อมิให้เกิดสังฆเภทอันเป็นกรรมหนักที่สุดในพระพุทธศาสนา

หากมีการถวายคืนพระราชอำนาจในการสถาปนาและปฏิบัติต่อสมเด็จพระสังฆราชให้ เป็นพระราชวินิจฉัยของพระมหากษัตริย์อย่างสมบูรณ์แล้ว การวิ่งเต้นเพื่อต้องการได้ “ยศช้างขุนนางพระ” จะลดน้อยลงไป การจะตั้งองค์กรใดมาควบคุมย่อมไม่สำคัญเท่ากับได้คนดีมาปกครองประเทศ ได้พระดีมาปกครองสังฆมณฑล เพราะเราไม่สามารถทำให้ทุกคนเป็นคนดี ไม่สามารถทำให้พระทุกองค์เป็นพระดีได้

นอกจากนี้ การที่จะบัญญัติกฎหมายให้เข้าไปตรวจสอบเงินของวัดนั้น ขัดต่อพระธรรมวินัยอย่างชัดเจน แม้พระพุทธเจ้าจะบัญญัติมิให้พระภิกษุมีความยินดีในสมบัติเงินทอง แต่ก็บัญญัติให้พระสงฆ์ปกครองกันเอง เช่น สมบัติของสงฆ์ในแต่ละวัดไม่ว่าจะเป็นลหุภัณฑ์หรือครุภัณฑ์ ให้เป็นหน้าที่และเป็นอำนาจของพระวัดนั้น มีสมภารเป็นหัวหน้าเป็นผู้ปฏิบัติตามหลักธรรมวินัยข้อนี้ หากพระรูปใดได้ทรัพย์นั้นมาโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ก็ย่อมถูกดำเนินคดีได้ในทันที ไม่ใช่แก้ปัญหาด้วยการเข้าไปแทรกแซงทุกวัดซึ่งเท่ากับก้าวล่วงพระธรรมวินัย อย่างร้ายแรงโทษความผิดก็ย่อมไม่แตกต่างจากการกระทำของพระที่เหยียบย่ำศาสนา ดังกล่าวนั้น การแก้ปัญหาจึงต้องแก้ด้วยธรรมด้วยวินัย มิใช่ด้วยกฎเกณฑ์ที่เหยียบย่ำธรรมวินัย

การจะฉกฉวยจากปัญหาวิกฤติการณ์ในสังฆมณฑล ตั้งฆราวาสมาปกครองสงฆ์นั้น เริ่มต้นแม้จะเป็นความปรารถนาดี แต่เป็นการเปิดช่องให้พระพุทธศาสนาถึงแก่กาลอวสาน คณะศิษยานุศิษย์ขององค์หลวงตาพระมหาบัวจึงขอยืนยันการคัดค้านดังกล่าว


เครือข่ายพระธรรมทูตไทย

คณะศิษยานุศิษย์หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน  ได้ออกมาเรียกร้องผ่านเวปไซด์http://www.luangta.com/info/news_text.php เรียกร้องให้มีการ ถวายคืนพระราชอำนาจ

กำลังโหลดความคิดเห็น