xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

ธรรมกาย....ใหญ่จริง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -ยุทธจักรดงขมิ้นกำลังร้อนฉ่าจนปรอทแตกกันเลยทีเดียวเมื่อ “องค์กรปกครองสูงสุดของคณะสงฆ์ไทย” ที่มีชื่อว่า “มหาเถรสมาคม(มส.)” มีมติออกมาเป็นเอกฉันท์เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2558 ว่า พระเทพญาณมหามุนี (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย) บริสุทธ์ผุดผ่อง ไม่ต้อง “อาบัติปาราชิก” ตามพระลิขิตของ “สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก”

ฉับพลันที่มติ มส.ออกมา เสียงวิพากษ์วิจารณ์ก็ดังอึงมี่ไปทั่วทั้งสังคม ทั้งระดับชาวบ้านร้านตลาดและระดับผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งเป็นที่ยอมรับของคนทั้งประเทศ ถึงขั้นเสนอให้มีการ “ปฏิรูปมหาเถรสมาคม” กันเลยทีเดียว

เรื่องของธรรมกายนั้น เป็นคดีประวัติศาสตร์ที่คลาสสิกสุดของคณะสงฆ์ไทย และสะท้อนภาพความเป็นจริงของความพิกลพิการที่ดำรงอยู่ภายในระบอบการปกครองคณะสงฆ์ไทยอย่างเห็นได้ชัด

ที่สำคัญคือเป็นคดีที่พิสูจน์แล้วว่า ไม่มีใครสามารถจัดการวัดพระธรรมกายและพระเทพญาณมหามุนี (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย) ได้ เพราะขนาดองค์กรสงฆ์ด้วยกันเองยังโอบอุ้มแล้วจะไปคาดหวังอะไรกับองค์กรอื่นได้

แต่ก็ต้องขอชื่นชมและปรบมือให้กับ “ไพบูลย์ นิติตะวัน” สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ(สปช.) เป็นกรณีพิเศษที่กล้าลุกขึ้นมาจัดการกับวัดและพระที่เส้นใหญ่ที่สุดในราชอาณาจักรไทยวัดนี้

ขณะเดียวกันก็ต้องขอขอบคุณผู้กล้าคนอื่นๆ ที่กระทำในสิ่งที่ถูกต้อง ทั้งในด้านการแสดงความคิดเห็นและการกระทำ ไม่ใช่ปล่อยให้เป็นเรื่อง “ชั่วช่างชี ดีช่างสงฆ์” เพราะเป็นหน้าที่ของพุทธบริษัทในการปกป้องพระพุทธศาสนาดังพุทธองค์ตรัสไว้ว่า “ดูกรอานนท์ ถ้าตราบใดพุทธบริษัท4 ยังมีอยู่ พุทธศาสนาของเราตถาคตจะไม่รู้จักคำว่าเสื่อม”

ไปที่เรื่องอื่นๆ กันบ้าง เริ่มจาก นายกิตติ และ นายโยธิน ดำเนินชาญวนิชย์ ผู้บริหารดั๊บเบิ้ล เอ เยี่ยมชมการดำเนินงานของมูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด พร้อมมอบกระดาษดั๊บเบิ้ล เอ และผลิตภัณฑ์เครื่องเขียนเพื่อใช้ในกิจการตลอดปีและมอบอุปกรณ์ไฟฉายเดินป่าสำหรับเจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติงาน จำนวน 300 ชุด โดยมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการมูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด เป็นผู้รับมอบ ณ อุทยานแห่งชาติเขาสิบห้าชั้น จังหวัดจันทบุรี เมื่อเร็วๆนี้

ตามต่อด้วย มหาวิทยาลัยศิลปากร ร่วมกับสมาคมถ่ายภาพแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ และมูลนิธินริศรานุวัดติวงศ์ จัดการประกวดภาพถ่ายนานาชาติ ครั้งที่ 11 หัวข้อ “ร้อน” เนื่องในงานวันนริศ ประจำปี 2558 โดยในการนี้ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานภาพถ่ายฝีพระหัตถ์เข้าร่วมแสดงในครั้งนี้ด้วย กำหนดจัดแสดงระหว่างวันที่ 1-10 ม.ย.58 ณ หอศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร วังท่าพระ กรุงเทพฯ สอบถาม โทร. 0 2849 7538 หรือ 0 2849 7564

และปิดท้ายกับ ธันย์ชนก งามดี ผู้ช่วยผู้อำนวยการบริหารฝ่ายการตลาด บริษัท โรงงานผลิตภัณฑ์อาหารไทย จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปไวไว มอบรางวัล ให้แก่ผู้โชคดี ที่เข้าร่วมกิจกรรมและลุ้นโชคอั่งเปาที่บูทไวไว ในงาน "99 ปี พลังแห่งศรัทธา ตรุษจีนปากน้ำโพ สืบสานประเพณีแห่เจ้าพ่อ-เจ้าแม่ ปากน้ำโพ" ณ เมืองปากน้ำโพ จังหวัดนครสวรรค์ เมื่อเร็วๆนี้

พบกันใหม่สัปดาห์หน้าครับ...

ลุงอ้วน
managerweekend@yahoo.com

คอลัมน์// หนังสือน่าอ่าน

แค่ 13

ประเทศไทย เมืองแห่งศิวิไลซ์ มีผู้หญิงขายบริการทางเพศปีหนึ่งไม่ต่ำ กว่า 4 แสนคน อาชีพที่ต้องละทิ้งเกียรติยศเพื่อแลกกับเงินที่พวกเธอจะได้รับจากผู้ที่มาซื้อบริการ โดยเฉพาะชาวต่างชาตินับว่าเป็นเงินจำนวนไม่น้อย ทว่า พวกเธอต้องแลกกับความสูญเสีย ในคุณค่าของความเป็นมนุษย์ทันทีที่เดินเข้ามายังเส้นทางสายนี้

ย่านพัฒนพงษ์ และเมืองพัทยา เป็นแหล่งสถานเริงรมย์ขนาดใหญ่ มีทั้งอาบอบนวด อะโกโก้ และค้าบริการทางเพศ ซึ่งอาชีพที่เป็นตราบาปนี้ ล้วนน่าอับอาย เป็นอาชีพที่ใครต่อใครมองว่าน่ารังเกียจ ทว่า อีกแง่มุมหนึ่งผู้หญิงที่ขายบริการจำนวนไม่น้อย ที่ถูกความเบาปัญญา ความยากจน และค่านิยมบูชาเงินตราในสังคมของคนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่หญิงสาวชาวอีสานจำต้องแบกรับชะตากรรม ขายตัวเพื่อเลี้ยงครอบครัว

แค่ 13 หนังสือที่เขียนโดย Julia Manzanares และ Derek Kent เป็นหนังสือที่เขียนจากชีวิตจริงอันสุดสะเทือนใจของผู้หญิงที่ชื่อ ลอน หญิงสาวขายบริการชาวอีสานที่เข้ามาทำงานในไนท์คลับแค่เพียงอายุ 13 ปี และเปิดบริสุทธิ์ให้กับชาวต่างชาติ เพื่อแลกกับเงิน ที่เธอจะส่งให้แก่ครอบครัวที่หวังเพียงหน้าตาทางสังคม ที่เธอมีค่าแค่เพียงธนาคารของครอบครัวเท่านั้น ซึ่งนั่นกลายเป็นบาดแผลในใจที่เธอรู้สึกถึงความอัปยศ ตลอดเวลา

เนื้อหาภายในหนังสือเล่มนี้ยังได้กะเทาะสภาพปัญหาสังคมให้เห็นถึงค่านิยมของคนอีสานที่ผู้หญิงที่ชื่อลอน หญิงสาวขายบริการทางเพศด้วยวัยแค่ 13 ปี เข้าสู่วังวนของ Sex-tourism ระบำเปลื้องผ้าในต่างประเทศ ผ่านชีวิตคู่ที่ล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่า และถูกพรากจากลูกเพราะมีปัญหาทางจิต

ผู้อ่านจะได้ทำความเข้าใจชีวิตของลอน ที่ต้องเติบโตในครอบครัวที่พ่อแม่ของเธอต้องใช้แรงงานเพื่อแลกกับเงินร้อยสองร้อยมาจุนเจือครอบครัว บวกกับสภาพแวดล้อมที่กดดันนี่เอง ที่ทำให้ลอนกลายเป็นเด็กมีปัญหาในโรงเรียน และถูกไล่ออก ครอบครัวขับไล่ ลอนระเหเร่รอน หนีเข้ากรุงเทพฯ เพื่อหาเงินชดใช้หนี้ชีวิตของตัวเอง และชดใช้ชะตากรรมที่พ่อคนที่เธอรักที่สุด ต้องมาเสียชีวิตคราวที่ตามหาเธอ

นอกจากนั้นหนังสือเล่มนี้ยังได้รับการแปลมาแล้วกว่า 8 ภาษา ที่สำคัญเป็น Best Seller ในต่างประเทศ และผู้เขียนยังใช้เวลาอยู่กับเจ้าของเรื่อง เก็บข้อมูลอย่างใกล้ชิด จนสามารถถ่ายทอดเรื่องราวสุดสะเทือนใจออกมาได้อย่างถึงแก่น จนทำให้อ่านไปแล้วถึงกับน้ำตาซึม
ความรัก ความอบอุ่น ถูกแทรกซึมในช่องว่างด้วยความโดดเดี่ยว ความละอายใจ และความเกลียดชังของผู้หญิงที่ชื่อลอน ที่บอกกับตัวเองว่าเธอคือกระหรี่

เป็นหนังสือดีที่พลาดไม่ได้เชียวค่ะ

แสงเพ็ง




กำลังโหลดความคิดเห็น