ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -อื้อฉาวข้ามทศวรรษ โจษจันกันทั้ง 3 โลกเลยนะจ๊ะวัดจานบินของพระเทพญาณมหามุนี (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย) และ ณ เวลานี้ แม้จะมีกระแสชำระสะสาง “ท่านธมฺมชโย” เจ้าอาวาสวัดธรรมกาย กระหึ่มขึ้นอีกครั้ง แต่พลังเงินต่อบุญที่สร้างความยิ่งใหญ่ ความมั่งคั่งร่ำรวยให้แก่วัดที่ไหลมาเทมาไม่หยุด ก็ไม่แน่ว่าปฏิบัติการยกนี้อาจจบลง แบบ ชกลมเช่นเคย
ที่น่าสังเกตก็คือ แม้จะมีข่าวด้านลบต่อธรรมกาย แต่ศรัทธาของศิษยานุศิษย์มิได้ลดน้อยถอยลง ยิ่งนานวันศิษย์เอกระดับอัครสาวกของธรรมกายก็ยิ่งเพิ่มพูนไพศาล มีเศรษฐี ดารา คนเด่นดัง แห่เข้าร่วมขบวนบุญกับ “ท่านธมฺมชโย” อย่างไม่น่าเชื่อ และหากไล่เรียงกันหลายคนคงคุ้นหน้าคุ้นตากันเป็นอย่างดี
สำหรับอัครสาวกคนสำคัญของวัดพระธรรมกายระดับแถวหน้าที่มีจิตศรัทธาและเป็นข่าวอื้อฉาวที่ฮือฮารายล่าสุด ก็คือ นายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนฯ จากกรณีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) แจ้งข้อหานายศุภชัย ยักยอกเงินของสหกรณ์ฯ ทำให้ได้รับความเสียหายกว่า 12,402 ล้านบาท
ประเด็นที่น่าสนใจก็คือ พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ เลขาธิการ ป.ป.ง. ระบุชัดว่า จากการสอบเส้นทางการเงิน พบว่า นายศุภชัย ได้ออกเช็คสั่งจ่ายเงินแก่วัดพระธรรมกายจำนวน 15 ฉบับ รวมเป็นเงิน 714 ล้านบาท และทางวัดพระธรรมกายจำนนต่อหลักฐานที่ ป.ป.ง. ตรวจสอบจนยินยอมที่จะคืนเงินบริจาคดังกล่าวคืน
เมื่อจำนนต่อหลักฐานดังนี้แล้ว คำถามคือ วัดพระธรรมกาย และพระเทพญาณมหามุนี ผู้เป็นเจ้าอาวาสรู้เห็นเป็นใจกับการทำความผิดกับการยักยอกเงินของนายศุภชัย หรือไม่ ถ้า ป.ป.ง.ตรวจสอบพบว่า วัดพระธรรมกายรับรู้ก็จะต้องถูกดำเนินคดีทางกฎหมายเช่นเดียวกับนายศุภชัย ผู้เป็นศิษย์เอกเช่นกัน
ศิษย์เอกที่เป็นนักธุรกิจใหญ่อีกคนก็คือ นายบุญชัย เบญจรงคกุล อดีตผู้บริหารค่ายมือถือดีแทค เศรษฐีเมืองไทย อันดับที่ 13 ที่มีทรัพย์สินเกือบ 3 หมื่นล้านบาท ศิษย์เอกผู้นี้ได้ชื่อว่าศรัทธาธรรมกายล้นเหลือ โดยเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงช่วยสนับสนุนทั้งเงินและเทคโนโลยีในการเผยแพร่ข่าวสารและคำสอนของธรรมกาย การทุ่มเททำบุญทั้งหลายทั้งปวงก็เพื่อสะสมบุญไปสวรรค์
“.... เรารู้แล้วว่า บุญที่เราสร้างด้วยความตั้งใจ กับความดีที่เราทำ เราเชื่ออย่างยิ่งว่าเราไปสวรรค์ เราอยากไปสวรรค์ชั้นที่สี่ คือชั้นดุสิต สวรรค์ชั้นดุสิต ต่างจากสวรรค์ชั้นอื่นๆ ทั้งหมดหกชั้นก็ตรงที่จะลงมาเกิดเป็นมนุษย์เพื่อสร้างกุศลเมื่อไหร่ก็ได้ ไม่ต้องรอให้จุติเมื่อหมดบุญ อันนั้นคือสิ่งที่เราเชื่อ และบุญที่เราทำ ก็เชื่อว่ามันจะทำให้เราไปถึงชั้นดาวดึงส์ได้ คือชั้นที่สองที่พระอินทร์อยู่ แล้วก็มีการปฏิบัติธรรมที่ชั้นนั้นด้วย
“ดังนั้น ตายพรุ่งนี้เลยก็ดี เราจะได้ไปสวรรค์ชั้นดุสิต สวรรค์มันไม่มีเหงื่อ ไม่ต้องปวดท้องเข้าห้องน้ำ ไม่ต้องมายกกล้ามเข้าฟิตเนส ไม่มีป่วย ไม่มีแก่ หน้าเด้งตลอด แล้วก็อยู่อย่างนั้นประมาณ 36 ล้านปี ทุกคนหล่อหมด สวยหมด แต่หน้าตาเหมือนกันหมดเลยนะ .... นั่นคือกฎของสวรรค์ คนทำดีมันก็หน้าตาดีเหมือนกันหมด ต่างกันแค่รัศมีหรือออร่า” นั่นคือแรงศรัทราต่อธรรมกายเพื่อไปสวรรค์ของเจ้าสัวบุญชัย
สำหรับนักธุรกิจระดับเศรษฐีแถวหน้าที่เป็นอัครสาวกของธรรมกายอีกคน คือ นายอนันต์ อัศวโภคิน ประธานกรรมการ และกรรมการผู้จัดการ บริษัท แลนด์แอนด์เฮาส์ จำกัด (มหาชน) ประธานโครงการก่อสร้างมหาธรรมกายเจดีย์ ผู้ซึ่งมีผู้คนคลางแคลงว่าไปด้วยแรงศรัทธาหรือว่าอาศัยเครือข่ายธรรมกายขยายธุรกิจ
นิตยสารผู้จัดการรายเดือน ฉบับเดือน ก.พ. 2542 เขียนเรื่อง “อนันต์ อัศวโภคิน ศรัทธา หรือจะขายบุญ?” โดยตั้งข้อสังเกตเอาไว้ว่า การเข้าไปเป็นผู้มีบทบาทคนสำคัญของวัดธรรมกายของนายอนันต์ ก่อให้เกิดความสงสัยกันมากมาย เพราะเป็นที่รู้กันในบรรดาแวดวงผู้ใกล้ชิดว่า คนอย่างนายอนันต์ ไม่เคยเลื่อมใสศาสนาใดศาสนาหนึ่งอย่างพิเศษมาก่อน อาจจะมีการทำบุญตักบาตรในพิธีของศาสนาพุทธบ้าง แต่ไม่ได้ทุ่มเทมากมายอะไรนัก และที่สำคัญเขาเคยเกลียดที่สุดกับลัทธิของการสร้างวัตถุนิยม
ครั้งหนึ่งหากจำกันได้ นายอนันต์ เคยสนับสนุนงานทางด้านการเมืองของ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ด้วยซ้ำไป ซึ่งเป็นที่รู้กันว่า “มหาจำลอง” นั้นเป็นสัญลักษณ์หนึ่งของสำนักสันติอโศก ซึ่งวิถีปฏิบัติต่างกับธรรมกายชนิดคนละขั้วโลกกันเลย เพราะสันติอโศกนั้นผู้ปฏิบัติต้องเคี่ยวกรำตนเองอย่างหนัก ให้ลด ละ เลิก จากกิเลสทั้งหลาย
คำถามที่ว่า เขาเกิดความศรัทธาต้องการสร้างบุญขึ้นมาจริงๆ แต่เรื่องของธุรกิจที่เข้ามาเกี่ยวข้องเป็นเรื่องของจังหวะ หรือเขามองลึกลงไปเห็นเนื้องานที่จะงอกเงยมาจากวัดธรรมกาย รวมทั้งกำลังซื้ออันมหาศาลของญาติโยมวัดธรรมกายตั้งแต่เริ่มแรก
ภาพของเรื่องนี้ยังได้รับการตอกย้ำ ให้สงสัยลงไปอีกเมื่อบริษัทสยามสินธร บริษัทในเครือแห่งหนึ่งของแลนด์ แอนด์เฮ้าส์ได้ไปสร้างโครงการสวนตะวันธรรม ภายใต้สโล-แกน "บ้านสวยริมทะเสสาบติดธรรมกายเจดีย์" โดยใช้รูปแบบเดียวกับโครงการบ้านสวนธนที่แลนด์ฯ ขายได้ดีมาแล้ว บ้านสวนตะวันธรรม มีทั้งหมด 10 ตึก ตึกละ 22 ยูนิต รวม ทั้งหมด 220 ยูนิต ความสูงตึกละ 6 ชั้น พื้นที่ยูนิตละ 60 ตารางเมตร ขายที่ราคา 1.5 ล้านบาท
และเรื่องที่ถูกจับตามองเป็นพิเศษคือ การสร้างธรรมกายเจดีย์ ซึ่งนายอนันต์ได้เข้าร่วมพิธีสำคัญในการตอกเสาเข็มต้นแรก ในฐานะประธานในพิธีปิดแผ่นทองและตอกเสาเข็มฝ่ายฆราวาส เมื่อวันที่ 8 ก.ย. 2538
ธรรมกายเจดีย์ มีมูลค่าการก่อสร้างกว่า 10,000 ล้าน บาท และบริษัทที่เข้าไปรับงานนี้ก็คือ คริสเตียนีแอนด์นีลเส็น บริษัทรับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ที่มีสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ธนาคารไทยพาณิชย์ และแลนด์แอนด์เฮ้าส์ เข้าไปถือหุ้นรายใหญ่ และเม็ดเงินจากการรับงานธรรมกายเจดีย์ จึงเป็นเรื่องสำคัญ สามารถชี้เป็นชี้ตายให้กับบริษัทและบรรดากลุ่มผู้ถือหุ้นในช่วงที่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจ เมื่อปี 2540
นายอนันต์ หรือ “เฮียตึ๋ง”เศรษฐี ซึ่งนิตยสารฟอร์บจัดให้เป็นมหาเศรษฐีของไทยลำดับที่ อันดับที่ 26 ประจำปี 2557 มีมูลค่าทรัพย์สิน 35,854.50 ล้านบาท นอกจากจะศรัทธาในพลังบุญของธรรมกายแล้ว ยังศรัทธาในพรรคเพื่อไทย โดยเว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เปิดเผยยอดเงินบริจาคพรรคการเมือง ประจำเดือนก.พ. 2556 ว่า พรรคเพื่อไทย มียอดรับบริจาครวมทั้งหมด 19,918,755 บาท ผู้บริจาครายใหญ่ 9 ราย หนึ่งในนั้นคือนายอนันต์ บริจาค 5 ล้านบาท
นี่เป็นเรื่องที่ใครๆ ก็รู้ว่า นายอนันต์ มีความใกล้ชิดกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ตั้งแต่สมัยที่ยังดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และเมื่อคราวชุมนุมใหญ่ของคนเสื้อแดง นายอนันต์ ก็ไปปรากฏตัวในการชุมนุมแสดงพลังของกลุ่มคนเสื้อแดง ที่บริเวณถนนอักษะ พุทธมณฑลสาย 4 อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม เมื่อวันที่ 11 พ.ค. 2557 ก่อนหน้าที่รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะถูกยึดอำนาจในอีกไม่กี่วันต่อมา
นักธุรกิจอัครสาวกธรรมกายอีกหนึ่งที่ลืมไม่ได้คือ นายสอง วัชรศรีโรจน์ นักลงทุนขาใหญ่ชื่อเสียงกระฉ่อนระหว่างปี 2532 - 2536 และทำให้ตลาดหลักทรัพย์สั่นสะเทือนด้วยการซื้อหุ้นธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชย์การหรือบีบีซีถึง 34 ล้านหุ้น จนถูกแจ้งจับในข้อหาปั่นหุ้น เมื่อปี 2535 เหตุการณ์คราวนั้นเสี่ยสองเกือบจะเทคโอเวอร์บีบีซีได้สำเร็จ และว่ากันว่า เหตุการณ์นั้นทำให้ “ท่านธมฺมชโย” สูญเงินไปร่วมหมื่นล้านบาททีเดียว
"เสี่ยสอง" ถือเป็นบุคคลในตำนานของตลาดหุ้นไทย เป็นบุคคลคนแรกที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวโทษในข้อหาร่วมกันปั่นหุ้นแบงก์บีบีซี เมื่อปี 2535 ซึ่งต่อมาศาลฎีกามีคำสั่งยืนตามคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ที่ให้ยกฟ้อง เสี่ยสองยัง ถูก ก.ล.ต.กล่าวโทษในข้อหาร่วมกันปั่นหุ้น บริษัทเงินทุนเฟิสท์ซิตี้ อินเวสเม้นท์ จำกัด (มหาชน) และบริษัท รัตนการเคหะ จำกัด (มหาชน) แต่ทั้ง 2 กรณีนี้อัยการมีคำสั่งไม่ฟ้อง ต่อมา เมื่อปี 2536 ก็เจอก.ล.ต.กล่าวโทษในข้อหาร่วมกันปั่นหุ้น บริษัท กฤษดามหานคร จำกัด (มหาชน) และอัยการมีคำสั่งฟ้อง "เสี่ยสอง" จึงลี้ภัยหายหน้าไปจนคดีหมดอายุความลงเมื่อปี 2545 จากนั้นก็กลับมาอีกครั้งตามคำเชิญของ “เสี่ยพ.” คนดังแห่งเมืองเหนือ และมีการข่าวคราวเข้าเก็งกำไรหุ้นจนเป็นที่จับตาหลายตัว
ณ เวลานี้ เสี่ยสอง วัชรศรีโรจน์ เปิดหน้าเว็บไซต์ www.watcharasriroj.com โชว์ตัวกันชัดแจ้ง โดยเชื่อมโยงชีวิตของนักเล่นหุ้นกับธรรมะเข้าด้วยกัน และเนื้อหาในส่วนของการช่วยเหลือสังคมด้านการฟื้นฟูศีลธรรมนั้น ได้กล่าวถึงการเข้าไปมีส่วนในโครงการที่ “หลวงพ่อธัมมชโย” มีดำริ คือ โครงการฟื้นฟูศีลธรรมโลกเพื่อถวายเป็นพุทธบูชาเนื่องในวันวิสาขบูชา สอดรับกับนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อสร้างต้นแบบเยาวชนด้านศีลธรรมและคุณธรรม นำร่องโดยโรงเรียน 5,000 โรงเรียน โดยมีนักเรียนจำนวน 200,000 คน จากทั่วประเทศเข้าร่วมโครงการ
อย่าแปลกใจที่เสี่ยสองจะเป็นอัครสาวกธรรมกาย เพราะน้องชายของเสี่ยสองนั้นคือ พระมหาสมชาย ฐานวุฑฺโฒ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ด้านการศึกษาและการเผยแผ่ ในเวลานี้ ซึ่งพระมหาสมชายฯ ชื่อเดิม คือ นพ.สมชาย วัชรศรีโรจน์ แพทยศาสตรบัณฑิต รุ่นที่ 35 ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และจบปริญญาโท และปริญญาเอกทางด้านพุทธศาสตร์ศึกษา มหาวิทยาลัยโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ผู้ซึ่งเผยแผ่ธรรมกายภายใต้เครือข่ายชมรมพุทธศาสตร์ในรั้วมหาวิทยาลัย
ฟากนักการเมืองที่เป็นอภิมหาศิษย์เอกของธรรมกาย ต้องยกให้คู่นี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และครอบครัว ผู้ซึ่งสร้างปาฏิหาริย์ให้พระธัมมชโย พ้นคดีอย่างอัศจรรย์ เมื่อปี 2549 ในคดียักยอกเงินวัดและทรัพย์สินวัดเกือบพันล้านบาท เพราะปรากฏภาพของนักโทษชายหนีคดีและอดีตภรรยาในงานบุญของวัดแห่งนี้อยู่บ่อยๆ รวมถึงน้องสาวคนสวยที่ชื่อ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
ความน่าสนใจระหว่างนักโทษชายหนีคดีและพระอาจารย์ ซึ่งสังคมตั้งข้อสงสัยก็คือ จู่ๆ อัยการซึ่งเป็นโจทก์ ขอถอนฟ้องคดีธัมมชโยต่อศาลหลังจากสืบพยานไปแล้ว 7 ปี เหลืออีก 2 ปาก ก็จะตัดสิน โดยยกเหตุว่า "....ปรากฏว่าจำเลยที่ 1 กับพวกได้มอบทรัพย์สินทั้งหมด ซึ่งมีทั้งที่ดินและเงินจำนวน 959,300,000 บาท คืนให้แก่วัดพระธรรมกาย การกระทำดังกล่าวของจำเลยที่ 1 กับพวก จึงเป็นการปฏิบัติตามพระลิขิตของสมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปริณายก ครบถ้วนทุกประการแล้ว ..... อัยการสูงสุด จึงมีคำสั่งให้ถอนคดีนี้ ดังนั้น โจทก์จึงขอถอนฟ้องจำเลยทั้งสองในคดีนี้ทุกข้อกล่าวหา ขอศาลโปรดอนุญาต.....ฯลฯ
เป็นการถอนฟ้องในช่วงที่นักโทษชายหนีคดีเป็นนายกรัฐมนตรี
ที่สำคัญคือ หลายวาระหลายโอกาสในกาลต่อมาก็เห็นได้ว่าธรรมกายนั้นเป็นฐานการเมืองมวลชนเพื่อครองอำนาจของทักษิณ ทั้งการไปใช้พื้นที่วัดธรรมกายปราศรัยทางการเมือง ทั้งยังให้กระทรวงมหาดไทย ระดมสมาชิกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ทั่วประเทศมาจัดงานที่วัดธรรมกายมาแล้วหลายครั้ง
นักการเมืองอีกคนที่เป็นสาวกธรรมกาย คือ นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช อดีต รมว.กระทรวงศึกษาธิการ ปี 2555 ที่มีส่วนส่งเสริมและสนับสนุนการเผยแผ่ลัทธิธรรมกาย ทั้งโครงการปฏิบัติธรรมที่วัดสระเกศ-ธรรมกาย โดยให้สถาบันการศึกษาจัดส่งนักศึกษาเข้าร่วมงาน เป็นต้น
หันมาดูในแวดวงบันเทิง ก็มีหลายคนที่มีจิตศรัทธาวัดพระธรรมกาย ดังเช่น “โน้ส - อุดม แต้พานิช” ที่ไปพนมมือสาธุพร้อมโปรยกลีบกุหลาบบนเสื่อแดงให้พระเดิน โน้สประกาศตัวชัดเจนมานับสิบปีแล้วว่าเป็นสาวกพันธุ์แท้ธรรมกาย ทั้งถวายที่ดินให้วัด มีดวงแก้ว บูชาที่บ้าน แม้แต่บนเวทีการแสดงโชว์ในการแสดงเดี่ยว 7 รอบมาฆบูชา ก็สวมชุดอุบาสก พร้อมบอกบุญให้ผู้ชมการแสดงร่วมทำบุญกันเลยทีเดียว
คนต่อมาคือ “อ้อ - ศศินา วิมุตตานนท์” อดีตนางงามผู้ใช้ภาษาไทยดีเด่นเวทีนางสาวไทย ผู้ประกาศข่าวช่อง 7 เคยสร้างฮือฮาขึ้นหน้าหนึ่งมาแล้ว ด้วยการแต่งหน้าฉ่ำโบ๊ะแต่งตัวในชุดสีทองเหลืองอร่ามเลิศหรูอลังการถือผ้าไตร ในงานทอดกฐินที่วัดพระธรรมกายเมื่อปี 2550
อ้อ บอกว่า ชุดดังกล่าว คือ ชุด “มหาลดาป สาธน์” ที่นางวิสาขา มหาอุบาสิกาโยมอุปถัมภ์ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าใส่ในการทำบุญกฐิน โดยในพระไตรปิฎก มีการกล่าวถึงชุดทอง ว่า ทำด้วยทอง 500 เส้น และพลอยต่างๆ วัดพระธรรมกายจึงจำลองชุดนี้ขึ้นมา และคัดเลือกคนมาใส่ เพื่อแสดงให้เห็นถึงอุบาสิกาวิสาขาที่มีแพรพรรณงดงามตามผลบุญของท่านเมื่อชาติก่อน ที่ได้ทำบุญด้วยการทอดกฐินข้ามพบข้ามชาติ
แต่หากได้ศึกษารายละเอียดในพระไตรปิฎกนั้น จะพบว่า นางวิสาขาอุบาสิกาได้แต่งเครื่องเครื่องมหาลดาปสาธน์ไปด้วย แต่เห็นว่า จะแต่งเครื่องประดับเช่นนี้เข้าเฝ้าพระศาสดาจะไม่เหมาะ จึงเปลื้องเครื่องประดับให้คนรับใช้ถือไว้ ส่วนตนเข้าเฝ้าพาศาสดาด้วยเครื่องประดับลำลองชื่อ ฆนมัฏฐกะ ต่อมาจึงได้นำเครื่องมหาลดาปสาธน์ไปเร่ขาย เพื่อจะนำเงินมาทำบุญกับวัด แต่ทั่วชมพูทวีปก็ไม่มีใครมีบุญซื้อ เพราะเครื่องมหาลดาปสาธน์มีราคาแพงถึง 90 ล้าน 1 แสนบาท นางวิสาขาอุบาสิกา จึงได้ซื้อไว้เอง และนำเงินไปซื้อที่ดินสร้างที่อยู่เพื่อพระสงฆ์ เมื่อสร้างเสร็จแล้วก็บริจาคเงินในการฉลองวัดอีก 90 ล้าน การสร้างวัดครั้งนี้เป็นการบริจาคอันยิ่งใหญ่ของวิสาขา ซึ่งหญิงอื่นๆ ทำได้ยากเหลือเกิน ฉะนั้นการที่อุบาสิกาจะได้ใส่ชุดนี้ถวายผ้าไตรในงานกฐินของวัดพระธรรมกายจึงเป็นที่ปรารถนาของลูกศิษย์ธรรมกายที่เป็นผู้หญิง
“พิง ลำพระเพลิง” หรือ ภูพิงค์ พังสะอาด นักเขียน ผู้กำกับชื่อดังเพื่อนสนิท โน้ส อุดม ที่เคยฝากผลงานหนัง “โคตรรักเอ็งเลย” ซึ่งเรื่องราวในหนังยังเป็นชีวิตจริงของ พิง ลำพระเพลิง อีกด้วย เรื่องราวการมาเป็นสาวกวัดพระธรรมกายของ พิง ลำพระเพลิง ถูกบันทึกไว้ในหนังสือ CASE STUDY ของวัดพระธรรมกาย ทั้งเรื่องความรัก ชีวิต การงาน ที่ขึ้นๆ ลงๆ และสูญเสียภรรยาจากอุบัติเหตุ ซึ่งจะแก้ได้ด้วยการทำบุญให้สม่ำเสมอ ทำให้ พิง ลำพระเพลิง เข้าร่วมกิจกรรมกับวัดจนเป็นภาพที่คุ้นตาของเหล่าลูกศิษย์วัดพระธรรมกาย
“สายใจ วลี” หรือ สายใจ เสงี่ยมลักษณ์ อดีตนักร้องลูกทุ่งซูเปอร์ทีนแกรมมี่โกลด์ รู้จักธรรมกายจากการชักชวนของรุ่นพี่มหาวิทยาลัย ได้เข้าไปศึกษาธรรมะที่วัดพระธรรมกายจนเกิดการเลื่อมใส และเข้าศึกษาที่มหาวิทยาลัยธรรมกาย แคลิฟอร์เนีย เพื่อที่จะเรียนรู้เรื่องธรรมกายอย่างถ่องแท้ เธอยังรับหน้าที่พิธีกรในช่อง DCM ของวัดพระธรรมกาย รวมไปถึงรับหน้าที่พิธีกรในกิจกรรมของวัดพระธรรมกาย ถือว่าเป็นผู้เผยแพร่วิชาธรรมกายตัวยงเลยทีเดียว
อีกคนหนึ่งที่สำคัญ คือ “ลีลาวดี วัชโรบล” อดีตนางงามนักแสดง ส.ส.เสื้อแดง ศิษย์เอกธรรมกาย เจ้าของสถิติพานักเรียน-นักศึกษาเข้าร่วมกิจกรรมธรรมกาย 5 แสนคน เธอเริ่มเข้าสู่การเมืองกับพรรคประชากรไทย ก่อนจะติดตามนายสมัคร สุนทรเวช ไปอยู่พรรคพลังประชาชน เคยดำรงตำแหน่งเป็นเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาการ สมัยรัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ น้องเขยทักษิณ
อดีตนางงามคนนี้ จัดเป็นศิษย์เอกของวัดพระธรรมกาย และเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย ที่มีผลงานโดดเด่น เคยระดมนักเรียนประถม มัธยม นักศึกษา มาเข้าร่วมกิจกรรมกับวัดพระธรรมกายเมื่อวันที่ 19 พ.ค. 2551 ถึง 2 แสนคน โดยมี พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีขณะนั้น เดินทางมามอบโล่และให้โอวาท และวันที่ 13 ธ.ค. ปีเดียวกัน ก็ได้นำนักเรียน 5 แสนคน เข้าทำกิจกรรมกับวัดพระธรรมกายอีก ซึ่งไปสอดคล้องกับที่ พ.ต.ท.ทักษิณ โฟนอินกับกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หรือกลุ่มคนเสื้อแดงที่สนามศุภชลาศัย
ลีลาวดี ได้ชื่อว่าตัวเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างเจ้าอาวาสวัดธรรมกายกับพ.ต.ท.ทักษิณ ตัวจริง ผลงานในโครงการ "ปิดกรุงเทพฯ ตักบาตรพระล้านรูป" ในวันที่ 10-25 มี.ค. 2555 เป็นเครื่องการันตีฝีมือเพราะสามารถนำเอาคณะรัฐมนตรี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ให้มาร่วมงานอย่างพร้อมเพรียง
ถ้าไม่มีอะไรพลิกผัน ป่านฉะนี้ธรรมกายคงเป็นจุดเชื่อมต่อสำคัญ เป็นบันไดไต่สวรรค์ ที่บันดาลให้เครือข่ายทักษิณใช้เป็นฐานการเมืองและทุนหนุนเสริม เพื่อก้าวไปสู่การกุมอำนาจสูงสุดของประเทศ ทว่า คนคำนวณมิสู้ฟ้าลิขิต สุดท้ายนายใหญ่ต้องระเห็จไปอยู่ต่างประเทศ ขณะที่เจ้าอาวาสวัดธรรมกายและอัครสาวกคนสำคัญกำลังถูกไล่เช็กบิล
วิบากกรรมคราวนี้จะรอดไม่รอดก็คงขึ้นอยู่กับผลบุญที่สั่งสมมานะจ๊ะ