ASTVผู้จัดการรายวัน-"วิษณุ"ให้จับตาประชุม มส.ครั้งหน้า จะรับรองรายงานการประชุม วันที่ 20 ก.พ.ที่ผ่านมาอย่างไร หลังมีข่าวที่ประชุมไม่ได้ถกเรื่อง "ธัมมชโย" ปาราชิกหรือไม่ปาราชิกเลย ลั่นต้องตามให้สุด กรณีสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นโอนเงินให้วัดพระธรรมกาย ปปง. เปิดเซฟบริษัทเอี่ยวคดียักยอกทรัพย์สหกรณ์ฯ พบเจ้าของเคยบวชที่วัดธรรมกาย เผย "ศุภชัย" ตัวการงาบเงิน ยังโอนเงินให้กว่า 250 ล้าน ขณะที่ มปปท. ร้องผู้ตรวจแผ่นดินเอาผิด มส. ส่วนดีเอสไอ แจงกรณีการครอบครองรถหรูของพระชั้นผู้ใหญ่ 2 คัน
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ด้านกฎหมาย เปิดเผยถึงพระลิขิตของสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก กรณีพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ต้องอาบัติปาราชิก ว่า ตนเห็นพระลิขิตทั้ง 5 ฉบับแล้ว โดยฉบับที่อ่านเป็นสำเนา ลงพระนาม แต่มีคำถามบางคำถามได้ให้เจ้าหน้าที่ช่วยไปค้นมาให้เพิ่มเติมแล้ว
ส่วนกรณีนายสมชาย สุรชาตรี โฆษกสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ระบุว่า การประชุมมหาเถรสมาคม (มส.) เมื่อวันที่ 20 ก.พ. ไม่ได้มีมติเรื่องพระธัมมชโยนั้น ต้องรอดูการประชุม มส. ครั้งหน้า ปกติ มส.จะมีการประชุมกันทุก 10 วัน ซึ่งประชุมครั้งหน้า จะมีการรับรองรายงานการประชุมครั้งก่อน ซึ่งอยู่ที่รายงานการประชุมว่า จะมีการรับรองกันออกมาอย่างไร
"ได้กำชับไปว่า ให้ช่วยเผยแพร่ให้สาธารณชนรู้ว่ามติ คือ อะไร อาทิ ที่มีการสงสัยกัน เรื่องมีการโหวตหรือไม่มี มีการพูดว่าปาราชิกหรือไม่ปาราชิกหรือไม่ ส่วนการแถลงมติ มส. เมื่อวันที่ 20 ก.พ. ไปเอาอะไรมาแถลงนั้น มีส่วนที่จะให้คิดอย่างนั้นได้ ขอให้คนที่เขาแถลงพูดก็แล้วกันว่าไปเอามาจากไหน ตลอดจน มติจริงๆ วันดังกล่าวเป็นอย่างไร ตนถามเจ้าหน้าที่ ซึ่งเข้าร่วมประชุมวันนั้น เขาชี้แจงว่า ไม่มีการพูดเรื่องปาราชิก หรือไม่ปาราชิกเลย ดังนั้น ต้องดูมติมส. ว่า จะรับรองมตินี้หรือไม่ สมมุติที่สุดมติ มส.ออกมาว่ามีการพูดกัน ต้องถามกลับว่า วันนั้นคุณมัวแต่อุดหู หรืออย่างไร ถึงไม่ได้ยิน จะต้องแก้ไข"นายวิษณุกล่าว
***สั่งตามให้สุดเส้นทางเงินไปถึงไหน
นายวิษณุกล่าวว่า สำหรับคดี สหกรณ์เครดิตยูเนียนคลองจั่น โอนเงินให้วัดพระธรรมกาย เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบ ตนเพียงมาดูแลให้หน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องทำงาน โดยไม่ลักลั่น และซ้ำก้อนกัน จากนั้นจะสรุปเสนอรัฐบาล ไม่ได้ทำหน้าที่ไต่สวนเอง เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ปฏิบัติ คาดว่าเจ้าหน้าที่ คงใช้เวลาพอสมควร แต่ไม่ว่ากระบวนการยาวเท่าไร ตนต้องติดตามดูจนเลิกกันไปข้างหนึ่ง
"เรื่องนี้ไม่สนุกเหมือนดูละคร และเรื่องคดีสุดท้ายสหกรณ์ยูเนี่ยนฯ จะเกี่ยวหรือไม่เกี่ยว ตนไม่รู้ แต่วันนี้มีการกล่าวอ้างว่าเกี่ยว ผู้เกี่ยวข้องต้องลงไปสอบให้ได้ว่าเงินของสหกรณ์ยูเนี่ยนฯ ที่หายไป ไปสู่เส้นทางไหนบ้าง หากพบไปอยู่ตรงไหน ต้องตามไป ต้องตามทุกที่ เพื่อจะเอาเงินคืนมา โดยใช้สหกรณ์เป็นตัวตั้ง แล้วสาวไปสู่ปลายทาง ของเงินทุกแห่ง"
***ห่วงกลายเป็นสงครามศาสนจักร
ผู้สื่อข่าวถามว่า เรื่องนี้จะกลายเป็นสงครามศาสนจักร หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า หากพูดมากๆ อาจจะเป็น
เมื่อถามถึงกรณี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ระบุว่า ไม่อยากไปยุ่ง เพราะต่างฝ่ายต่างมีลูกศิษย์จำนวนมาก นายวิษณุ กล่าวว่า การสอดแทรก วิ่งเต้น กลบเกลื่อน และถือหาง หมายถึง ยุ่ง แต่หากคำว่า ยุ่ง มีความหมายเป็นหน้าที่ จะต้องทำให้เกิดความชัดเจน โปร่งใส ถูกต้องแก่พระศาสนา และเป็นธรรมแก่ผู้เกี่ยวข้อง ยิ่งมีเรื่อง สหกรณ์ยูเนี่ยนฯ เข้ามาเกี่ยว เรื่องคืนเงินคืนทองถือเป็นส่วนหนึ่งของคำว่า เป็นธรรม ดังนั้น เป็นเรื่องที่คนมีหน้าที่จำเป็นต้องยุ่ง เหมือนตนมีหน้าที่ ก็เลยต้องยุ่ง
ต่อข้อถามว่า หากผลของคดีออกมาสามารถนำผลไปร้องต่อ มส. ได้หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ทั้งหมดที่เกิดขึ้น หากมีอะไรที่เป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาของ มส. ต้องส่งให้อยู่แล้ว
นายวิษณุกล่าวว่า วันนี้ตนอยากให้เอาเงินคืนมาให้ได้เสียก่อน แต่จะพูดมากไปไม่ได้ เพราะจะเสียรูปคดี และเรื่องนี้มีความละเอียดอ่อน เกินกว่าที่สังคมรู้ อยู่ที่หวังผลอะไร หากหวังให้เรียบร้อย จะทำอย่างไร ให้มีการคืนเงินคืนทองของสหกรณ์ฯ ที่มีคนเป็นหมื่นร้องเรียนกันอยู่ เสร็จแล้วอย่างอื่นค่อยว่ากัน ต้องพูดกันทีละขั้นตอน ในแง่ของรัฐบาล ทำเพื่อให้เกิดความสงบเรียบร้อย มีอะไรที่ยังไม่เป็นข่าวอีกเยอะ พูดเมื่อไรเป็นข่าวเมื่อนั้น จึงต้องดำเนินการด้วยความระมัดระวังมาก เพราะสิ่งที่เรามองเห็น ไม่ใช่ปัญหาทั้งหมด ลึกลงไปอีกเยอะ
***ปปง.เปิดเซฟบริษัทเอี่ยวยักยอกทรัพย์
วันเดียวกันนี้ พ.ต.อ.ดุษฎี อารยวุฒิ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม ได้ตรวจสอบตู้เซฟที่ยึดได้จากบริษัทเอส ดับบลิว โฮดิ้งกรุ๊ป ร่วมกับเจ้าหน้าที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และเจ้าหน้าที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์
พ.ต.อ.ดุษฎี กล่าวว่า บริษัทดังกล่าวมีความเกี่ยวข้องกับคดียักยอกทรัพย์สหกรณ์เครดิตยูเนียนคลองจั่น ซึ่งจากการเปิดตู้เซฟ พบอาวุธปืน 5 กระบอก แมกกาซีนบรรจุกระสุน พร้อมใช้งาน และกล่องเครื่องกระสุนปืนจำนวนหนึ่ง และยังมีพระเครื่อง ทั้งเหลี่ยมทอง และไม่เหลี่ยมทอง จำนวนกว่า 50 องค์ สำหรับพระเครื่องส่วนใหญ่เป็นพระผงของขวัญวัดปากน้ำวัดรุ่น 1 และพระเครื่องรุ่นดังอีกหลายองค์ อาทิ พระสมเด็จ พระซุ้มกอ พระนางพญาพิษณุโลก พระรอดลำพูน และยังมีเครื่องลาง และลูกแก้วใส สัญลักษณ์ของวัดธรรมกาย
ทั้งนี้ ได้ให้สถาบันนิติวิทยาศาสตร์เข้ามาตรวจเก็บดีเอ็นเอ ลายนิ้วมือ เพื่อหาผู้ที่มีความเกี่ยวข้องกับตู้เซฟดังกล่าว ส่วนอาวุธปืนทั้ง 5 กระบอก ได้ให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบหาที่มาที่ไป และดูว่าเคยมีประวัติในการใช้ก่อเหตุอาชญากรรมหรือไม่ จากนั้นให้ส่งหลักฐานทั้งหมดมาให้ทาง ปปง. จัดทำบัญชีทรัพย์สินเพื่อตรวจสอบดำเนินคดีต่อไป
นอกจากนี้ จากการตรวจสอบข้อมูลทราบว่านายสถาพร เคยมีประวัติการบวชที่วัดธรรมกายเป็นเวลากว่า 20 ปี ก่อนจะสึกออกมาเมื่อปี 2554 ส่วนจะมีความสนิทสนมกับเจ้าอาวาสวัดธรรมกายหรือไม่ เบื้องต้นยังไม่สามารถระบุได้ว่ามีความสนิทสนมมากน้อยแค่ไหน
***เผย"ศุภชัย"เคยโอนเงินให้กว่า 250 ล้าน
นายนพดล อุเทน ผอ.กองคดีกอง1 ปปง. กล่าวว่า ตรวจสอบข้อมูลการรายงานธุรกรรมทางการเงินและทรัพย์สินของนายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานกรรมการสหกรณ์ฯ คลองจั่น พบว่า นายศุภชัย โอนเงินให้นายสถาพร วัฒนศิรินุกุล เมื่อปี 2553 จำนวน 127 ล้านบาท และโอนให้บริษัท เอช.ดับบลิว.โฮลดิ่งกรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด เมื่อปี 2554-2555 จำนวน 124 ล้านบาท
สำหรับสมุดบัญชีเงินฝาก 3 เล่ม ที่พบภายในตู้เซฟเป็นสมุดบัญชีเงินฝากของธนาคารกรุงไทย สาขาตลาดไทย โดยมีเงินหมุนเวียน 27 ล้านบาท และพบว่า มีการทยอยถอนเงินออกจากบัญชีตั้งแต่ปี 2556 ซึ่งปัจจุบันมียอดเงินคงเหลือในบัญชี 30,000 บาท โดยสมุดบัญชีเงินฝากเป็นชื่อของนายสถาพร 1 เล่ม และชื่อของบริษัท เอช.ดับบลิว.โฮลดิ้งกรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด 2 เล่ม
อย่างไรก็ตาม หลักฐานที่พบ เบื้องต้นยังไม่สามารถระบุได้ว่ามีความเชื่อมโยงถึงใครบ้าง แต่หากพบว่าใครมีส่วนเกี่ยวข้องก็จะเรียกมาสอบปากคำต่อไป
ส่วนการตรวจสอบเส้นทางการเงินของกรรมการมหาเถรสมาคม (มส.) หากพบว่าเข้าข่ายความผิดมูลฐานฟอกเงิน ทาง ปปง. จึงจะมีอำนาจเข้าไปดำเนินการาตรวจสอบได้
***มปปท.ยื่นผู้ตรวจแผ่นดินเอาผิด มส.
ผู้สี่อข่าวรายงานว่า เครือข่ายมหาวิทยาลัยเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย (มปปท.) นำโดยนางวิรังรอง ทัพพะรังสี ประธานกรรมการ มปปท. พร้อมด้วยตัวแทนเครือข่าย มปปท. เข้ายื่นหนังสือต่อผู้ตรวจการแผ่นดินผ่านนายรักษเกชา แฉ่ฉาย เลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน เพื่อขอให้ตรวจสอบกรรมการมหาเถรสมาคม (มส.) กรณีมีมติไม่เอาผิดพระธัมมชโย
นางวิรังรอง กล่าวว่า ตามที่ มส. มีมติไม่เอาผิดพระธัมมชโย ในการประชุมเมื่อวันที่ 20 ก.พ. ที่ผ่านมา ถือว่ามติดังกล่าวเป็นการขัดต่อพระธรรมวินัยและกฎหมายบ้านเมืองอย่างชัดเจน เนื่องจากโดยพระธรรมวินัยแล้วภิกษุไม่สามารถรับที่ดิน ไร่นา มาเป็นของตนได้ ปรากฎตามพระสุตตันตปิฎก โดยขอให้ทางผู้ตรวจฯ ดำเนินการสอบสวนข้อเท็จจริง หากพบว่ากรรมาการเถรสมาคมและผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ไม่ได้ดำเนินการโดยถูกต้องตามพระธรรมวินัยและกฎหมาย ก็ต้องดำเนินการตามอำนาจหน้าที่และกระบวนการต่อไป
ด้านนายรักษเกชา กล่าวว่า ผู้ตรวจฯ ต้องมีการพิจารณาก่อนว่าเรื่องดังกล่าว อยู่ในอำนาจหน้าที่หรือไม่ หากอยู่ในอำนาจก็จะดำเนินการตามกระบวนการ แต่หากไม่อยู่ในอำนาจก็จะส่งเรื่องไปให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาต่อไป
***เผยหากหลักฐานสาวถึง"ธัมมชโย"ไม่รอด
ผู้สื่อข่าวรายงานถึงปัญหากรณีของพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายว่า เรื่องนี้ต้องแยกคดีเกี่ยวกับการสั่งจ่ายเช็คเพื่อบริจาคเงินและกรณีของการปาราชิกออกจากกัน ซึ่งในทางคดีนั้น วันที่ 16 มี.ค.นี้ ทางศาลแพ่งจะมีการนัดไกล่เกลี่ยคดี ซึ่งก็ต้องรอผลการไกล่เกลี่ยของศาลก่อน หากพบหลักฐานชัดเจนว่ามีการโอนเงินในการบริจาคให้กับพระธัมมชโย ก็จะส่งผลทำให้เรื่องนี้เข้าสู่การพิจารณาของมหาเถรสมาคม แต่ทั้งนี้ก็จะต้องมีผู้ร้องด้วย
"เรื่องการปาราชิกหรือไม่นั้น ตามข้อเท็จจริงและตามขั้นตอนแล้ว ผู้ที่จะมีอำนาจในการดำเนินการ ก็คือ พระเทพรัตนสุธี เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี ที่ผ่านมา หลายคนมองข้ามไป โดยมุ่งไปที่มหาเถรสมาคม แต่แท้จริงแล้วอำนาจที่แท้จริงไม่ได้อยู่ที่มหาเถรสมาคม แต่อยู่ที่เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี"
ทั้งนี้ ในส่วนของเช็คที่ทางสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนสั่งจ่ายให้พระธัมมชโยนั้น แม้ว่าเช็คนั้นมีการโอนไปยังมูลนิธิแล้ว ไม่ได้เจาะจงถึงตัวพระธัมมชโย แต่ถ้าเมื่อใดมีหลักฐานที่จะโยงไปถึงตัวพระธัมมชโย ก็สามารถเอาผิดได้ ตอนนี้อยากให้ทุกอย่างดำเนินไปตามขั้นตอนก่อน อย่าเพิ่งไปด่วนสรุปว่าเรื่องนี้จะคว้าน้ำเหลวหรืออะไร แต่อยากให้มองที่หลักฐานซึ่งเชื่อว่าจะมีหลักฐานชัดเจนขึ้นมาเรื่อยๆ
***คลองจั่นฟ้องธรรมกายเรียกคืน933ล้าน
นายเผด็จ มุ่งธัญญา ประธานดำเนินการสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น กล่าวถึงความคืบหน้าคดียักยอกเงินสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นกว่า 15,000 ล้านบาท ว่า กรมสอบสวนคดีพิเศษติดตามคดีนี้ จนพบข้อมูลเชื่อมโยงว่านายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์ฯ ได้นำเงินกว่า 900 ล้านบาทที่ยักยอกมา สั่งจ่ายเป็นเช็คถึงวัดพระธรรมกาย หลวงพ่อธัมมชโย และบุคคลที่เกี่ยวข้องกับวัดพระธรรมกาย โดยพบว่ามีการสั่งจ่ายเช็กตั้งแต่ปี 2552 แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ สั่งจ่ายให้วัดธรรมกาย รวมจำนวน 814 ล้านบาท และสั่งจ่ายให้พระปลัดวิจารณ์ ที่วัดพระธรรมกาย รวม119 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้ สหกรณ์ได้ยื่นฟ้องต่อศาลธัญบุรีเพื่อให้ทั้ง 2 จ่ายเงินคืนสหกรณ์ รวมเป็นเงิน 933 ล้านบาทแล้ว และในกลางเดือนมี.ค.นี้ มีการนัดไกล่เกลี่ย
***ดีเอสไอแจงกรณีรถหรูของพระชั้นผู้ใหญ่
จากกรณีที่ พระพุทธะอิสระ ประธานสงฆ์วัดอ้อน้อย จ.นครปฐม ได้ เดินทางมายื่นหนังสื่อต่อ นางสุวณา สุวรรณจูฑะ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เมื่อวันที่23ก.พ.ที่ผ่านมา เพื่อทวงถามความคืบหน้าคดีที่ดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษ 2 คดี โดยหนึ่งในนั้นคือคดีรถหรูเลี่ยงภาษีที่พบว่าพระใน มหาเถระสมาคม(มส.)หลายรูปครอบครองรถหรูที่มีราคามากกว่า 5 ล้านบาทขึ้นไปหลายคัน ซึ่งเชื่อมโยงไปถึงพระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หรือหลวงพี่น้ำฝน ที่พบว่ามีพฤติการณ์ครอบครองรถหรูและเป็นผู้จัดส่งรถหรูไปให้กับมหาเถระสมาคม (มส.)
วานนี้ (25ก.พ.) เมื่อเวลา 17.00 น. ที่ดีเอสไอ พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร ผบ.สำนักปฏิบัติการคดีพิเศษ ดีเอสไอ เปิดเผยว่า นางสุวณา สุวรรณะจูฑะ อธิบดีดีเอสไอ ได้มอบหมายให้ชี้แจงกรณีที่ปรากฎเป็นข่าวว่า มีพระผู้ใหญ่ครอบครองรถหรูจำนวน หลายคัน ซึ่งจากการตรวจสอบรถจดประกอบทั้ง6พันกว่าคัน เบื้องต้นพบว่าสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง สุดประเสริฐ) เจ้าอาวาสวัดปากน้ำภาษีเจริญ ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราชย์ มีชื่อครอบครองรถจดประกอบ ยี่ห้อ เมอซิเดสเบ้นท์ ทะเบียน ขม 99 กทม. แต่ปัจจุบันรถคันดังกล่าวแจ้งจดทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบกว่า ไม่ได้ใช้รถยนต์คันดังกล่าวเป็นการถาวร ซึ่งคาดว่าเป็นรถโบราณที่มีไว้สะสมไม่ได้มีไว้ขับขี่
สำหรับรถยนต์คันที่ 2 อยู่ในความครอบครองของพระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หรือหลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม จ.นครปฐม ครอบครองรถยนต์ จากั้ว ทะเบียน กท 1562 สระบุรี
อย่างไรก็ตาม พนักงานสอบสวนดีเอสไอจะตรวจสอบถึงรายละเอียดการนำเข้ารถทั้งสองคัน ทั้งนี้ยังไม่มีการเรียกให้พระผู้ใหญ่ทั้ง 2 รูป นำรถมาให้ทางดีเอสไอตรวจสอบ จนกว่ากรมศุลกากรจะชี้ขาดการเรียกประเมินภาษีรถจดประกอบล็อตแรกจำนวนกว่า 400 คัน ที่ดีเอสไอส่งไปให้ดำเนินการแล้วให้เสร็จก่อน.
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ด้านกฎหมาย เปิดเผยถึงพระลิขิตของสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก กรณีพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ต้องอาบัติปาราชิก ว่า ตนเห็นพระลิขิตทั้ง 5 ฉบับแล้ว โดยฉบับที่อ่านเป็นสำเนา ลงพระนาม แต่มีคำถามบางคำถามได้ให้เจ้าหน้าที่ช่วยไปค้นมาให้เพิ่มเติมแล้ว
ส่วนกรณีนายสมชาย สุรชาตรี โฆษกสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ระบุว่า การประชุมมหาเถรสมาคม (มส.) เมื่อวันที่ 20 ก.พ. ไม่ได้มีมติเรื่องพระธัมมชโยนั้น ต้องรอดูการประชุม มส. ครั้งหน้า ปกติ มส.จะมีการประชุมกันทุก 10 วัน ซึ่งประชุมครั้งหน้า จะมีการรับรองรายงานการประชุมครั้งก่อน ซึ่งอยู่ที่รายงานการประชุมว่า จะมีการรับรองกันออกมาอย่างไร
"ได้กำชับไปว่า ให้ช่วยเผยแพร่ให้สาธารณชนรู้ว่ามติ คือ อะไร อาทิ ที่มีการสงสัยกัน เรื่องมีการโหวตหรือไม่มี มีการพูดว่าปาราชิกหรือไม่ปาราชิกหรือไม่ ส่วนการแถลงมติ มส. เมื่อวันที่ 20 ก.พ. ไปเอาอะไรมาแถลงนั้น มีส่วนที่จะให้คิดอย่างนั้นได้ ขอให้คนที่เขาแถลงพูดก็แล้วกันว่าไปเอามาจากไหน ตลอดจน มติจริงๆ วันดังกล่าวเป็นอย่างไร ตนถามเจ้าหน้าที่ ซึ่งเข้าร่วมประชุมวันนั้น เขาชี้แจงว่า ไม่มีการพูดเรื่องปาราชิก หรือไม่ปาราชิกเลย ดังนั้น ต้องดูมติมส. ว่า จะรับรองมตินี้หรือไม่ สมมุติที่สุดมติ มส.ออกมาว่ามีการพูดกัน ต้องถามกลับว่า วันนั้นคุณมัวแต่อุดหู หรืออย่างไร ถึงไม่ได้ยิน จะต้องแก้ไข"นายวิษณุกล่าว
***สั่งตามให้สุดเส้นทางเงินไปถึงไหน
นายวิษณุกล่าวว่า สำหรับคดี สหกรณ์เครดิตยูเนียนคลองจั่น โอนเงินให้วัดพระธรรมกาย เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบ ตนเพียงมาดูแลให้หน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องทำงาน โดยไม่ลักลั่น และซ้ำก้อนกัน จากนั้นจะสรุปเสนอรัฐบาล ไม่ได้ทำหน้าที่ไต่สวนเอง เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ปฏิบัติ คาดว่าเจ้าหน้าที่ คงใช้เวลาพอสมควร แต่ไม่ว่ากระบวนการยาวเท่าไร ตนต้องติดตามดูจนเลิกกันไปข้างหนึ่ง
"เรื่องนี้ไม่สนุกเหมือนดูละคร และเรื่องคดีสุดท้ายสหกรณ์ยูเนี่ยนฯ จะเกี่ยวหรือไม่เกี่ยว ตนไม่รู้ แต่วันนี้มีการกล่าวอ้างว่าเกี่ยว ผู้เกี่ยวข้องต้องลงไปสอบให้ได้ว่าเงินของสหกรณ์ยูเนี่ยนฯ ที่หายไป ไปสู่เส้นทางไหนบ้าง หากพบไปอยู่ตรงไหน ต้องตามไป ต้องตามทุกที่ เพื่อจะเอาเงินคืนมา โดยใช้สหกรณ์เป็นตัวตั้ง แล้วสาวไปสู่ปลายทาง ของเงินทุกแห่ง"
***ห่วงกลายเป็นสงครามศาสนจักร
ผู้สื่อข่าวถามว่า เรื่องนี้จะกลายเป็นสงครามศาสนจักร หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า หากพูดมากๆ อาจจะเป็น
เมื่อถามถึงกรณี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ระบุว่า ไม่อยากไปยุ่ง เพราะต่างฝ่ายต่างมีลูกศิษย์จำนวนมาก นายวิษณุ กล่าวว่า การสอดแทรก วิ่งเต้น กลบเกลื่อน และถือหาง หมายถึง ยุ่ง แต่หากคำว่า ยุ่ง มีความหมายเป็นหน้าที่ จะต้องทำให้เกิดความชัดเจน โปร่งใส ถูกต้องแก่พระศาสนา และเป็นธรรมแก่ผู้เกี่ยวข้อง ยิ่งมีเรื่อง สหกรณ์ยูเนี่ยนฯ เข้ามาเกี่ยว เรื่องคืนเงินคืนทองถือเป็นส่วนหนึ่งของคำว่า เป็นธรรม ดังนั้น เป็นเรื่องที่คนมีหน้าที่จำเป็นต้องยุ่ง เหมือนตนมีหน้าที่ ก็เลยต้องยุ่ง
ต่อข้อถามว่า หากผลของคดีออกมาสามารถนำผลไปร้องต่อ มส. ได้หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ทั้งหมดที่เกิดขึ้น หากมีอะไรที่เป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาของ มส. ต้องส่งให้อยู่แล้ว
นายวิษณุกล่าวว่า วันนี้ตนอยากให้เอาเงินคืนมาให้ได้เสียก่อน แต่จะพูดมากไปไม่ได้ เพราะจะเสียรูปคดี และเรื่องนี้มีความละเอียดอ่อน เกินกว่าที่สังคมรู้ อยู่ที่หวังผลอะไร หากหวังให้เรียบร้อย จะทำอย่างไร ให้มีการคืนเงินคืนทองของสหกรณ์ฯ ที่มีคนเป็นหมื่นร้องเรียนกันอยู่ เสร็จแล้วอย่างอื่นค่อยว่ากัน ต้องพูดกันทีละขั้นตอน ในแง่ของรัฐบาล ทำเพื่อให้เกิดความสงบเรียบร้อย มีอะไรที่ยังไม่เป็นข่าวอีกเยอะ พูดเมื่อไรเป็นข่าวเมื่อนั้น จึงต้องดำเนินการด้วยความระมัดระวังมาก เพราะสิ่งที่เรามองเห็น ไม่ใช่ปัญหาทั้งหมด ลึกลงไปอีกเยอะ
***ปปง.เปิดเซฟบริษัทเอี่ยวยักยอกทรัพย์
วันเดียวกันนี้ พ.ต.อ.ดุษฎี อารยวุฒิ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม ได้ตรวจสอบตู้เซฟที่ยึดได้จากบริษัทเอส ดับบลิว โฮดิ้งกรุ๊ป ร่วมกับเจ้าหน้าที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และเจ้าหน้าที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์
พ.ต.อ.ดุษฎี กล่าวว่า บริษัทดังกล่าวมีความเกี่ยวข้องกับคดียักยอกทรัพย์สหกรณ์เครดิตยูเนียนคลองจั่น ซึ่งจากการเปิดตู้เซฟ พบอาวุธปืน 5 กระบอก แมกกาซีนบรรจุกระสุน พร้อมใช้งาน และกล่องเครื่องกระสุนปืนจำนวนหนึ่ง และยังมีพระเครื่อง ทั้งเหลี่ยมทอง และไม่เหลี่ยมทอง จำนวนกว่า 50 องค์ สำหรับพระเครื่องส่วนใหญ่เป็นพระผงของขวัญวัดปากน้ำวัดรุ่น 1 และพระเครื่องรุ่นดังอีกหลายองค์ อาทิ พระสมเด็จ พระซุ้มกอ พระนางพญาพิษณุโลก พระรอดลำพูน และยังมีเครื่องลาง และลูกแก้วใส สัญลักษณ์ของวัดธรรมกาย
ทั้งนี้ ได้ให้สถาบันนิติวิทยาศาสตร์เข้ามาตรวจเก็บดีเอ็นเอ ลายนิ้วมือ เพื่อหาผู้ที่มีความเกี่ยวข้องกับตู้เซฟดังกล่าว ส่วนอาวุธปืนทั้ง 5 กระบอก ได้ให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบหาที่มาที่ไป และดูว่าเคยมีประวัติในการใช้ก่อเหตุอาชญากรรมหรือไม่ จากนั้นให้ส่งหลักฐานทั้งหมดมาให้ทาง ปปง. จัดทำบัญชีทรัพย์สินเพื่อตรวจสอบดำเนินคดีต่อไป
นอกจากนี้ จากการตรวจสอบข้อมูลทราบว่านายสถาพร เคยมีประวัติการบวชที่วัดธรรมกายเป็นเวลากว่า 20 ปี ก่อนจะสึกออกมาเมื่อปี 2554 ส่วนจะมีความสนิทสนมกับเจ้าอาวาสวัดธรรมกายหรือไม่ เบื้องต้นยังไม่สามารถระบุได้ว่ามีความสนิทสนมมากน้อยแค่ไหน
***เผย"ศุภชัย"เคยโอนเงินให้กว่า 250 ล้าน
นายนพดล อุเทน ผอ.กองคดีกอง1 ปปง. กล่าวว่า ตรวจสอบข้อมูลการรายงานธุรกรรมทางการเงินและทรัพย์สินของนายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานกรรมการสหกรณ์ฯ คลองจั่น พบว่า นายศุภชัย โอนเงินให้นายสถาพร วัฒนศิรินุกุล เมื่อปี 2553 จำนวน 127 ล้านบาท และโอนให้บริษัท เอช.ดับบลิว.โฮลดิ่งกรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด เมื่อปี 2554-2555 จำนวน 124 ล้านบาท
สำหรับสมุดบัญชีเงินฝาก 3 เล่ม ที่พบภายในตู้เซฟเป็นสมุดบัญชีเงินฝากของธนาคารกรุงไทย สาขาตลาดไทย โดยมีเงินหมุนเวียน 27 ล้านบาท และพบว่า มีการทยอยถอนเงินออกจากบัญชีตั้งแต่ปี 2556 ซึ่งปัจจุบันมียอดเงินคงเหลือในบัญชี 30,000 บาท โดยสมุดบัญชีเงินฝากเป็นชื่อของนายสถาพร 1 เล่ม และชื่อของบริษัท เอช.ดับบลิว.โฮลดิ้งกรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด 2 เล่ม
อย่างไรก็ตาม หลักฐานที่พบ เบื้องต้นยังไม่สามารถระบุได้ว่ามีความเชื่อมโยงถึงใครบ้าง แต่หากพบว่าใครมีส่วนเกี่ยวข้องก็จะเรียกมาสอบปากคำต่อไป
ส่วนการตรวจสอบเส้นทางการเงินของกรรมการมหาเถรสมาคม (มส.) หากพบว่าเข้าข่ายความผิดมูลฐานฟอกเงิน ทาง ปปง. จึงจะมีอำนาจเข้าไปดำเนินการาตรวจสอบได้
***มปปท.ยื่นผู้ตรวจแผ่นดินเอาผิด มส.
ผู้สี่อข่าวรายงานว่า เครือข่ายมหาวิทยาลัยเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย (มปปท.) นำโดยนางวิรังรอง ทัพพะรังสี ประธานกรรมการ มปปท. พร้อมด้วยตัวแทนเครือข่าย มปปท. เข้ายื่นหนังสือต่อผู้ตรวจการแผ่นดินผ่านนายรักษเกชา แฉ่ฉาย เลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน เพื่อขอให้ตรวจสอบกรรมการมหาเถรสมาคม (มส.) กรณีมีมติไม่เอาผิดพระธัมมชโย
นางวิรังรอง กล่าวว่า ตามที่ มส. มีมติไม่เอาผิดพระธัมมชโย ในการประชุมเมื่อวันที่ 20 ก.พ. ที่ผ่านมา ถือว่ามติดังกล่าวเป็นการขัดต่อพระธรรมวินัยและกฎหมายบ้านเมืองอย่างชัดเจน เนื่องจากโดยพระธรรมวินัยแล้วภิกษุไม่สามารถรับที่ดิน ไร่นา มาเป็นของตนได้ ปรากฎตามพระสุตตันตปิฎก โดยขอให้ทางผู้ตรวจฯ ดำเนินการสอบสวนข้อเท็จจริง หากพบว่ากรรมาการเถรสมาคมและผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ไม่ได้ดำเนินการโดยถูกต้องตามพระธรรมวินัยและกฎหมาย ก็ต้องดำเนินการตามอำนาจหน้าที่และกระบวนการต่อไป
ด้านนายรักษเกชา กล่าวว่า ผู้ตรวจฯ ต้องมีการพิจารณาก่อนว่าเรื่องดังกล่าว อยู่ในอำนาจหน้าที่หรือไม่ หากอยู่ในอำนาจก็จะดำเนินการตามกระบวนการ แต่หากไม่อยู่ในอำนาจก็จะส่งเรื่องไปให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาต่อไป
***เผยหากหลักฐานสาวถึง"ธัมมชโย"ไม่รอด
ผู้สื่อข่าวรายงานถึงปัญหากรณีของพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายว่า เรื่องนี้ต้องแยกคดีเกี่ยวกับการสั่งจ่ายเช็คเพื่อบริจาคเงินและกรณีของการปาราชิกออกจากกัน ซึ่งในทางคดีนั้น วันที่ 16 มี.ค.นี้ ทางศาลแพ่งจะมีการนัดไกล่เกลี่ยคดี ซึ่งก็ต้องรอผลการไกล่เกลี่ยของศาลก่อน หากพบหลักฐานชัดเจนว่ามีการโอนเงินในการบริจาคให้กับพระธัมมชโย ก็จะส่งผลทำให้เรื่องนี้เข้าสู่การพิจารณาของมหาเถรสมาคม แต่ทั้งนี้ก็จะต้องมีผู้ร้องด้วย
"เรื่องการปาราชิกหรือไม่นั้น ตามข้อเท็จจริงและตามขั้นตอนแล้ว ผู้ที่จะมีอำนาจในการดำเนินการ ก็คือ พระเทพรัตนสุธี เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี ที่ผ่านมา หลายคนมองข้ามไป โดยมุ่งไปที่มหาเถรสมาคม แต่แท้จริงแล้วอำนาจที่แท้จริงไม่ได้อยู่ที่มหาเถรสมาคม แต่อยู่ที่เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี"
ทั้งนี้ ในส่วนของเช็คที่ทางสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนสั่งจ่ายให้พระธัมมชโยนั้น แม้ว่าเช็คนั้นมีการโอนไปยังมูลนิธิแล้ว ไม่ได้เจาะจงถึงตัวพระธัมมชโย แต่ถ้าเมื่อใดมีหลักฐานที่จะโยงไปถึงตัวพระธัมมชโย ก็สามารถเอาผิดได้ ตอนนี้อยากให้ทุกอย่างดำเนินไปตามขั้นตอนก่อน อย่าเพิ่งไปด่วนสรุปว่าเรื่องนี้จะคว้าน้ำเหลวหรืออะไร แต่อยากให้มองที่หลักฐานซึ่งเชื่อว่าจะมีหลักฐานชัดเจนขึ้นมาเรื่อยๆ
***คลองจั่นฟ้องธรรมกายเรียกคืน933ล้าน
นายเผด็จ มุ่งธัญญา ประธานดำเนินการสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น กล่าวถึงความคืบหน้าคดียักยอกเงินสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นกว่า 15,000 ล้านบาท ว่า กรมสอบสวนคดีพิเศษติดตามคดีนี้ จนพบข้อมูลเชื่อมโยงว่านายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์ฯ ได้นำเงินกว่า 900 ล้านบาทที่ยักยอกมา สั่งจ่ายเป็นเช็คถึงวัดพระธรรมกาย หลวงพ่อธัมมชโย และบุคคลที่เกี่ยวข้องกับวัดพระธรรมกาย โดยพบว่ามีการสั่งจ่ายเช็กตั้งแต่ปี 2552 แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ สั่งจ่ายให้วัดธรรมกาย รวมจำนวน 814 ล้านบาท และสั่งจ่ายให้พระปลัดวิจารณ์ ที่วัดพระธรรมกาย รวม119 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้ สหกรณ์ได้ยื่นฟ้องต่อศาลธัญบุรีเพื่อให้ทั้ง 2 จ่ายเงินคืนสหกรณ์ รวมเป็นเงิน 933 ล้านบาทแล้ว และในกลางเดือนมี.ค.นี้ มีการนัดไกล่เกลี่ย
***ดีเอสไอแจงกรณีรถหรูของพระชั้นผู้ใหญ่
จากกรณีที่ พระพุทธะอิสระ ประธานสงฆ์วัดอ้อน้อย จ.นครปฐม ได้ เดินทางมายื่นหนังสื่อต่อ นางสุวณา สุวรรณจูฑะ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เมื่อวันที่23ก.พ.ที่ผ่านมา เพื่อทวงถามความคืบหน้าคดีที่ดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษ 2 คดี โดยหนึ่งในนั้นคือคดีรถหรูเลี่ยงภาษีที่พบว่าพระใน มหาเถระสมาคม(มส.)หลายรูปครอบครองรถหรูที่มีราคามากกว่า 5 ล้านบาทขึ้นไปหลายคัน ซึ่งเชื่อมโยงไปถึงพระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หรือหลวงพี่น้ำฝน ที่พบว่ามีพฤติการณ์ครอบครองรถหรูและเป็นผู้จัดส่งรถหรูไปให้กับมหาเถระสมาคม (มส.)
วานนี้ (25ก.พ.) เมื่อเวลา 17.00 น. ที่ดีเอสไอ พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร ผบ.สำนักปฏิบัติการคดีพิเศษ ดีเอสไอ เปิดเผยว่า นางสุวณา สุวรรณะจูฑะ อธิบดีดีเอสไอ ได้มอบหมายให้ชี้แจงกรณีที่ปรากฎเป็นข่าวว่า มีพระผู้ใหญ่ครอบครองรถหรูจำนวน หลายคัน ซึ่งจากการตรวจสอบรถจดประกอบทั้ง6พันกว่าคัน เบื้องต้นพบว่าสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง สุดประเสริฐ) เจ้าอาวาสวัดปากน้ำภาษีเจริญ ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราชย์ มีชื่อครอบครองรถจดประกอบ ยี่ห้อ เมอซิเดสเบ้นท์ ทะเบียน ขม 99 กทม. แต่ปัจจุบันรถคันดังกล่าวแจ้งจดทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบกว่า ไม่ได้ใช้รถยนต์คันดังกล่าวเป็นการถาวร ซึ่งคาดว่าเป็นรถโบราณที่มีไว้สะสมไม่ได้มีไว้ขับขี่
สำหรับรถยนต์คันที่ 2 อยู่ในความครอบครองของพระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หรือหลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม จ.นครปฐม ครอบครองรถยนต์ จากั้ว ทะเบียน กท 1562 สระบุรี
อย่างไรก็ตาม พนักงานสอบสวนดีเอสไอจะตรวจสอบถึงรายละเอียดการนำเข้ารถทั้งสองคัน ทั้งนี้ยังไม่มีการเรียกให้พระผู้ใหญ่ทั้ง 2 รูป นำรถมาให้ทางดีเอสไอตรวจสอบ จนกว่ากรมศุลกากรจะชี้ขาดการเรียกประเมินภาษีรถจดประกอบล็อตแรกจำนวนกว่า 400 คัน ที่ดีเอสไอส่งไปให้ดำเนินการแล้วให้เสร็จก่อน.