ASTVผู้จัดการรายวัน-ทหารคุมตัวหัวหน้าเครือข่าย “บรรพต” หมิ่นเบื้องสูง แจ้งข้อหา ก่อนนำตัวฝากขังศาลทหาร ด้านเจ้าตัวรับสารภาพ สำนึกผิด เตือนเสพสื่อด้วยความระมัดระวัง ชวนเครือข่าย คนทำแบบเดียวกันมอบตัว ปปง.เผยมีเงินผ่านบัญชีบรรพต 7 หลัก ตำรวจกองปราบ เดินทางไปสอบปากคำพ่อและแม่ท่านผู้หญิงศรีรัศมิ์เพิ่มเติมที่ราชบุรี
วานนี้ (11 ก.พ.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกตร. พล.ต.ต.ศิริพงษ์ ติมุลา ผู้บังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) ได้แถลงข่าวการจับกุมนายหัสดิน อุไรไพรวัน อายุ 64 ปี ผู้ใช้นามแฝง “บรรพต” ผู้ต้องหาผลิตและเผยแพร่คลิปวิดีโอหมิ่นเบื้องสูง หลังถูกตำรวจและทหารจับกุมตัวได้ที่โรงแรมแห่งหนึ่งภายในซอยศูนย์วิจัย เมื่อช่วงค่ำวันที่ 9 ก.พ.ที่ผ่านมา
โดยวานนี้ เจ้าหน้าที่ทหารได้ควบคุมตัวนายหัสดินมายังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อพบพนักงานสอบสวน บก.ปอท. ก่อนแจ้งข้อกล่าวหาหมิ่นเบื้องสูง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์
พล.ต.ต.ศิริพงษ์กล่าวว่า จากการสืบสวน นายหัสดินได้อัปโหลดคลิปเสียงหมิ่นเบื้องสูงกว่า 400 คลิป ฝากไว้ในเซิร์ฟเวอร์ของเว็บไซต์ต่างประเทศ อีกทั้งมีการใช้โปรแกรมแปลงเสียงเพื่อไม่ให้เจ้าหน้าที่จับได้ โดยมีผู้หลงเชื่อดาวน์โหลดไปเผยแพร่ต่อจำนวนมาก ขบวนการบรรพตถือว่าเป็นกลุ่มที่มีการหมิ่นสถาบันมากที่สุด และมีผู้ติดตามจำนวนมาก ตำรวจจึงแกะรอยจนนำมาสู่การจับกุม โดยสามารถจับกุมเครือข่ายบรรพตได้แล้ว 7 คน ซึ่งผู้ต้องหาให้การรับสารภาพทุกข้อกล่าวหา และจะควบคุมตัวไปฝากขังที่ศาลทหารต่อไป
ด้านนายหัสดินให้การรับสารภาพว่าเป็นผู้จัดทำและเผยแพร่คลิปหมิ่นสถาบันแต่เพียงผู้เดียว โดยอ้างว่ารู้จักกับผู้ถูกจับกุมก่อนหน้านี้ จากนี้ไปพร้อมรับผลของการกระทำของตัวเอง อีกทั้งเตือนประชาชนให้เสพสื่อด้วยความระมัดระวัง และขอให้เครือข่ายหรือผู้ที่กระทำผิดลักษณะเดียวกันให้มามอบตัว
"ผมเป็นตัวโจกของเรื่องทั้งหมด และทำให้คนอื่นๆ ที่ถูกจับกุมและครอบครัวเดือดร้อนเสียหาย ตอนนี้รู้สึกเบื่อหน่าย อยากเลิก ขอไถ่บาปให้ตัวเอง และไปรับฐานานุกรรมตามที่ตัวเองควรได้รับ ขอบอกถึงการเสพสื่อ ขอให้ทุกท่านเสพอย่างมีตรรกกะ เหตุผล ต่อจิ๊กซอว์เอาเอง เสพอย่างระวัง อย่าตกเป็นเครื่องมือคนอื่น และที่อยากบอกเหล่าวิทยากรทั้งหลายที่ทำแบบผม ถ้าคิดว่าจะมอบตัว ขอให้ติดต่อมาทางโฆษกตร. รับรองว่าไม่มีการทารุณกรรมแน่นอน จากนี้ผมต้องไปรับกรรมตามที่ตัวเองทำ ไม่รู้จะได้รับการอภัยโทษเมื่อไร ผมย้ำอีกครั้งผม คือ บรรพต ไม่ใช่อากง (นายอำพล ตั้งนพกุล หรืออากง นักโทษในความผิดกฎหมายอาญามาตรา 112" ใครก็ตาม ทั้งเอ็นจีโอ หรือกลุ่มไหน อย่าเอาโมเดล พาราดามซิพของอากงมาใช้กับผม คนที่จะเข้าเรือนจำไปหาผม เพื่อจะพบผมแล้วแสวงหาผลประโยชน์จากผม ขอให้หยุดเลย ไม่ต้องมาทำแบบนี้” นายหัสดินกล่าว
นายหัสดินกล่าวด้วยว่า ยืนยันไม่มีทุนจากแหล่งใดสนับสนุน มีรายได้จากการทำเสื้อขาย โดยเสื้อก็ไม่มีการหมิ่นฯ แต่อย่างใด มีคนศรัทธาในตนจำนวนหนึ่ง ทำให้เสื้อขายได้ ไม่ถึงกับรวย แต่พอมีรายได้มาแบ่งปันกัน ทั้งนี้ ในการอัดเสียง แปลงเสียง ใส่ดนตรี ฝากลิงค์ แชร์ในโซเซียลต่างๆ ในชื่อบรรพต ทำด้วยตัวเองคนเดียวทั้งหมด ศึกษาการทำแบบครูพักลักจำ โดยมีคนอื่นพยายามมาลิงค์มาร่วม แต่ตนไม่ยอมรับ ส่วนเหตุที่ใช้ชื่อบรรพต เพราะในชีวิตมีไอดอล 2 คน คนแรก คือ นายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี ตนจึงมีวิธีพูดคล้ายคลึงนายสมัครมาก อีกคน คือ ดร.บรรพต วีระใส ซึ่งตนชื่อชอบสมัยเรียนที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง ซึ่งเป็นคนมีความรู้แตกฉานในพุทธศาสนา ตนทึ่งและพยายามเลียนแบบ ทุกวันนี้ศรัทธาเลื่อมใสในพระพุทธศาสนามีครูบาอาจารย์เป็นสงฆ์หลายรูป
อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าตนไม่ได้เกี่ยวข้องกับกลุ่มการเมืองใด พยายามเข้ามาลิงค์ ตนบล็อกหมด ทั้งอาจารย์ชูพงศ์ นายสุรชัย กลุ่มการเมืองหลายฝ่ายพยายามติดต่อดึงตนไปเป็นแนวร่วมบ่อยครั้ง แต่ตนไม่เอาด้วย
ด้าน พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวถึงการสืบสวนคดีปลอมแถลงการณ์สำนักพระราชวังปลอมว่า ขณะนี้ตำรวจอยู่ระหว่างการสืบหาตัวผู้ผลิต และจัดทำแถลงการณ์ปลอม หลังสามารถจับกุมผู้ที่เผยแพร่ได้แล้ว 2 คน ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาในการแกะรอยกลับไปยังจุดเริ่มต้นที่มีการเผยแพร่ โดยจุดแรกมีการเผยแพร่อยู่ในพื้นที่ภาคกลาง ก่อนส่งต่อไปยังภาคใต้และต่างประเทศ แต่ยังไม่สามารถระบุสถานที่ได้ชัดเจน
ที่กระทรวงยุติธรรม พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) กล่าวว่า หลังจากที่ตำรวจแถลงการจับกุมนายนายหัสดิน และจะส่งเรื่องต่อให้ ปปง. ช่วยตรวจสอบเส้นทางการเงินนั้น คดีดังกล่าวเป็นความผิดมาตรา 112 หมิ่นสถาบัน ซึ่งไม่เข้าข่ายความผิดมูลฐาน พ.ร.บ.การฟอกเงิน
นอกจากนี้ ธนาคารจะรายงานข้อมูลการเงินต่อ ปปง. เมื่อมีการทำธุรกรรมครั้งละ 2 ล้านบาทขึ้นไป ซึ่งหากผู้กระทำผิดฝาก-ถอน-โอนเงินแต่ละครั้งต่ำกว่า 2 ล้านบาท เช่น ครั้งละ 1 แสนบาท ก็ไม่สามารถตรวจสอบได้ เนื่องจากระเบียบในการรายงานธุรกรรมไม่ต้องรายงายต่อ ปปง. ในกรณีที่จำนวนเงินต่ำกว่า2 ล้านบาท ยกเว้นแต่ว่าทางพนักงานสอบสวนส่งเรื่องมายัง ปปง. ขอให้ตรวจสอบเป็นกรณีไป โดยทางปปง. จึงจะขอข้อมูลจากธนาคารมาตรวจสอบได้
อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลเบื้องต้นทราบว่า นายหัสดิน มีเงินเข้าออกครั้งละประมาณหลักแสนบาท โดยมีเงินหมุนเวียนผ่านบัญชีเพียง 7 หลักเท่านั้น
ที่กองปราบปราม พ.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี รักษาการ ผบก.ป. กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีที่ น.ส.ศวิตา มณีจันทร์ หรือนก อายุ 31 ปี ชาว จ.ราชบุรี แจ้งความดำเนินคดี นายอภิรุจ สุวะดี อายุ 72 ปี และนางวันทนีย์ สุวะดี อายุ 66 ปี บิดาและมารดาของท่านผู้หญิงศรีรัศมิ์ สุวะดี ในความผิดฐานหมิ่นเบื้องสูง , ใช้ให้ผู้อื่นกระทำความผิดฐานแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงาน ซึ่งทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนได้รับความเสียหาย และใช้ให้ผู้อื่นกระทำผิดฐานแจ้งความเพื่อกลั่นแกล้งให้ผู้อื่นได้รับโทษทางอาญา ว่า วานนี้ (11 ก.พ.) ได้มีการประชุมหารือพนักงานสอบสวนในคดีนี้แล้ว พบว่ามีประเด็นในบางจุดที่ต้องสอบเพิ่มเติม จึงได้นัดหมายนายอภิรุจ และนางวันทนีย์ เพื่อเข้าให้ปากคำเพิ่มเติม โดยมอบหมายให้ พ.ต.อ.ประเสริฐ พัฒนาดี รองผบก.ป. นำทีมพนักงานสอบสวนเดินทางไปสอบปากคำที่ สภ.วัดเพลง จ.ราชบุรี
พ.ต.อ.อัคราเดช กล่าวต่อว่า เบื้องต้นยังไม่ทราบผลการสอบ เพราะยังไม่ได้รับรายงาน ขณะที่ช่วงบ่ายวันเดียวกันได้นัดหมาย ด.ต.สุรินทร์ ศุกลมนัส ลุงของ น.ส.ศวิตา เข้าให้ปากคำที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดราชบุรี
วานนี้ (11 ก.พ.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกตร. พล.ต.ต.ศิริพงษ์ ติมุลา ผู้บังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) ได้แถลงข่าวการจับกุมนายหัสดิน อุไรไพรวัน อายุ 64 ปี ผู้ใช้นามแฝง “บรรพต” ผู้ต้องหาผลิตและเผยแพร่คลิปวิดีโอหมิ่นเบื้องสูง หลังถูกตำรวจและทหารจับกุมตัวได้ที่โรงแรมแห่งหนึ่งภายในซอยศูนย์วิจัย เมื่อช่วงค่ำวันที่ 9 ก.พ.ที่ผ่านมา
โดยวานนี้ เจ้าหน้าที่ทหารได้ควบคุมตัวนายหัสดินมายังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อพบพนักงานสอบสวน บก.ปอท. ก่อนแจ้งข้อกล่าวหาหมิ่นเบื้องสูง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์
พล.ต.ต.ศิริพงษ์กล่าวว่า จากการสืบสวน นายหัสดินได้อัปโหลดคลิปเสียงหมิ่นเบื้องสูงกว่า 400 คลิป ฝากไว้ในเซิร์ฟเวอร์ของเว็บไซต์ต่างประเทศ อีกทั้งมีการใช้โปรแกรมแปลงเสียงเพื่อไม่ให้เจ้าหน้าที่จับได้ โดยมีผู้หลงเชื่อดาวน์โหลดไปเผยแพร่ต่อจำนวนมาก ขบวนการบรรพตถือว่าเป็นกลุ่มที่มีการหมิ่นสถาบันมากที่สุด และมีผู้ติดตามจำนวนมาก ตำรวจจึงแกะรอยจนนำมาสู่การจับกุม โดยสามารถจับกุมเครือข่ายบรรพตได้แล้ว 7 คน ซึ่งผู้ต้องหาให้การรับสารภาพทุกข้อกล่าวหา และจะควบคุมตัวไปฝากขังที่ศาลทหารต่อไป
ด้านนายหัสดินให้การรับสารภาพว่าเป็นผู้จัดทำและเผยแพร่คลิปหมิ่นสถาบันแต่เพียงผู้เดียว โดยอ้างว่ารู้จักกับผู้ถูกจับกุมก่อนหน้านี้ จากนี้ไปพร้อมรับผลของการกระทำของตัวเอง อีกทั้งเตือนประชาชนให้เสพสื่อด้วยความระมัดระวัง และขอให้เครือข่ายหรือผู้ที่กระทำผิดลักษณะเดียวกันให้มามอบตัว
"ผมเป็นตัวโจกของเรื่องทั้งหมด และทำให้คนอื่นๆ ที่ถูกจับกุมและครอบครัวเดือดร้อนเสียหาย ตอนนี้รู้สึกเบื่อหน่าย อยากเลิก ขอไถ่บาปให้ตัวเอง และไปรับฐานานุกรรมตามที่ตัวเองควรได้รับ ขอบอกถึงการเสพสื่อ ขอให้ทุกท่านเสพอย่างมีตรรกกะ เหตุผล ต่อจิ๊กซอว์เอาเอง เสพอย่างระวัง อย่าตกเป็นเครื่องมือคนอื่น และที่อยากบอกเหล่าวิทยากรทั้งหลายที่ทำแบบผม ถ้าคิดว่าจะมอบตัว ขอให้ติดต่อมาทางโฆษกตร. รับรองว่าไม่มีการทารุณกรรมแน่นอน จากนี้ผมต้องไปรับกรรมตามที่ตัวเองทำ ไม่รู้จะได้รับการอภัยโทษเมื่อไร ผมย้ำอีกครั้งผม คือ บรรพต ไม่ใช่อากง (นายอำพล ตั้งนพกุล หรืออากง นักโทษในความผิดกฎหมายอาญามาตรา 112" ใครก็ตาม ทั้งเอ็นจีโอ หรือกลุ่มไหน อย่าเอาโมเดล พาราดามซิพของอากงมาใช้กับผม คนที่จะเข้าเรือนจำไปหาผม เพื่อจะพบผมแล้วแสวงหาผลประโยชน์จากผม ขอให้หยุดเลย ไม่ต้องมาทำแบบนี้” นายหัสดินกล่าว
นายหัสดินกล่าวด้วยว่า ยืนยันไม่มีทุนจากแหล่งใดสนับสนุน มีรายได้จากการทำเสื้อขาย โดยเสื้อก็ไม่มีการหมิ่นฯ แต่อย่างใด มีคนศรัทธาในตนจำนวนหนึ่ง ทำให้เสื้อขายได้ ไม่ถึงกับรวย แต่พอมีรายได้มาแบ่งปันกัน ทั้งนี้ ในการอัดเสียง แปลงเสียง ใส่ดนตรี ฝากลิงค์ แชร์ในโซเซียลต่างๆ ในชื่อบรรพต ทำด้วยตัวเองคนเดียวทั้งหมด ศึกษาการทำแบบครูพักลักจำ โดยมีคนอื่นพยายามมาลิงค์มาร่วม แต่ตนไม่ยอมรับ ส่วนเหตุที่ใช้ชื่อบรรพต เพราะในชีวิตมีไอดอล 2 คน คนแรก คือ นายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี ตนจึงมีวิธีพูดคล้ายคลึงนายสมัครมาก อีกคน คือ ดร.บรรพต วีระใส ซึ่งตนชื่อชอบสมัยเรียนที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง ซึ่งเป็นคนมีความรู้แตกฉานในพุทธศาสนา ตนทึ่งและพยายามเลียนแบบ ทุกวันนี้ศรัทธาเลื่อมใสในพระพุทธศาสนามีครูบาอาจารย์เป็นสงฆ์หลายรูป
อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าตนไม่ได้เกี่ยวข้องกับกลุ่มการเมืองใด พยายามเข้ามาลิงค์ ตนบล็อกหมด ทั้งอาจารย์ชูพงศ์ นายสุรชัย กลุ่มการเมืองหลายฝ่ายพยายามติดต่อดึงตนไปเป็นแนวร่วมบ่อยครั้ง แต่ตนไม่เอาด้วย
ด้าน พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวถึงการสืบสวนคดีปลอมแถลงการณ์สำนักพระราชวังปลอมว่า ขณะนี้ตำรวจอยู่ระหว่างการสืบหาตัวผู้ผลิต และจัดทำแถลงการณ์ปลอม หลังสามารถจับกุมผู้ที่เผยแพร่ได้แล้ว 2 คน ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาในการแกะรอยกลับไปยังจุดเริ่มต้นที่มีการเผยแพร่ โดยจุดแรกมีการเผยแพร่อยู่ในพื้นที่ภาคกลาง ก่อนส่งต่อไปยังภาคใต้และต่างประเทศ แต่ยังไม่สามารถระบุสถานที่ได้ชัดเจน
ที่กระทรวงยุติธรรม พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) กล่าวว่า หลังจากที่ตำรวจแถลงการจับกุมนายนายหัสดิน และจะส่งเรื่องต่อให้ ปปง. ช่วยตรวจสอบเส้นทางการเงินนั้น คดีดังกล่าวเป็นความผิดมาตรา 112 หมิ่นสถาบัน ซึ่งไม่เข้าข่ายความผิดมูลฐาน พ.ร.บ.การฟอกเงิน
นอกจากนี้ ธนาคารจะรายงานข้อมูลการเงินต่อ ปปง. เมื่อมีการทำธุรกรรมครั้งละ 2 ล้านบาทขึ้นไป ซึ่งหากผู้กระทำผิดฝาก-ถอน-โอนเงินแต่ละครั้งต่ำกว่า 2 ล้านบาท เช่น ครั้งละ 1 แสนบาท ก็ไม่สามารถตรวจสอบได้ เนื่องจากระเบียบในการรายงานธุรกรรมไม่ต้องรายงายต่อ ปปง. ในกรณีที่จำนวนเงินต่ำกว่า2 ล้านบาท ยกเว้นแต่ว่าทางพนักงานสอบสวนส่งเรื่องมายัง ปปง. ขอให้ตรวจสอบเป็นกรณีไป โดยทางปปง. จึงจะขอข้อมูลจากธนาคารมาตรวจสอบได้
อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลเบื้องต้นทราบว่า นายหัสดิน มีเงินเข้าออกครั้งละประมาณหลักแสนบาท โดยมีเงินหมุนเวียนผ่านบัญชีเพียง 7 หลักเท่านั้น
ที่กองปราบปราม พ.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี รักษาการ ผบก.ป. กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีที่ น.ส.ศวิตา มณีจันทร์ หรือนก อายุ 31 ปี ชาว จ.ราชบุรี แจ้งความดำเนินคดี นายอภิรุจ สุวะดี อายุ 72 ปี และนางวันทนีย์ สุวะดี อายุ 66 ปี บิดาและมารดาของท่านผู้หญิงศรีรัศมิ์ สุวะดี ในความผิดฐานหมิ่นเบื้องสูง , ใช้ให้ผู้อื่นกระทำความผิดฐานแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงาน ซึ่งทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนได้รับความเสียหาย และใช้ให้ผู้อื่นกระทำผิดฐานแจ้งความเพื่อกลั่นแกล้งให้ผู้อื่นได้รับโทษทางอาญา ว่า วานนี้ (11 ก.พ.) ได้มีการประชุมหารือพนักงานสอบสวนในคดีนี้แล้ว พบว่ามีประเด็นในบางจุดที่ต้องสอบเพิ่มเติม จึงได้นัดหมายนายอภิรุจ และนางวันทนีย์ เพื่อเข้าให้ปากคำเพิ่มเติม โดยมอบหมายให้ พ.ต.อ.ประเสริฐ พัฒนาดี รองผบก.ป. นำทีมพนักงานสอบสวนเดินทางไปสอบปากคำที่ สภ.วัดเพลง จ.ราชบุรี
พ.ต.อ.อัคราเดช กล่าวต่อว่า เบื้องต้นยังไม่ทราบผลการสอบ เพราะยังไม่ได้รับรายงาน ขณะที่ช่วงบ่ายวันเดียวกันได้นัดหมาย ด.ต.สุรินทร์ ศุกลมนัส ลุงของ น.ส.ศวิตา เข้าให้ปากคำที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดราชบุรี
