xs
xsm
sm
md
lg

พ่อแม่ท่านผู้หญิงศรีรัศมิ์โร่พบตำรวจ เผยตกใจถูกกล่าวหา-วันนี้ไม่มีน้ำตาจะร้องแล้ว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


ASTVผู้จัดการออนไลน์ - บิดา-มารดา ท่านผู้หญิงศรีรัศมิ์ เข้าพบตำรวจ หลังถูกเจ้าหน้าที่มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงแจ้งจับฐานหมิ่นเบื้องสูง ยัดข้อหากลั่นแกล้งให้ติดคุก บรรยากาศเครียด ท่ามกลางญาติ-ผู้ติดตามร่ำไห้โผเข้ากอด ยันไม่เคยรู้จักเจ้าหน้าที่สาว และครอบครัว เผยตกใจที่ถูกกล่าวหา บอกไม่มีน้ำยาช่วยใคร อย่าทับถมกันนักเลย ทุกวันนี้ไม่มีน้ำตาจะร้องไห้แล้ว



วันนี้ (9 ก.พ.) ที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 11.00 น. นายอภิรุจ สุวะดี อายุ 72 ปี และนางวันทนีย์ สุวะดี อายุ 66 ปี บิดาและมารดาของท่านผู้หญิงศรีรัศมิ์ สุวะดี เดินทางเข้าพบ พล.ต.ต.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ รักษาการ ผบช.ก. พ.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี รักษาการ ผบก.ป.และ พ.ต.อ.ประเสริฐ พัฒนาดี รอง ผบก.ป.พ.ต.อ.สรายุทธ สงวนโภคัย รอง ผบก.ป.เพื่อให้ปากคำกรณีที่ น.ส.ศวิตา หรือนก มณีจันทร์ อายุ 31 ปี เจ้าหน้าที่มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง อยู่บ้านเลขที่ 47/2 หมู่ 8 ต.เกาะศาลระ อ.วัดเพลง จ.ราชบุรี เข้าแจ้งความดำเนินคดีในความผิดฐานหมิ่นเบื้องสูง, ใช้ให้ผู้อื่นกระทำความผิดฐานแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงาน ซึ่งทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนได้รับความเสียหาย และใช้ให้ผู้อื่นกระทำผิดฐานแจ้งความเพื่อกลั่นแกล้งให้ผู้อื่นได้รับโทษทางอาญา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอภิรุจ และนางวันทนีย์ มีสีหน้าเคร่งเครียดเล็กน้อย ส่วนญาติที่เดินทางมาให้กำลังใจก็มีอาการเศร้าซึม ร่ำไห้ ก่อนจะโผเข้าสวมกอดทั้งสองคน ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้นำตัวทั้งสองคนไปสอบปากคำภายในห้องประชุมชิวปรีชา มีการจำลองเหตุการณ์ในวันเกิดเหตุ โดยใช้ตำรวจสังกัด บก.ป.เป็นบุคคลต่างๆ ในวันเกิดเหตุแล้วให้ น.ส.ศวิตาชี้ตัวและเล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ระหว่างนั้นเจ้าหน้าที่ก็ได้ถ่ายภาพนิ่งและบันทึกวิดีโอไว้ในทุกขั้นตอน

ผู้สื่อข่าวสอบถามนายอภิรุจและนางวันทนีย์ว่ารู้จักกับ น.ส.ศวิตาหรือไม่ นางวันทนีย์กล่าวว่า ไม่เคยรู้จักหรือเคยเห็นหน้า น.ส.ศวิตาและครอบครัว รวมทั้งไม่ทราบเรื่องว่าเขาได้ถูกแจ้งความดำเนินคดีจนต้องถูกจำคุกมาก่อนหน้านี้ ส่วนตัวแล้วจะอาศัยอยู่ใน กทม. นานๆ ครั้งจึงจะเดินทางไปอยู่ที่ จ.ราชบุรี โดยจะไปๆ มาๆ และเมื่อมาเห็นข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์เรื่องที่ถูก น.ส.ศวิตา แจ้งความดำเนินคดี ตนและสามีก็รู้สึกตกใจ เราไม่รู้เรื่องจริงๆ ยืนยันได้ว่าไม่เคยกลั่นแกล้งให้เขาต้องติดคุก

“ดิฉันก็ไม่รู้ว่าจะกล่าวอะไร เพราะคิดว่าคนเราทำอะไรก็คงต้องรู้อยู่แก่ใจ เพราะฉันไม่เคยรู้จักกับเขา และไม่รู้จักว่าใครเป็นใคร เราไม่เคยรู้เรื่องเลยจริงๆ ที่ผ่านมาก็ไม่เคยคิดจะกลั่นแกล้งใคร จะให้ไปสาบานที่ไหนก็ได้เรายอมเลย เราไม่รู้เรื่อง แต่พอมาเห็นข่าวก็ต้องตกใจว่าทำไมต้องมีเรื่องแบบนี้กับเรา ที่ผ่านมาก็ไม่เคยมีปัญหาเรื่องชู้สาว หรือเรื่องอะไรแบบนี้ แม้ว่าจะมีใครเคยมาขอพบเราที่บ้าน แต่จริงๆ แล้วเราก็ไม่คบหากับใคร ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร เราอยู่อย่างสมถะ เราไม่เคยให้ใครที่มาเข้าพบต้องหมอบต้องคลาน ใครมาก็ทักทายกันธรรมดา จะมานั่งสูงนั่งต่ำนั้นไม่มี เสมอกันหมด เราให้เกียรติกับทุกคน อย่างไรก็ตามอยากจะขอความเป็นธรรมให้กับครอบครัวเราบ้าง” นางวันทนีย์กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีดาบตำรวจที่มีศักดิ์เป็นลุงของ น.ส.ศวิตานั้น นางวันทนีย์กล่าวว่า ไม่เคยรู้จักเลย เราไม่เคยเห็นหน้า เราไม่ยุ่งกับใคร และไม่ชอบไปยุ่งกับชาวบ้านอยู่แล้ว เพราะเวลาไปยุ่งกับใครก็มักจะมีปัญหามีเรื่อง เกิดมาเรายังไม่เคยขึ้นโรงขึ้นศาล อายุก็ปาเข้าไป 66 แล้ว ก็เพิ่งมีนี่แหละ ยังงงๆ อยู่ที่มีผู้หญิงคนหนึ่งมาแจ้งความดำเนินคดีเรา ก็ตกใจเหมือนกัน จะให้สาบานที่ไหนวัดไหนก็ได้ ขอให้เอาเรื่องจริงมาคุยกันดีกว่า อย่าทำเรื่องแบบนี้เลย ปัจจุบันตนกับสามีก็อยู่ที่ กทม.ตลอด มีแต่ช่วงที่ไปอยู่ก็ตั้งแต่ลูกเราย้ายไปนั่นแหละประมาณเดือนธันวาคมปีที่ผ่านมา

ต่อข้อถามว่า ก่อนหน้านี้เคยมีใครมาขอความช่วยเหลือบ้างหรือไม่ นางวันทนีย์กล่าวว่า เราไม่เอาเลย เพราะเราช่วยใครไม่ได้ ทุกวันนี้เราก็ไม่มีน้ำยาจะไปทำอะไรได้ เรากลัว เมื่อลูกเราอยู่อย่างนั้นแล้ว ที่ผ่านมาก็ไม่เคยช่วยเหลือใครเลย บอกตรงๆ เลย เราไม่มีน้ำยา

“สาเหตุที่ถูกกล่าวหา คิดว่าคงไม่มีอะไรจะเสียในชีวิตนี้ เพราะเราเสียทุกอย่างไปหมดแล้ว อย่าทับถมเรามากนักเลย จะเอาอะไรกับเราอีก เราไม่มีน้ำตาจะร้องแล้วทุกวันนี้ อยากให้สงสารเมตตาเราบ้าง เราไม่เคยที่จะดูหมิ่นสถาบันเบื้องสูง เรารักทุกพระองค์ แม้จะยังไงเราก็ยังรักและเทิดทูนถึงทุกวันนี้” นางวันทนีย์กล่าว

ต่อมาพนักงานสอบสวนได้เริ่มสอบปากคำนายอภิรุจ และนางวันทนีย์ โดยแยกกันสอบที่ห้องพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป. ก่อนจะมีการพิมพ์ลายนิ้วมือทำประวัติและลงบันทึกประจำวันไว้

ด้าน พล.ต.ต.ฐิติราชกล่าวว่า ในเมื่อทั้งสองท่านเข้ามาพบพนักงานสอบสวนแล้ว คงต้องขอให้มีการจำลองเหตุการณ์ในวันเกิดเหตุที่บ้านพักเพื่อประกอบการพิจารณาและเข้าสู่ขั้นตอนการดำเนินการต่อไป อย่างไรก็ตาม กรณีนี้ทางตำรวจพร้อมจะให้ความเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย เมื่อมีการร้องทุกข์กล่าวโทษ และตรวจสอบในเบื้องต้นพบว่ามีมูล มีพยานหลักฐานพอสมควร ก็ให้สิทธิแก่ผู้ถูกกล่าวหา เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่สังคมก็จับตามองอยู่ ยืนยันว่าทุกอย่างว่าไปตามพยานหลักฐาน ผู้เสียหายที่มาแจ้งความร้องทุกข์เขาก็เดือดร้อนตอนนี้สมัครงานก็ไม่ได้ เรียนหนังสือต่อก็ไม่ได้ ตรวจสอบข้อมูลแล้วเขามีประวัติการต้องโทษจำคุกตามคำพิพากษา คดีนี้คาดว่าภายในสัปดาห์หน้าก็จะชัดเจนมากขึ้น

พล.ต.ต.ฐิติราชกล่าวต่อว่า เมื่อทางนายอภิรุจและนางวันทนีย์มีความประสงค์จะเข้าพบพนักงานสอบสวนก็เป็นสิทธิที่สามารถทำได้และทางคดีก็ไปว่ากันในชั้นศาล ทางเรายังไม่ได้ออกหมายเรียก แต่พอดีว่าทั้งสองท่านได้ทราบจากข่าวทางสื่อมวลชน จึงมีความประสงค์จะเข้ามาพบพนักงานสอบสวนเอง ขณะนี้ยังไม่ถึงขั้นตอนการออกหมายเรียก หลังจากสอบสวนปากคำเสร็จสิ้นก็คงไม่ควบคุมตัว และแนวโน้มเมื่อมอบตัวด้วยความสมัครใจ ไม่ได้คิดจะหลบหนี คณะพนักงานสอบสวนคงต้องใช้ดุลพินิจไม่ควบคุมตัว โดยต้องนำเรียนผู้บังคับบัญชาระดับสูงทราบด้วยเพราะเป็นเรื่องสำคัญ

พล.ต.ต.ฐิติราชกล่าวอีกว่า จากที่ได้สอบปากคำพยานในคดี 3-4 ปากก็มีการให้การที่สอดคล้องกัน ประกอบกับพยานหลักฐานต่างๆ ที่พนักงานสอบสวนมีอยู่ขออย่าได้กังวล เรื่องนี้ว่าไปตามพยานหลักฐาน ไม่มีการกลั่นแกล้งใดๆ ทั้งสิ้น ไม่มีการกล่าวโทษอย่างไม่เป็นธรรม ตำรวจจะไม่ทำงานโดยไม่ละเอียดทุกขั้นตอนจะดำเนินการอย่างละเอียดรอบคอบ ส่วนข้อเรียกร้องการขอให้เพิกถอนประวัติต้องคดีของผู้เสียหาย นั้น คงต้องรอขั้นตอนการพิจารณาคดีใหม่เสียก่อน อันดับแรกต้องทำให้เกิดความกระจ่างแจ้งเสียก่อนว่า เขาไม่ได้กระทำผิดถ้าจะพูดให้เข้าใจง่ายๆ คือตอนนี้เขาผิดอยู่ เพราะศาลได้พิพากษาคดีไปแล้ว

“ตามขั้นตอนคงต้องสอบสวนและทำให้มีความชัดเจนก่อนว่าเขาไม่ผิด จึงมาถึงขั้นตอนทางธุรการที่จะดำเนินการต่อไปเพื่อแสดงได้ว่าเขาเป็นคนบริสุทธิ์ จากนั้นเขาก็จะสามารถดำรงชีพได้ในวันหน้า ส่วนจะต้องรื้อคดีหรือไม่ คงต้องขอศึกษาข้อกฎหมายอีกครั้งหนึ่งก่อน ขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้งหมดและการรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ ก่อน” พล.ต.ต.ฐิติราชกล่าว

วันเดียวกัน นายพัสกร เพชรในหิน ผอ.ศูนย์คุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ซึ่งได้รับมอบหมายจาก พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันท์ อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม ได้เดินทางเข้าพบ พล.ต.ต.ฐิติราช และ พ.ต.อ.อัคราเดช เพื่อประสานการดำเนินการในส่วนของกรมคุ้มครองสิทธิฯ โดยเบื้องต้นจะมีการรับคำร้องกรณีของ น.ส.ศวิตา ก่อนจะกำหนดแนวทางการช่วยเหลือ รวมทั้งการให้ความคุ้มครองพยานกรณีหากไม่ได้รับความปลอดภัยซึ่งเป็นไปตามขั้นตอน และมีการพิจารณาตาม พ.ร.บ.ค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทน และค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา พ.ศ. 2544




















กำลังโหลดความคิดเห็น