ผู้เสียหายร้องกองปราบฯ แจ้งจับ “เอฟ พลอยหิน” หลาน “พงศ์พัฒน์” อดีต ผบช.ก. อ้างเบื้องสูงหลอกวิ่งเต้นคดียาบ้าแต่กลับไม่มีความคืบหน้า แถมถูกข่มขู่ สูญเงิน 1.3 ล้าน พบประวัติเคยรับเงินวิ่งเต้นเพื่อเปิดบ่อนนัมเบอร์วันย่านเหม่งจ๋าย
วันนี้ (2 ก.พ.) ที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 11.00 น. นายบรรเทิง เนมีแสน อายุ 73 ปี เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี รักษาการ ผบก.ป.เพื่อแจ้งความดำเนินคดีต่อนายเอกชัย หรือเอฟ พลอยหิน ในข้อหาฉ้อโกงและหมิ่นเบื้องสูง
นายบรรเทิงให้การว่า เมื่อปี 2551 นายไพฑูรย์ เนมีแสน ลูกชายของตนได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางแพ จ.ราชบุรี จับกุมยาบ้าจำนวน 2 แสนเม็ด ด้วยความเป็นพ่อจึงอยากช่วยเหลือบุตรชาย จากนั้นมีทหารคนหนึ่งมาแนะนำว่านายบรรเทิงสามารถช่วยเหลือได้เพราะเขารู้จักกับผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองให้ช่วยวิ่งเต้นคดีได้ ต่อมาตนก็ติดต่อกับนายบรรเทิง โดยเจ้าตัวบอกว่าต้องจ่ายเงินจำนวน 1.3 ล้านบาทเป็นค่าดำเนินการ จากนั้นตนก็ได้ไปกู้ยืมเงินมา แล้วนัดจ่ายเงินกันที่โรงแรมโกลเด้นซิตี้ จ.ราชบุรี โดยให้ลูกสาวเอาไปมอบให้ กระทั่งผ่านไปนานลูกชายก็ถูกดำเนินคดีไปตามกฎหมาย ตนจึงทวงถามความคืบหน้าทางคดี แต่เขากลับบ่ายเบี่ยงและข่มขู่จะเอาเรื่อง จึงไม่กล้าร้องเรียนกระทั่งได้รับคำแนะนำมาร้องที่กองปราบปราม
พ.ต.อ.อัคราเดชกล่าวว่า ก่อนหน้านี้ผู้เสียหายไม่กล้าแจ้งความเอาผิดเนื่องจากเกรงกลัวอำนาจและบารมีของนายเอกชัย ต่อมาเมื่อทราบข่าวว่าครอบครัวตระกูลสุวะดีถูกตำรวจจับกุมจากการกระทำความผิดในหลายคดีจึงตัดสินใจเดินทางเข้าแจ้งความในครั้งนี้ วันนี้ก็ได้ประชุมร่วมกับ พ.ต.อ.ประเสริฐ พัฒนาดี รอง ผบก.ป. พ.ต.ท.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รักษาการ ผกก.ปพ.บก.ป. พ.ต.อ.ภูมินทร์ พุ่มพันธุ์ม่วง ผกก.5 บก.ป. เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานก่อนขออนุมัติหมายจับจากศาลในความผิดฐานหมิ่นเบื้องสูง, ฉ้อโกง และเรียกรับหรือยอมรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด เป็นการตอบแทนหรือจูงใจเจ้าพนักงานโดยวิธีอันทุจริตหรือผิดกฎหมายหรือโดยอิทธิพลของตน ให้กระทำหรือไม่กระทำการในหน้าที่อันเป็นคุณหรือเป็นโทษแก่บุคคลใด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112, 341 และ 143 ต่อไป
พ.ต.อ.อัคราเดชกล่าวต่อว่า ทั้งนี้เมื่อปี 2557 นายเอกชัยเคยเป็นคนกลางรับเงินวิ่งเต้นเพื่อเปิดบ่อนนัมเบอร์วันย่านเหม่งจ๋าย แต่ถูกเจ้าหน้าที่ทหารกับตำรวจเข้าทลายเสียก่อน อย่างไรก็ตาม ทราบว่าเจ้าตัวเป็นหลานของ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีต ผบช.ก.และเป็นญาติท่านผู้หญิงบุษบา สุวะดี ซึ่งมักจะนำชื่อสองท่านไปหลอกลวงและข่มขู่ผู้เสียหาย นอกจากนี้ยังสืบทราบมาว่ายังมีผู้เสียหายอีกหลายรายที่ถูกหลอกลวงลักษณะดังกล่าวแต่ไม่กล้าเข้าแจ้งความเนื่องจากเกรงกลัวอิทธิพล อยากบอกว่าตอนนี้ไม่ต้องกลัวแล้ว ให้มาแจ้งความที่กองปราบปรามได้เลย เราจะดำเนินการให้อย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม หลังจากรับเรื่องก็ได้มอบหมายให้ชุดสืบสวน กก.5 บก.ป.เร่งรวบรวมพยานหลักฐาน ก่อนจะขออนุมัติศาลออกหมายจับนายเอกชัยและติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีต่อไป