“บิ๊กป้อม” โยน อสส.ห้าม “ปู” ไปนอก ออกตัว คสช.ไร้สิทธิ์ห้ามใคร รับห่วงถือโอกาสหนีคดี อ้างเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม เตือน “โอ๊ค” อย่าล้ำเส้น ปัดคุมตัว “เรืองไกร” แค่เชิญมาพูดคุย เผยปล่อยตัวแล้ว “บิ๊กโด่ง” ย้ำค สช.ต้องรอบคอบ เผยชงข้อมูลให้ “บิ๊กตู่” ตัดสินใจ เตรียมเชิญ ผช.ทูตทหารแจงสถานการณ์ ขณะที่ “วิษณุ” มานอกบทบอก คสช.ใช้อำนาจตามอัยการศึก ติงศาลไม่เกี่ยวอย่าอ้างมั่ว ด้าน “ปึ้ง” การันตี “ปู” ไม่คิดหนี แขวะขอแค่ไปกินโจ๊กฮ่องกงเดี๋ยวก็กลับ เจอ “ทักษิณ” ก็ไม่แปลก
วานนี้ (9 ก.พ.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีที่ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ไม่อนุญาตให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางไปต่างประเทศว่า เรื่องนี้ คสช.ได้สอบถามไปยังอัยการสูงสุด ซึ่งได้รับคำตอบว่า เกรงจะกระทบต่อรูปคดีโครงการจำนำข้าวที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ถูกชี้มูลความผิด และกำลังพิจารณาส่งฟ้องคดีอยู่ในขณะนี้ ดังนั้นจึงต้องมีการชะลอการเดินทางออกต่างประเทศ
“ขอให้มองว่าเรื่องทั้งหมดเป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรม โดยที่ คสช.ไม่มีสิทธิ์ที่จะไปห้ามใครเดินทางออกนอกประเทศ แต่เรื่องทั้งหมดต้องไปสอบถามที่อัยการสูงสุดว่า นอกจากเกรงเรื่องเสียรูปคดี แล้วยังเกรงในเรื่องของการหลบหนีออกนอกประเทศด้วยหรือไม่” พล.อ.ประวิตร ระบุ
** ติง “โอ๊ค” โพสต์ได้แต่ต้องไม่ขัดแย้ง
ส่วนกรณีที่ นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก อ้างกระบวนการยุติธรรมมีสองมาตรฐาน จะเป็นการส่งสัญญานให้เกิดแรงกระเพื่อมทางการเมืองตามมาหรือไม่นั้น พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ทุกคนสามารถแสดงความคิดเห็นได้ แต่ไม่ควรทำให้เกิดความขัดแย้ง เพราะทุกวันนี้รัฐบาลกำลังเดินหน้าแก้ปัญหาในทุกๆ ด้าน รวมถึงการสร้างความปรองดอง แม้จะมีอุปสรรคแต่จะเดินหน้าสร้างความปรองดองให้เกิดขึ้น
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ทางการสหรัฐอเมริกาออกแถลงการณ์ไม่เห็นด้วยที่ทางการไทยควบคุมตัว นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ คณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย ภายหลังยื่นหนังสือต่อผู้แทนรัฐบาลสหรัฐฯ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า คสช.ไม่ได้ควบคุมตัวนายเรืองไกร แต่เป็นการเชิญเข้ามาปรับทัศนคติ และได้มีการปล่อยตัวไปแล้ว และในขณะนี้รัฐบาลก็ยังเดินตามโรดแมป และทำตามสัญญาที่ให้ไว้
** “บิ๊กโด่ง” ย้ำ คสช.ต้องรอบคอบ
วันเดียวกัน ที่อาคารรับรองพิเศษ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จ.สมุทรปราการ พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม และผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ในฐานะเลขาธิการ คสช.กล่าวว่า คสช.ทราบดีว่าเรื่องการเดินทางไปต่างประเทศของ น.ส.ยิ่งลักษณ์เป็นที่สนใจของสังคม แต่จำเป็นต้องภายใต้กระบวนการทางกฎหมาย ซึ่ง คสช.ต้องมีความรอบคอบ และนำข้อมูลส่งไปให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้า คสช.ตัดสินใจ โดยมีการรับข้อมูลจากส่วนต่างๆ ที่เกี่ยวข้องตามกฎหมาย รวมทั้งที่ผ่านมามีการปรึกษาหารือร่วมกันแล้ว
“เรื่องนี้ คสช.ดำเนินการอย่างรอบคอบ และอยากให้ความสะดวกกับทุกๆคนที่ให้ความร่วมมือ แต่ถ้าบางสิ่งบางอย่างมีผลต่อรูปคดีที่ประชาชนให้ความสนใจ และอาจเกิดผลกระทบตามมาได้ ก็จำเป็นต้องชะลอเรื่องไว้ก่อน เพื่อรอให้ศาลเป็นผู้ตัดสินใจต่อไป” พล.อ.อุดมเดช ระบุ
** ห้าม “ปู” บินนอกเหมาะสมแล้ว
เมื่อถามว่า หากคดีโครงการรับจำนำข้าวยังไม่สิ้นสุด น.ส.ยิ่งลักษณ์จะเดินทางออกนอกประเทศไม่ได้ใช่หรือไม่ พล.อ.อุดมเดช กล่าวว่า ทางอัยการสูงสุดก็จะดำเนินการตามขั้นตอน เมื่อเข้าสู่กระบวนการทางศาล ก็ต้องเป็นไปตามนั้น แม้ว่า คสช.จะมีอำนาจสั่งการในเรื่องต่างๆ แต่เมื่อเป็นรัฐบาลแล้ว ก็ต้องเข้าสู่กระบวนการตามขั้นตอนที่ถูกต้อง ดังนั้นประเด็นนี้ตนคิดว่ามีความเหมาะสมแล้วที่จะออกมารูปแบบเช่นนี้ เพราะเกรงว่าอาจเกิดปัญหาภายหลังได้
ส่วนกรณีที่ คสช.จะเชิญผู้ช่วยทูตทหารประจำประเทศไทยทุกประเทศเข้ารับฟังการชี้แจงสถานการณ์ในวันที่ 11 ก.พ.นี้ พล.อ.อุดมเดช กล่าวว่า ในระดับของทหารมีผู้ช่วยทูตทหารประจำประเทศไทย อยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งก็ต้องสร้างความเข้าใจเพื่อให้เขานำไปชี้แจงในประเทศของเขาได้ถึงความจำเป็นในการปฏิบัติงานต่างๆของ คสช.และรัฐบาล เพราะมิตรประเทศก็ควรมีความเข้าใจการดำเนินการของเราว่า ในขณะนี้สามารถสร้างความสงบสุขได้ แม้ว่ายังมีการสร้างสถานการณ์บ้าง แต่เจ้าหน้าที่ก็ยังควบคุมสถานการณ์ได้ดี
** เรียก ผช.ทูตทหารแจงมาตรการ
ผู้สื่อข่าวถามด้วยว่า จะใช้เวทีนี้ชี้แจงเรื่องการเชิญผู้ที่เคลื่อนไหวทางการเมืองมาพูดคุยเป็นประเด็นหลักหรือไม่ เพราะทางสหรัฐฯยังมีความกังวลใจในเรื่องนี้อยู่ พล.อ.อุดมเดช กล่าวว่า ถือว่ามีความจำเป็น เราต้องชี้แจงว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะการแสดงความคิดเห็นทางการเมืองที่ไม่มีการควบคุมจนขยายตัวเป็นหลายๆกลุ่มที่มีความคิดเห็นไม่ตรงกัน และก้าวไปสู่การใช้อาวุธสงคราม จนมีผู้เสียชีวิต และทำให้ประชาชนไม่สามารถใช้ชีวิตได้เป็นปกติได้
“ถ้าเราประสบปัญหา คงไม่มีใครมาช่วยเราได้นอกจากเราที่ต้องหาวิธีดูแลสถานการณ์ของเราเองให้ได้ โดยไม่ได้ดำเนินการด้วยวิธีการใช้ความรุนแรง ที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่าไม่มีใครโดนกระทำด้วยความรุนแรงเลย” พล.อ.อุดมเดช กล่าว
** “วิษณุ” ชี้อำนาจตามกฎอัยการศึก
ขณะที่ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายกฎหมาย กล่าวว่า การไม่อนุญาตให้บุคคลเดินทางไปต่างประเทศเป็นการใช้อำนาจของ คสช.ตามกฎอัยการศึกที่ประกาศไปก่อนหน้านี้ว่า บุคคลใดบ้างที่จะเดินทางไปต่างประเทศต้องมาขออนุญาต ส่วนเหตุใดที่ คสช.ไม่อนุญาต น.ส.ยิ่งลักษณ์นั้น ตนไม่ทราบ
เมื่อถามว่า ตามข้อกฎหมายแล้วในวันที่อัยการสูงสุดส่งฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์จำเป็นต้องไปศาลหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่จำเป็น แต่ถ้าศาลนัดพิจารณาคดีครั้งแรกเมื่อใดเมื่อนั้นผู้ถูกกล่าวหาจำเป็นต้องไปศาล ไม่เช่นนั้นจะเป็นปัญหา แต่การที่ คสช.จะอนุญาตหรือไม่อนุญาตให้ใครจะเดินทางออกนอกประเทศ ไม่เกี่ยวกับกับเรื่องศาล หรืออะไรทั้งนั้น เป็นอำนาจ คสช.ตัดสินใจ
“การจะมาบอกว่าเป็นเหตุสมควรหรือไม่ เพราะยังไม่ถูกฟ้องนั้น ไม่ต้องเอามาพูด เอามาโยงว่าวันแรกต้องไปศาล แต่ คสช.จะอ้างเหตุผลอะไรตนไม่ทราบ” นายวิษณุ กล่าว
** “ปึ้ง” บอก “ปู” แค่จะไปกินโจ๊กฮ่องกง
อีกด้าน นายสุรพงษ์ โตวิจักษ์ชัยกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรี และแกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า คสช.ต้องออกมาชี้แจงให้ชัดเจนว่าเหตุใดจึงไม่อนุญาตให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เดินทางไปต่างประเทศ เพราะขณะนี้ทางอัยการสูงสุดก็ยังไม่ส่งฟ้องต่อศาล เมื่อ คสช.สั่งห้ามก็ทำให้เกิดความเคลือบแคลงสงสัยขึ้นในสังคม เพราะโดยปกติแล้วถ้ามีการประทับรับฟ้องแล้ว หากศาลจะห้ามจำเลยเดินทางไปต่างประเทศ ก็เป็นอำนาจของศาล แต่ตอนนี้คดียังไม่ถึงชั้นศาลเลย
“คุณยิ่งลักษณ์ขอไปเกาะฮ่องกงเพียงสองสามวันก็กลับ ไปกินโจ๊กแล้วก็กลับ ไม่ได้คิดจะหลบหนี คนเราต้องมีเวลาพาครอบครัวไปพักผ่อนบ้าง การจะไปเจอท่านทักษิณหรือไม่ ก็ไม่ใช่เรื่องผิด คนเป็นพี่น้องเจอกันก็ไม่ใช่เรื่องแปลก และก็ไม่ได้ทำอะไรให้ประเทศวุ่นวาย"
** ยัน “ยิ่งลักษณ์” ไม่คิดหนีเหมือนพี่ชาย
ผู้สื่อข่าวถามว่าหลายฝ่ายกังวลว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะใช้โอกาสนี้หลบหนีการต่อสู้คดี คล้ายกับกรณีของ พ.ต.ท.ทักษิณ นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ขอยืนยันว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่คิดจะหนีไปไหน โดยเฉพาะข้อกล่าวหามีเพียงส่อว่าปล่อยปะละเลยให้มีการทุจริต ซึ่งตัว น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่ได้ทุจริตอยู่แล้ว ก็ต้องสู้กันในชั้นศาลต่อไป ส่วนกรณีของ พ.ต.ท.ทักษิณในขณะนั้นศาลอนุญาตให้เดินทางออกนอกประเทศได้ แต่ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์คดียังไม่เริ่มต้นเข้าสู่กระบวนการ ยังไม่ได้ขึ้นศาล หรือมีการพิจารณาใดๆเลย
วานนี้ (9 ก.พ.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีที่ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ไม่อนุญาตให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางไปต่างประเทศว่า เรื่องนี้ คสช.ได้สอบถามไปยังอัยการสูงสุด ซึ่งได้รับคำตอบว่า เกรงจะกระทบต่อรูปคดีโครงการจำนำข้าวที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ถูกชี้มูลความผิด และกำลังพิจารณาส่งฟ้องคดีอยู่ในขณะนี้ ดังนั้นจึงต้องมีการชะลอการเดินทางออกต่างประเทศ
“ขอให้มองว่าเรื่องทั้งหมดเป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรม โดยที่ คสช.ไม่มีสิทธิ์ที่จะไปห้ามใครเดินทางออกนอกประเทศ แต่เรื่องทั้งหมดต้องไปสอบถามที่อัยการสูงสุดว่า นอกจากเกรงเรื่องเสียรูปคดี แล้วยังเกรงในเรื่องของการหลบหนีออกนอกประเทศด้วยหรือไม่” พล.อ.ประวิตร ระบุ
** ติง “โอ๊ค” โพสต์ได้แต่ต้องไม่ขัดแย้ง
ส่วนกรณีที่ นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก อ้างกระบวนการยุติธรรมมีสองมาตรฐาน จะเป็นการส่งสัญญานให้เกิดแรงกระเพื่อมทางการเมืองตามมาหรือไม่นั้น พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ทุกคนสามารถแสดงความคิดเห็นได้ แต่ไม่ควรทำให้เกิดความขัดแย้ง เพราะทุกวันนี้รัฐบาลกำลังเดินหน้าแก้ปัญหาในทุกๆ ด้าน รวมถึงการสร้างความปรองดอง แม้จะมีอุปสรรคแต่จะเดินหน้าสร้างความปรองดองให้เกิดขึ้น
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ทางการสหรัฐอเมริกาออกแถลงการณ์ไม่เห็นด้วยที่ทางการไทยควบคุมตัว นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ คณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย ภายหลังยื่นหนังสือต่อผู้แทนรัฐบาลสหรัฐฯ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า คสช.ไม่ได้ควบคุมตัวนายเรืองไกร แต่เป็นการเชิญเข้ามาปรับทัศนคติ และได้มีการปล่อยตัวไปแล้ว และในขณะนี้รัฐบาลก็ยังเดินตามโรดแมป และทำตามสัญญาที่ให้ไว้
** “บิ๊กโด่ง” ย้ำ คสช.ต้องรอบคอบ
วันเดียวกัน ที่อาคารรับรองพิเศษ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จ.สมุทรปราการ พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม และผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ในฐานะเลขาธิการ คสช.กล่าวว่า คสช.ทราบดีว่าเรื่องการเดินทางไปต่างประเทศของ น.ส.ยิ่งลักษณ์เป็นที่สนใจของสังคม แต่จำเป็นต้องภายใต้กระบวนการทางกฎหมาย ซึ่ง คสช.ต้องมีความรอบคอบ และนำข้อมูลส่งไปให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้า คสช.ตัดสินใจ โดยมีการรับข้อมูลจากส่วนต่างๆ ที่เกี่ยวข้องตามกฎหมาย รวมทั้งที่ผ่านมามีการปรึกษาหารือร่วมกันแล้ว
“เรื่องนี้ คสช.ดำเนินการอย่างรอบคอบ และอยากให้ความสะดวกกับทุกๆคนที่ให้ความร่วมมือ แต่ถ้าบางสิ่งบางอย่างมีผลต่อรูปคดีที่ประชาชนให้ความสนใจ และอาจเกิดผลกระทบตามมาได้ ก็จำเป็นต้องชะลอเรื่องไว้ก่อน เพื่อรอให้ศาลเป็นผู้ตัดสินใจต่อไป” พล.อ.อุดมเดช ระบุ
** ห้าม “ปู” บินนอกเหมาะสมแล้ว
เมื่อถามว่า หากคดีโครงการรับจำนำข้าวยังไม่สิ้นสุด น.ส.ยิ่งลักษณ์จะเดินทางออกนอกประเทศไม่ได้ใช่หรือไม่ พล.อ.อุดมเดช กล่าวว่า ทางอัยการสูงสุดก็จะดำเนินการตามขั้นตอน เมื่อเข้าสู่กระบวนการทางศาล ก็ต้องเป็นไปตามนั้น แม้ว่า คสช.จะมีอำนาจสั่งการในเรื่องต่างๆ แต่เมื่อเป็นรัฐบาลแล้ว ก็ต้องเข้าสู่กระบวนการตามขั้นตอนที่ถูกต้อง ดังนั้นประเด็นนี้ตนคิดว่ามีความเหมาะสมแล้วที่จะออกมารูปแบบเช่นนี้ เพราะเกรงว่าอาจเกิดปัญหาภายหลังได้
ส่วนกรณีที่ คสช.จะเชิญผู้ช่วยทูตทหารประจำประเทศไทยทุกประเทศเข้ารับฟังการชี้แจงสถานการณ์ในวันที่ 11 ก.พ.นี้ พล.อ.อุดมเดช กล่าวว่า ในระดับของทหารมีผู้ช่วยทูตทหารประจำประเทศไทย อยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งก็ต้องสร้างความเข้าใจเพื่อให้เขานำไปชี้แจงในประเทศของเขาได้ถึงความจำเป็นในการปฏิบัติงานต่างๆของ คสช.และรัฐบาล เพราะมิตรประเทศก็ควรมีความเข้าใจการดำเนินการของเราว่า ในขณะนี้สามารถสร้างความสงบสุขได้ แม้ว่ายังมีการสร้างสถานการณ์บ้าง แต่เจ้าหน้าที่ก็ยังควบคุมสถานการณ์ได้ดี
** เรียก ผช.ทูตทหารแจงมาตรการ
ผู้สื่อข่าวถามด้วยว่า จะใช้เวทีนี้ชี้แจงเรื่องการเชิญผู้ที่เคลื่อนไหวทางการเมืองมาพูดคุยเป็นประเด็นหลักหรือไม่ เพราะทางสหรัฐฯยังมีความกังวลใจในเรื่องนี้อยู่ พล.อ.อุดมเดช กล่าวว่า ถือว่ามีความจำเป็น เราต้องชี้แจงว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะการแสดงความคิดเห็นทางการเมืองที่ไม่มีการควบคุมจนขยายตัวเป็นหลายๆกลุ่มที่มีความคิดเห็นไม่ตรงกัน และก้าวไปสู่การใช้อาวุธสงคราม จนมีผู้เสียชีวิต และทำให้ประชาชนไม่สามารถใช้ชีวิตได้เป็นปกติได้
“ถ้าเราประสบปัญหา คงไม่มีใครมาช่วยเราได้นอกจากเราที่ต้องหาวิธีดูแลสถานการณ์ของเราเองให้ได้ โดยไม่ได้ดำเนินการด้วยวิธีการใช้ความรุนแรง ที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่าไม่มีใครโดนกระทำด้วยความรุนแรงเลย” พล.อ.อุดมเดช กล่าว
** “วิษณุ” ชี้อำนาจตามกฎอัยการศึก
ขณะที่ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายกฎหมาย กล่าวว่า การไม่อนุญาตให้บุคคลเดินทางไปต่างประเทศเป็นการใช้อำนาจของ คสช.ตามกฎอัยการศึกที่ประกาศไปก่อนหน้านี้ว่า บุคคลใดบ้างที่จะเดินทางไปต่างประเทศต้องมาขออนุญาต ส่วนเหตุใดที่ คสช.ไม่อนุญาต น.ส.ยิ่งลักษณ์นั้น ตนไม่ทราบ
เมื่อถามว่า ตามข้อกฎหมายแล้วในวันที่อัยการสูงสุดส่งฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์จำเป็นต้องไปศาลหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่จำเป็น แต่ถ้าศาลนัดพิจารณาคดีครั้งแรกเมื่อใดเมื่อนั้นผู้ถูกกล่าวหาจำเป็นต้องไปศาล ไม่เช่นนั้นจะเป็นปัญหา แต่การที่ คสช.จะอนุญาตหรือไม่อนุญาตให้ใครจะเดินทางออกนอกประเทศ ไม่เกี่ยวกับกับเรื่องศาล หรืออะไรทั้งนั้น เป็นอำนาจ คสช.ตัดสินใจ
“การจะมาบอกว่าเป็นเหตุสมควรหรือไม่ เพราะยังไม่ถูกฟ้องนั้น ไม่ต้องเอามาพูด เอามาโยงว่าวันแรกต้องไปศาล แต่ คสช.จะอ้างเหตุผลอะไรตนไม่ทราบ” นายวิษณุ กล่าว
** “ปึ้ง” บอก “ปู” แค่จะไปกินโจ๊กฮ่องกง
อีกด้าน นายสุรพงษ์ โตวิจักษ์ชัยกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรี และแกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า คสช.ต้องออกมาชี้แจงให้ชัดเจนว่าเหตุใดจึงไม่อนุญาตให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เดินทางไปต่างประเทศ เพราะขณะนี้ทางอัยการสูงสุดก็ยังไม่ส่งฟ้องต่อศาล เมื่อ คสช.สั่งห้ามก็ทำให้เกิดความเคลือบแคลงสงสัยขึ้นในสังคม เพราะโดยปกติแล้วถ้ามีการประทับรับฟ้องแล้ว หากศาลจะห้ามจำเลยเดินทางไปต่างประเทศ ก็เป็นอำนาจของศาล แต่ตอนนี้คดียังไม่ถึงชั้นศาลเลย
“คุณยิ่งลักษณ์ขอไปเกาะฮ่องกงเพียงสองสามวันก็กลับ ไปกินโจ๊กแล้วก็กลับ ไม่ได้คิดจะหลบหนี คนเราต้องมีเวลาพาครอบครัวไปพักผ่อนบ้าง การจะไปเจอท่านทักษิณหรือไม่ ก็ไม่ใช่เรื่องผิด คนเป็นพี่น้องเจอกันก็ไม่ใช่เรื่องแปลก และก็ไม่ได้ทำอะไรให้ประเทศวุ่นวาย"
** ยัน “ยิ่งลักษณ์” ไม่คิดหนีเหมือนพี่ชาย
ผู้สื่อข่าวถามว่าหลายฝ่ายกังวลว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะใช้โอกาสนี้หลบหนีการต่อสู้คดี คล้ายกับกรณีของ พ.ต.ท.ทักษิณ นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ขอยืนยันว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่คิดจะหนีไปไหน โดยเฉพาะข้อกล่าวหามีเพียงส่อว่าปล่อยปะละเลยให้มีการทุจริต ซึ่งตัว น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่ได้ทุจริตอยู่แล้ว ก็ต้องสู้กันในชั้นศาลต่อไป ส่วนกรณีของ พ.ต.ท.ทักษิณในขณะนั้นศาลอนุญาตให้เดินทางออกนอกประเทศได้ แต่ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์คดียังไม่เริ่มต้นเข้าสู่กระบวนการ ยังไม่ได้ขึ้นศาล หรือมีการพิจารณาใดๆเลย