“ประวิตร” เผย คสช.ไม่มีสิทธิ์ห้าม “ยิ่งลักษณ์” ไปนอก รับถาม อสส.หวั่นกระทบคดี-หนีจึงสั่งห้าม ชี้เป็นเรื่องกระบวนการยุติธรรม ติง “อภิชาตบุตรโอ๊ค” จ้อได้แต่อย่าให้ขัดแย้ง ปัดคุมตัว “เรืองไกร” แค่เรียกปรับทัศนคติ ปล่อยตัวแล้ว แจงคดีบึ้มกลางกรุงคืบ 70% ตอบไม่ได้คนก่อเหตุหนี ตปท.หรือไม่ ขออย่าเดาสาเหตุ ย้ำฝีมือการเมือง
วันนี้ (9 ก.พ.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวก่อนเป็นประธานการประชุม ขับเคลื่อนการจัดภัยพิบัติของประเทศ ที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ถึงกรณีที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ห้าม น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีออกเดินทางไปต่างประเทศ ว่า คสช.มีการสอบถามไปยังอัยการสูงสุดซึ่งได้รับคำตอบว่าเกรงจะกระทบต่อรูปคดีโครงการจำนำข้าวที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ถูกชี้มูลความผิดและกำลังพิจารณาคดีอยู่ในขณะนี้ ดังนั้นจึงต้องมีการชะลอการเดินทางออกต่างประเทศ และมองว่าเรื่องทั้งหมดเป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรมและกฎหมาย โดยที่ คสช.ไม่มีสิทธิ์ที่จะไปห้ามการเดินทางออกนอกประเทศของใคร แต่เรื่องทั้งหมดต้องไปสอบถามที่อัยการสูงสุด ว่านอกจากเกรงเรื่องเสียรูปคดีแล้วยังเกรงในเรื่องของการหลบหนีออกนอกประเทศด้วยหรือไม่
ส่วนกรณีที่นายพานทองแท้ ชินวัตร ออกมาโพสต์ทางเฟซบุ๊ก อ้างกระบวนการยุติธรรมมีสองมาตรฐานจะเป็นการส่งสัญญานให้เกิดแรงกระเพื่อมทางการเมืองตามมาหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ทุกคนสามารถแสดงความคิดเห็นได้ แต่ไม่ควรทำให้เกิดความขัดแย้ง เพราะทุกวันนี้รัฐบาลกำลังเดินหน้าแก้ปัญหาในทุกๆ ด้าน รวมถึงการสร้างความปรองดอง แม้จะมีอุปสรรคแต่จะเดินหน้าสร้างความปรองดองให้เกิดขึ้น
ขณะที่กรณีสหรัฐอเมริกาออกแถลงการณ์ไม่เห็นด้วยที่ทางการไทยควบคุมตัวนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ คณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย ภายหลังยื่นหนังสือต่อผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา พล.อ.ประวิตรย้ำว่า คสช.ไม่ได้ควบคุมตัว แต่เป็นการเรียกเข้ามาปรับทัศนคติ และได้มีการปล่อยตัวไปแล้ว และในขณะนี้รัฐบาลก็ยังเดินตามโรดแมปและทำตามสัญญาที่ให้ไว้
พล.อ.ประวิตรยังกล่าวถึงความคืบหน้าเหตุการณ์ลอบวางระเบิด ทางเชื่อมรถไฟฟ้าบีทีเอส สยาม ว่ามีความคืบหน้าไปกว่าร้อยละ 70 ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจมีความพยายาม ในการจับกุมผู้กระทำผิด ส่วนคนร้ายจะหนีออกนอกประเทศแล้วหรือไม่ ส่วนตัวไม่สามารถคาดเดาได้ แต่จะต้องจับคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้ตามข้อเท็จจริง ที่เกิดขึ้น พร้อมเห็นว่า อย่าคาดเดาสาเหตุที่เกิดระเบิด โดยเฉพาะในโซเซียลมีเดียที่วิพากษ์วิจารณ์กันเป็นจำนวนมาก เพราะ หลายเรื่องไม่ใช่เรื่องจริง ซึ่งอาจทำให้เกิดความวุ่นวายได้ แต่ยอมรับว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีการคาดการณ์ว่า เป็นฝีมือของกลุ่มการเมือง ส่วนจะเป็นกลุ่มการเมืองกลุ่มไหน ขอให้ตำรวจจับกุมให้ได้ก่อน จึงจะรู้ข้อเท็จจริง พร้อมยอมรับอีกว่า เหตุระเบิดที่เกิดขึ้นที่ผ่านมาทางการข่าวไม่พบว่าจะมีการก่อเหตุขึ้น รวมถึงขณะนี้การข่าวก็ยังไม่พบว่าจะเหตุในจุดใดอีก แต่จะมีการรักษาความปลอดภัยอย่างต่อเนื่อง
