00 เป็นเรื่องที่ต้องติดตามกันอย่างใกล้ชิดว่าในที่สุดแล้วตำรวจจะสามารถจับกุมคนร้ายที่ลงมือก่อเหตุวางระเบิดที่สถานีรถไฟฟ้าสยาม ติดกับห้างสยามพารากอน เมื่อคืนวันที่ 1 ก.พ.ได้หรือไม่ เพราะถ้าจับได้และมีความ "น่าเชื่อถือ" มันก็สามารถคลี่คลายเชื่อมโยงไปได้ว่า "ไอ้โม่ง" คนไหนชักใยอยู่เบื้องหลัง ดังนั้นระหว่างนี้คงต้องมีการสันนิษฐานคาดเดากันไปต่างๆ นานา คิดไปไกลถึงขนาดว่า "สร้างสถานการณ์" เพื่อต้องการ "ลากยาวกฎอัยการศึก" ก็มี
00 อย่างไรก็ดี ถ้าพิจารณาอย่างกลางๆ และไม่เชื่อว่าจะทำกันถึงขนาดนั้น "เพราะมันไม่คุ้ม" กันเลย เมื่อเทียบกับผลกระทบที่จะตามมา ทั้งในเรื่องของความเชื่อมั่น ทั้งด้านเศรษฐกิจและการเมือง ปัญหาทางด้านความมั่นคง มองในมุมไหนมัน "ไม่น่า" จะใช่ หรือไม่อยากคิดไปแบบนั้น มีแต่ด้านลบไม่มีด้านบวกกับรัฐบาล และ คสช.เลยสักนิด ถึงได้บอกว่า งานนี้ตำรวจต้องจับคนร้ายให้ได้โดยเร็ว และเชื่อว่า "ต้องจับได้" อย่างน้อยหลักฐานจากกล้องวงจรปิด รวมไปถึงหลักฐานในที่เกิดเหตุก็น่าจะมีเบาะแสร่องรอยให้ติดตามได้ไม่น้อย เหมือนกับที่ ผบ.ตร. พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ได้ยืนยันว่า "อีกไม่นานจับได้แน่" แต่ถ้าไม่ได้ ก็ยุ่งเหมือนกัน !!
00 ที่บอกว่าน่าจับตาก็คือ หลังจากเกิดเหตุระเบิดกลิ่นควันยังไม่ทันจางดีนัก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคสช. กล่าวในแบบฟันธงออกมาเลยว่า เป็นฝีมือของพวกที่เคยพูดจา "ข่มขู่ใช้ความรุนแรง" ซึ่งหากพิจารณากันอย่างตรงไปตรงมาก็ต้องบอกว่า คำข่มขู่อย่างว่าล้วนเกิดขึ้นหลังจาก ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ถูก สนช.ถอดถอนจากความเสียหายโครงการรับจำนำข้าว คำขู่จากปากของเจ้าตัวเองที่ว่า "ความยุติธรรมไม่เกิด ก็ไม่มีใครอยู่ได้ " จากปากของ"หลานโอ๊ค" พานทองแท้ ชินวัตร ที่โพสต์ข้อความว่า "พร้อมไหมคนไทย" แล้วมีชูกำปั้น จากนั้นก็มีบรรดา "ลูกหาบ" ต่างออกมา "แสดงบทเข้ม" ตามกันมาเป็นระลอก ออกอาการขู่ใช้ความรุนแรงชัดเจน จนต้องมีการเรียกไปอบรมปรับทัศนคติ ดังนั้น ถ้าให้เดาคำพูดของ พล.อ.ประยุทธ์ ก็น่าจะหมายถึงคนพวกนี้หรือเปล่า เพราะที่ผ่านมามีแต่คนพวกนี้เท่านั้นที่ออกมาเคลื่อนไหว ที่ออกมาพูดข่มขู่
00 สำหรับ อีกคนที่ต้องจับตาก็คือ รองนายกฯ ด้านความมั่นคง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ว่าจะบูรณาการรักษาความมั่นคงได้เบ็ดเสร็จแค่ไหน เพราะถ้างานนี้ไม่ใช่การสร้างสถานการณ์ โอกาสที่จะเกิดในอีกหลายพื้นที่มันก็ยังเป็นไปได้เหมือนกัน มันก็ขึ้นอยู่กับการเฝ้าระวัง และงานข่าวจะเจ๋งจริงหรือไม่
00 พูดถึง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ก็ต้องย้ำกันถึงเรื่องราคายางพารา ที่ก่อนหน้านี้ออกมาการันตีว่าจะทำให้ราคาพุ่งขึ้นไปถึง ก.ก.ละ 80 บาท ภายในหนึ่งเดือน แม้ว่าล่าสุดจะขยายเวลาออกไปว่าภายใน "สองเดือน" ก็ไม่มีปัญหาขอให้ทำได้จริงก็แล้วกัน ขณะเดียวกันคนพูดก็ดูเหมือนมีความมั่นใจอะไรบางอย่างว่าต้องทำได้ถึงพูด แม้ว่าจนถึงบัดนี้บอกตรงๆว่า "ยาก" ก็ตาม แต่เมื่อมั่นใจและยืนยันออกมาหนักแน่นก็ต้องเชื่อ อาจจะเป็นการ "วางเดิมพัน" อนาคตก็ว่าได้ เพราะถ้าทำได้ตามที่ปากพูด วันหน้า "อยากเป็นอะไร" มันก็ไปได้ดั่งฝันอยู่แล้ว !!
00 เรื่องที่ไม่คาดฝันยังทยอยเกิดขึ้น ล่าสุดอัยการสูงสุด ตระกูล วินิจฉัยภาค ได้ชี้ขาดเมื่อ วันที่ 21 ม.ค. สั่งฟ้อง บริษัทแฟร์มอนท์อินเวสเมนท์ กรุ๊ฟ จำกัด เป็นจำเลยที่ 1 สุรินทร์ อุปพัทธกุล กก.และผู้ถือหุ้นบริษัทกุหลาบแก้ว ผู้ถือหุ้นชั้นที่ 3 ในบริษัท ชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) จำเลยที่ 2 ในความผิด พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 เห็นว่าทั้งสองเป็นผู้ถือหุ้นแทนต่างชาติ นั่นคือ "นอมินี" นั่นแหละ ที่ผ่านมาคดียืดเยื้อเก็บเงียบมานานในยุครัฐบาลหุ่นเชิดของทักษิณ ทั้งที่หากมีการสืบสาวราวเรื่องได้ไม่ยาก และที่ผ่านมาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาฯ ก็ได้ระบุความผิดเอาไว้ในคำพิพากษายึดทรัพย์ ทักษิณ ชินวัตร จำนวน 4.6 หมื่นล้านบาทเอาไว้อย่างละเอียดแล้ว ดังนั้นเมื่อมีการชี้ขาดสั่งฟ้องจากอัยการสูงสุด มันก็เหมือนมีความคืบหน้าไปอีกขั้น แม้ว่าเวลานี้ "ดาโต๊ะสุรินทร์" จะหายตัวไปอย่างลึกลับมานานหลายปีแล้วก็ตาม แต่คดีก็เข้าสู่สารบบแล้ว และนี่น่าจะเป็น "สัญญาณใหม่" หลังจากที่ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี เรียกร้องให้จัดการกับคนโกงอย่างเด็ดขาด รวดเร็ว และรุนแรง โดยเสนอให้จัดตั้งศาลพิจารณาคดีฉ้อราษฎร์บังหลวง แยกออกมาเป็นการเฉพาะ น่าติดตาม !!
00 อย่างไรก็ดี ถ้าพิจารณาอย่างกลางๆ และไม่เชื่อว่าจะทำกันถึงขนาดนั้น "เพราะมันไม่คุ้ม" กันเลย เมื่อเทียบกับผลกระทบที่จะตามมา ทั้งในเรื่องของความเชื่อมั่น ทั้งด้านเศรษฐกิจและการเมือง ปัญหาทางด้านความมั่นคง มองในมุมไหนมัน "ไม่น่า" จะใช่ หรือไม่อยากคิดไปแบบนั้น มีแต่ด้านลบไม่มีด้านบวกกับรัฐบาล และ คสช.เลยสักนิด ถึงได้บอกว่า งานนี้ตำรวจต้องจับคนร้ายให้ได้โดยเร็ว และเชื่อว่า "ต้องจับได้" อย่างน้อยหลักฐานจากกล้องวงจรปิด รวมไปถึงหลักฐานในที่เกิดเหตุก็น่าจะมีเบาะแสร่องรอยให้ติดตามได้ไม่น้อย เหมือนกับที่ ผบ.ตร. พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ได้ยืนยันว่า "อีกไม่นานจับได้แน่" แต่ถ้าไม่ได้ ก็ยุ่งเหมือนกัน !!
00 ที่บอกว่าน่าจับตาก็คือ หลังจากเกิดเหตุระเบิดกลิ่นควันยังไม่ทันจางดีนัก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคสช. กล่าวในแบบฟันธงออกมาเลยว่า เป็นฝีมือของพวกที่เคยพูดจา "ข่มขู่ใช้ความรุนแรง" ซึ่งหากพิจารณากันอย่างตรงไปตรงมาก็ต้องบอกว่า คำข่มขู่อย่างว่าล้วนเกิดขึ้นหลังจาก ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ถูก สนช.ถอดถอนจากความเสียหายโครงการรับจำนำข้าว คำขู่จากปากของเจ้าตัวเองที่ว่า "ความยุติธรรมไม่เกิด ก็ไม่มีใครอยู่ได้ " จากปากของ"หลานโอ๊ค" พานทองแท้ ชินวัตร ที่โพสต์ข้อความว่า "พร้อมไหมคนไทย" แล้วมีชูกำปั้น จากนั้นก็มีบรรดา "ลูกหาบ" ต่างออกมา "แสดงบทเข้ม" ตามกันมาเป็นระลอก ออกอาการขู่ใช้ความรุนแรงชัดเจน จนต้องมีการเรียกไปอบรมปรับทัศนคติ ดังนั้น ถ้าให้เดาคำพูดของ พล.อ.ประยุทธ์ ก็น่าจะหมายถึงคนพวกนี้หรือเปล่า เพราะที่ผ่านมามีแต่คนพวกนี้เท่านั้นที่ออกมาเคลื่อนไหว ที่ออกมาพูดข่มขู่
00 สำหรับ อีกคนที่ต้องจับตาก็คือ รองนายกฯ ด้านความมั่นคง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ว่าจะบูรณาการรักษาความมั่นคงได้เบ็ดเสร็จแค่ไหน เพราะถ้างานนี้ไม่ใช่การสร้างสถานการณ์ โอกาสที่จะเกิดในอีกหลายพื้นที่มันก็ยังเป็นไปได้เหมือนกัน มันก็ขึ้นอยู่กับการเฝ้าระวัง และงานข่าวจะเจ๋งจริงหรือไม่
00 พูดถึง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ก็ต้องย้ำกันถึงเรื่องราคายางพารา ที่ก่อนหน้านี้ออกมาการันตีว่าจะทำให้ราคาพุ่งขึ้นไปถึง ก.ก.ละ 80 บาท ภายในหนึ่งเดือน แม้ว่าล่าสุดจะขยายเวลาออกไปว่าภายใน "สองเดือน" ก็ไม่มีปัญหาขอให้ทำได้จริงก็แล้วกัน ขณะเดียวกันคนพูดก็ดูเหมือนมีความมั่นใจอะไรบางอย่างว่าต้องทำได้ถึงพูด แม้ว่าจนถึงบัดนี้บอกตรงๆว่า "ยาก" ก็ตาม แต่เมื่อมั่นใจและยืนยันออกมาหนักแน่นก็ต้องเชื่อ อาจจะเป็นการ "วางเดิมพัน" อนาคตก็ว่าได้ เพราะถ้าทำได้ตามที่ปากพูด วันหน้า "อยากเป็นอะไร" มันก็ไปได้ดั่งฝันอยู่แล้ว !!
00 เรื่องที่ไม่คาดฝันยังทยอยเกิดขึ้น ล่าสุดอัยการสูงสุด ตระกูล วินิจฉัยภาค ได้ชี้ขาดเมื่อ วันที่ 21 ม.ค. สั่งฟ้อง บริษัทแฟร์มอนท์อินเวสเมนท์ กรุ๊ฟ จำกัด เป็นจำเลยที่ 1 สุรินทร์ อุปพัทธกุล กก.และผู้ถือหุ้นบริษัทกุหลาบแก้ว ผู้ถือหุ้นชั้นที่ 3 ในบริษัท ชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) จำเลยที่ 2 ในความผิด พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 เห็นว่าทั้งสองเป็นผู้ถือหุ้นแทนต่างชาติ นั่นคือ "นอมินี" นั่นแหละ ที่ผ่านมาคดียืดเยื้อเก็บเงียบมานานในยุครัฐบาลหุ่นเชิดของทักษิณ ทั้งที่หากมีการสืบสาวราวเรื่องได้ไม่ยาก และที่ผ่านมาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาฯ ก็ได้ระบุความผิดเอาไว้ในคำพิพากษายึดทรัพย์ ทักษิณ ชินวัตร จำนวน 4.6 หมื่นล้านบาทเอาไว้อย่างละเอียดแล้ว ดังนั้นเมื่อมีการชี้ขาดสั่งฟ้องจากอัยการสูงสุด มันก็เหมือนมีความคืบหน้าไปอีกขั้น แม้ว่าเวลานี้ "ดาโต๊ะสุรินทร์" จะหายตัวไปอย่างลึกลับมานานหลายปีแล้วก็ตาม แต่คดีก็เข้าสู่สารบบแล้ว และนี่น่าจะเป็น "สัญญาณใหม่" หลังจากที่ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี เรียกร้องให้จัดการกับคนโกงอย่างเด็ดขาด รวดเร็ว และรุนแรง โดยเสนอให้จัดตั้งศาลพิจารณาคดีฉ้อราษฎร์บังหลวง แยกออกมาเป็นการเฉพาะ น่าติดตาม !!