00 ในที่สุดก็รับรู้วันเวลาที่แน่ชัดออกมาเป็นครั้งแรกแล้วว่า อัยการสูงสุดจะสั่งฟ้องอาญา ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ คนสวย น้องสาวของทักษิณ ชินวัตร ในวันที่ 19 ก.พ.นี้ จากโครงการรับจำนำข้าว โดยข้อมูลดังกล่าวได้รับการเปิดเผยมาจาก พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี หลังจากที่มีการยืนยันปฏิเสธคำขอของ ยิ่งลักษณ์ เพื่อเดินทาไปต่างประเทศ (ฮ่องกง) ในวันที่ 8 ก.พ.โดยเหตุผลที่ปฏิเสธก็คือ วันที่ 19 ก.พ. อัยการสูงสุด จะต้องนำตัวไปส่งฟ้องศาลอาญา ในวันดังกล่าว
00 นี่ถือว่าเป็น "ความคืบหน้า" ในหลายส่วนที่ต้องติดตามกันอย่างใกล้ชิด เพราะทุกอย่างกำลังงวดเข้ามาเรื่อยๆ เริ่มจากความจำเป็นต้อง "แบไพ่" ออกมาให้เห็นแล้ว สำหรับ ยิ่งลักษณ์ จากการขออนุญาต คสช. และรัฐบาลเพื่อเดินทางไปต่างประเทศ ซึ่งก็พอเดาออกไม่ยากว่าไปพบพี่ชายคือ ทักษิณ ชินวัตร ส่วนจะพบกันเรื่องอะไรนั้น ก็ไม่จำเป็นต้องบอก เพียงแค่คิดเดากันได้ว่าจะคุยกันเรื่องอะไรกัน ที่บอกว่าถึงเวลาต้องแบไพ่ออกมาให้เห็น อาจเป็นเพราะถึงเวลาจำเป็นแล้ว และเป็นลูกต่อเนื่อง หลังจากถูก สนช. ถอดถอน และถูกตัดสิทธิ์การเมือง 5 ปี แต่คราวนี้หากถูกฟ้องอาญาต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในวันที่ 19 ก.พ.นี้ นั่นย่อมหมายถึง "เสี่ยงคุก" สูง เมื่อพิจารณาจากความเป็นจริงว่า มีความเสียหาย มีการทุจริตมากมายมหาศาล และที่สำคัญการสั่งฟ้องหากเป็นไปตามที่ว่ามันก็ถือว่า "มาเร็ว" กว่ากำหนด เพราะก่อนหน้านี้ทางอัยการสูงสุดระบุว่า จะสั่งฟ้องในเดือนมีนาคม ดังนั้นเมื่อมาเร็วก็ต้อง "หนีเร็ว" หรือเปล่า
00 งานนี้ถ้าพิจารณากันในภาพรวมมันก็เหมือน "ส่ง-รับสัญญาณ" ชัดโดยเฉพาะการกวาดล้าง "คนโกง" กันให้สิ้นซาก เหมือนกับที่ก่อนหน้านี้ "ป๋าเปรม" พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ ได้เคยพูดชัดๆ มาแล้วว่า "ต้องรังเกียจ และกำจัดคนโกง" เมื่อไม่กี่วันก่อน แม้เรื่องราวผลสรุปยังอีกไกล ต้องใช้เวลาสู้กันอีกพักใหญ่ แต่เวลานี้ก็ถือว่า "มันชัดยิ่งกว่าชัด" กันแล้ว
00 บินไปญี่ปุ่นกันแล้วระหว่างวันที่ 8-10 ก.พ.สำหรับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี งานนี้ถืว่าเป็นความคืบหน้าอีกขั้นกับความร่วมมือทางเศรษฐกิจ ระหว่างสองประเทศในยามยากของไทย อย่างน้อยก็เป็นความร่วมมือในระบบรางขนาดมาตรฐานสายใหม่ หลังจากก่อนหน้านี้ได้ร่วมมือกับจีนไปแล้ว ในแบบเดียวกัน งานนี้หากมองในแง่ยุทธศาสตร์แล้ว มันก็เหมือนการ "ถ่วงดุลซ้อนถ่วงดุล" อย่างแรก คบจีนเพื่อถ่วงดุลสหรัฐฯ คราวนี้คบญี่ปุ่น เพื่อถ่วงดุลจีน ทำกันแบบเนียนๆ ก็ถือว่าน่าสนใจ !!
00 อย่างไรก็ดี สิ่งที่ต้องพิสูจน์กันต่อไป ก็คือการเปิดสัมปทานปิโตรเลียมรอบใหม่ (รอบที่ 21) ที่กำลังจะสรุปกันภายในเดือนนี้ น่าจะวันที่ 18-19 ก.พ.เป็นการพิสูจน์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา ว่าจะตัดสินใจอย่างไร จะเดินหน้า หรือจะชะลอตามคำแนะนำของ สปช. เพื่อศึกษาข้อมูลรายละเอียด ว่าแบบไหนจะเป็นประโยชน์ต่อชาติและประชาชนที่เป็นเจ้าของทรัพยากรให้มากที่สุด ไม่ใช่ฟังข้อมูล "แปร่งๆ" จากฝ่าย"กลุ่มทุนพลังงาน" เพราะต้องไม่ลืมว่า งานนี้ถ้าอนุมัติไปแล้วก็ต้องรอไปถึง 39 ปี ดังนั้นก็ต้องวัดใจกัน เพราะเรื่องนี้แหละสำคัญต่อความศรัทธาเสียด้วยซี !!
00 นี่ถือว่าเป็น "ความคืบหน้า" ในหลายส่วนที่ต้องติดตามกันอย่างใกล้ชิด เพราะทุกอย่างกำลังงวดเข้ามาเรื่อยๆ เริ่มจากความจำเป็นต้อง "แบไพ่" ออกมาให้เห็นแล้ว สำหรับ ยิ่งลักษณ์ จากการขออนุญาต คสช. และรัฐบาลเพื่อเดินทางไปต่างประเทศ ซึ่งก็พอเดาออกไม่ยากว่าไปพบพี่ชายคือ ทักษิณ ชินวัตร ส่วนจะพบกันเรื่องอะไรนั้น ก็ไม่จำเป็นต้องบอก เพียงแค่คิดเดากันได้ว่าจะคุยกันเรื่องอะไรกัน ที่บอกว่าถึงเวลาต้องแบไพ่ออกมาให้เห็น อาจเป็นเพราะถึงเวลาจำเป็นแล้ว และเป็นลูกต่อเนื่อง หลังจากถูก สนช. ถอดถอน และถูกตัดสิทธิ์การเมือง 5 ปี แต่คราวนี้หากถูกฟ้องอาญาต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในวันที่ 19 ก.พ.นี้ นั่นย่อมหมายถึง "เสี่ยงคุก" สูง เมื่อพิจารณาจากความเป็นจริงว่า มีความเสียหาย มีการทุจริตมากมายมหาศาล และที่สำคัญการสั่งฟ้องหากเป็นไปตามที่ว่ามันก็ถือว่า "มาเร็ว" กว่ากำหนด เพราะก่อนหน้านี้ทางอัยการสูงสุดระบุว่า จะสั่งฟ้องในเดือนมีนาคม ดังนั้นเมื่อมาเร็วก็ต้อง "หนีเร็ว" หรือเปล่า
00 งานนี้ถ้าพิจารณากันในภาพรวมมันก็เหมือน "ส่ง-รับสัญญาณ" ชัดโดยเฉพาะการกวาดล้าง "คนโกง" กันให้สิ้นซาก เหมือนกับที่ก่อนหน้านี้ "ป๋าเปรม" พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ ได้เคยพูดชัดๆ มาแล้วว่า "ต้องรังเกียจ และกำจัดคนโกง" เมื่อไม่กี่วันก่อน แม้เรื่องราวผลสรุปยังอีกไกล ต้องใช้เวลาสู้กันอีกพักใหญ่ แต่เวลานี้ก็ถือว่า "มันชัดยิ่งกว่าชัด" กันแล้ว
00 บินไปญี่ปุ่นกันแล้วระหว่างวันที่ 8-10 ก.พ.สำหรับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี งานนี้ถืว่าเป็นความคืบหน้าอีกขั้นกับความร่วมมือทางเศรษฐกิจ ระหว่างสองประเทศในยามยากของไทย อย่างน้อยก็เป็นความร่วมมือในระบบรางขนาดมาตรฐานสายใหม่ หลังจากก่อนหน้านี้ได้ร่วมมือกับจีนไปแล้ว ในแบบเดียวกัน งานนี้หากมองในแง่ยุทธศาสตร์แล้ว มันก็เหมือนการ "ถ่วงดุลซ้อนถ่วงดุล" อย่างแรก คบจีนเพื่อถ่วงดุลสหรัฐฯ คราวนี้คบญี่ปุ่น เพื่อถ่วงดุลจีน ทำกันแบบเนียนๆ ก็ถือว่าน่าสนใจ !!
00 อย่างไรก็ดี สิ่งที่ต้องพิสูจน์กันต่อไป ก็คือการเปิดสัมปทานปิโตรเลียมรอบใหม่ (รอบที่ 21) ที่กำลังจะสรุปกันภายในเดือนนี้ น่าจะวันที่ 18-19 ก.พ.เป็นการพิสูจน์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา ว่าจะตัดสินใจอย่างไร จะเดินหน้า หรือจะชะลอตามคำแนะนำของ สปช. เพื่อศึกษาข้อมูลรายละเอียด ว่าแบบไหนจะเป็นประโยชน์ต่อชาติและประชาชนที่เป็นเจ้าของทรัพยากรให้มากที่สุด ไม่ใช่ฟังข้อมูล "แปร่งๆ" จากฝ่าย"กลุ่มทุนพลังงาน" เพราะต้องไม่ลืมว่า งานนี้ถ้าอนุมัติไปแล้วก็ต้องรอไปถึง 39 ปี ดังนั้นก็ต้องวัดใจกัน เพราะเรื่องนี้แหละสำคัญต่อความศรัทธาเสียด้วยซี !!