00 หลังเกิดเสียงระเบิดที่บริเวณทางเชื่อมระหว่างสถานีรถไฟฟ้าสยามกับห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน ย่านปทุมวัน เมื่อคืนวันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา ในเบื้องต้นแม้ว่าจะไม่เกิดความเสียหายมากนัก มีผู้ได่รับบาดเจ็บเล็กน้อย 1 ราย แต่ผลที่ต่อเนื่องตามมาต้องยอมรับว่าสร้าง "แรงสั่นสะเทือน" อย่างใหญ่หลวง เพราะหากพิจารณาจากคำพูดของตำรวจหลังเข้าไปตรวจสอบในที่เกิดเหตุบอกว่า เป็นแค่ "การข่มขู่" ก็ยิ่งน่ากลัว เพราะนั่นหมายถึงศักยภาพของคนที่ลงมือ รวมทั้งคนสั่งการ อยู่เบื้องหลังที่ "ไม่ธรรมดา" นั่นหมายความว่า "กำหนดให้เกิดความเสียหาย" ขนาดใดก็ได้ คราวนี้เป็นแค่ขู่ แค่เตือน แต่คราวหน้าจะเกิดแบบไหน ก็ติดตามอย่างระมัดระวัง
00 แน่นอนว่านี่คือ "ระเบิดการเมือง" มุ่งเป้าไปที่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และท้าทายอำนาจคสช.เป็นหลัก หวังทำลายความมั่นคง ทำลายความเชื่อมั่นด้านเศรษฐกิจ และการลงทุน และที่สำคัญนี่คือการโชว์ศักยภาพของตัวเอง ว่า "เขาก็ทำได้" ส่วนจะเป็นฝีมือของฝ่ายไหนนั้น บอกตรงๆ นาทีนี้ถือว่าเป็นไปได้ทั้งนั้น ฝ่ายเครือข่ายทักษิณที่ต้องการสื่อให้รู้ว่า "อย่ารุกเข้ามามากนัก" หลังจากมีการสอย ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในสภาสนช. และถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง 5 ปี แต่นั่นไม่ เลวร้ายเท่ากับกำลังจะโดนฟ้องอาญาในคดีรับจำนำข้าว งานนี้เสี่ยงถึงคุก จึงต้องการ "ส่งสัญญาณ" กลับไปบ้าง แต่ถ้ามองอีกมุมหนึ่ง มันเหมือนกับ "ตื้นเกินไป" เพราะเมื่อเกิดเหตุก็จะทำให้เข้าใจ และสายตาจะหันมาจับจ้องทันที เหมือนกับใช้ความรู้สึกสังคมประณาม หรืออาจเป็นฝีมือของ "มือที่สาม" เพื่อให้เกิดความระแวง หรือ "มือที่สอง" เพื่ออ้างสาเหตุในการจัดการ "อีกฝ่าย" ให้เด็ดขาดไปเลย ก็ถือว่าเป็นไปได้ทั้งนั้น !!
00 ดังนั้นเพื่อให้ทุกอย่างคลี่คลาย ฝ่ายความมั่นคงและตำรวจ จะต้องจับกุมคนร้ายให้ได้เร็วที่สุด เพราะการวางระเบิดการกลางเมืองแบบนี้ เป็นการ "สร้างสัญญลักษณ์" เป็นหัวใจทางเศรษฐกิจ ซึ่งฝ่ายรัฐบาล และคสช. คงมองออกได้อยู่แล้ว อีกทั้งในสถานที่ดังกล่าว ย่อมต้องมีกล้องวงจรปิดมากมายน่าจะสามารถหาเบาะแสได้บ้าง เจ้าหน้าที่ต้องเร่งมือทำงาน แต่อย่างที่บอกงานนี้มันเสียหายใหญ่หลวง และคนที่หงุดหงิดมากกว่าใครน่าจะเป็น "ลุงตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นั่นแหละ !!
00 นี่ก็ไม่รูัว่าเป็นเรื่องประจวบเหมาะหรือเปล่า กับการที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้าคสช. มีกำหนดการลงพื้นที่ต่างจังหวัด เริ่มที่ภาคอีสาน ที่นครราชสีมา ในวันรุ่งขึ้นวันที่ 2 ก.พ. งานนี้ถือว่าเป็นการเดินสายพบชาวบ้าน รับฟังปัญหา และแสดงให้เห็นว่าต้องการแก้ปัญหาโดยตรง เพราะวาระสำคัญที่ อ.พิมาย ก็คือ การเป็นประธานประชุม กก.นโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) ครั้งที่ 1/58 มีนัยยะให้เห็นว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับเรื่องข้าว หลัง จากก่อนหน้านี้เร่งแก้ปัญหา เรื่องยางพารามาแล้ว และต้องไม่ลืมว่า ภาคอีสานและชาวนาเคยเป็นฐานเสียงของใครมาก่อน แม้ว่าในระยะสั้น จะยังแก้ปัญหาเรื่องราคายังไม่ค่อยได้ผล แต่อย่างน้อยการไปแสดงความจริงใจรับรู้ปัญหาถึงที่ มันก็พอสร้างความเข้าใจกันได้บ้าง !!
00 สำหรับ รองนายกฯฝ่ายความมั่นคง และ รมว.กลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ งานนี้ถือว่าถึงเวลาต้องพิสูจน์ฝีมือ เป็น"ไฟต์บังคับ" กันแล้ว เหตุการณ์ที่หน้าสยามพารากอน เมื่อคืนก่อน มันก็เหมือนกับการ "ลองของ" พี่ใหญ่คนนี้ เพราะที่ผ่านมาถือว่างานด้านความมั่นคง อยู่มือเขาทั้งหมด มีเครือข่ายทั้งในกองทัพและตำรวจ หน่วยงานข่าวเรียกว่า "ครบครัน" ก็น่าจับตากันว่า ต่อไปจะ "เอาอยู่" หรือไม่ นี่ยังไม่นับรวมเรื่องที่ไปประกาศว่าจะทำให้ราคายางพาราพุ่ง ขึ้นมาที่ ก.ก.ละ 80 บาท ภายใน 1 เดือน มันก็น่าลุ้นเหมือนกันว่าจะทำได้หรือเปล่า หลายอย่างเริ่มงวดเข้ามาแล้ว !!
00 แน่นอนว่านี่คือ "ระเบิดการเมือง" มุ่งเป้าไปที่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และท้าทายอำนาจคสช.เป็นหลัก หวังทำลายความมั่นคง ทำลายความเชื่อมั่นด้านเศรษฐกิจ และการลงทุน และที่สำคัญนี่คือการโชว์ศักยภาพของตัวเอง ว่า "เขาก็ทำได้" ส่วนจะเป็นฝีมือของฝ่ายไหนนั้น บอกตรงๆ นาทีนี้ถือว่าเป็นไปได้ทั้งนั้น ฝ่ายเครือข่ายทักษิณที่ต้องการสื่อให้รู้ว่า "อย่ารุกเข้ามามากนัก" หลังจากมีการสอย ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในสภาสนช. และถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง 5 ปี แต่นั่นไม่ เลวร้ายเท่ากับกำลังจะโดนฟ้องอาญาในคดีรับจำนำข้าว งานนี้เสี่ยงถึงคุก จึงต้องการ "ส่งสัญญาณ" กลับไปบ้าง แต่ถ้ามองอีกมุมหนึ่ง มันเหมือนกับ "ตื้นเกินไป" เพราะเมื่อเกิดเหตุก็จะทำให้เข้าใจ และสายตาจะหันมาจับจ้องทันที เหมือนกับใช้ความรู้สึกสังคมประณาม หรืออาจเป็นฝีมือของ "มือที่สาม" เพื่อให้เกิดความระแวง หรือ "มือที่สอง" เพื่ออ้างสาเหตุในการจัดการ "อีกฝ่าย" ให้เด็ดขาดไปเลย ก็ถือว่าเป็นไปได้ทั้งนั้น !!
00 ดังนั้นเพื่อให้ทุกอย่างคลี่คลาย ฝ่ายความมั่นคงและตำรวจ จะต้องจับกุมคนร้ายให้ได้เร็วที่สุด เพราะการวางระเบิดการกลางเมืองแบบนี้ เป็นการ "สร้างสัญญลักษณ์" เป็นหัวใจทางเศรษฐกิจ ซึ่งฝ่ายรัฐบาล และคสช. คงมองออกได้อยู่แล้ว อีกทั้งในสถานที่ดังกล่าว ย่อมต้องมีกล้องวงจรปิดมากมายน่าจะสามารถหาเบาะแสได้บ้าง เจ้าหน้าที่ต้องเร่งมือทำงาน แต่อย่างที่บอกงานนี้มันเสียหายใหญ่หลวง และคนที่หงุดหงิดมากกว่าใครน่าจะเป็น "ลุงตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นั่นแหละ !!
00 นี่ก็ไม่รูัว่าเป็นเรื่องประจวบเหมาะหรือเปล่า กับการที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้าคสช. มีกำหนดการลงพื้นที่ต่างจังหวัด เริ่มที่ภาคอีสาน ที่นครราชสีมา ในวันรุ่งขึ้นวันที่ 2 ก.พ. งานนี้ถือว่าเป็นการเดินสายพบชาวบ้าน รับฟังปัญหา และแสดงให้เห็นว่าต้องการแก้ปัญหาโดยตรง เพราะวาระสำคัญที่ อ.พิมาย ก็คือ การเป็นประธานประชุม กก.นโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) ครั้งที่ 1/58 มีนัยยะให้เห็นว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับเรื่องข้าว หลัง จากก่อนหน้านี้เร่งแก้ปัญหา เรื่องยางพารามาแล้ว และต้องไม่ลืมว่า ภาคอีสานและชาวนาเคยเป็นฐานเสียงของใครมาก่อน แม้ว่าในระยะสั้น จะยังแก้ปัญหาเรื่องราคายังไม่ค่อยได้ผล แต่อย่างน้อยการไปแสดงความจริงใจรับรู้ปัญหาถึงที่ มันก็พอสร้างความเข้าใจกันได้บ้าง !!
00 สำหรับ รองนายกฯฝ่ายความมั่นคง และ รมว.กลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ งานนี้ถือว่าถึงเวลาต้องพิสูจน์ฝีมือ เป็น"ไฟต์บังคับ" กันแล้ว เหตุการณ์ที่หน้าสยามพารากอน เมื่อคืนก่อน มันก็เหมือนกับการ "ลองของ" พี่ใหญ่คนนี้ เพราะที่ผ่านมาถือว่างานด้านความมั่นคง อยู่มือเขาทั้งหมด มีเครือข่ายทั้งในกองทัพและตำรวจ หน่วยงานข่าวเรียกว่า "ครบครัน" ก็น่าจับตากันว่า ต่อไปจะ "เอาอยู่" หรือไม่ นี่ยังไม่นับรวมเรื่องที่ไปประกาศว่าจะทำให้ราคายางพาราพุ่ง ขึ้นมาที่ ก.ก.ละ 80 บาท ภายใน 1 เดือน มันก็น่าลุ้นเหมือนกันว่าจะทำได้หรือเปล่า หลายอย่างเริ่มงวดเข้ามาแล้ว !!
