เกาะกระแส
00 จากการแถลงของตำรวจยืนยันว่าคดีลอบวางระเบิด"ป่วนเมือง"ที่บริเวณใกล้สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสสยามใกล้กับห้างสยามพารากอนเมื่อคืนวันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมานั้นมีความคืบหน้าไปกว่าร้อยละ 70 แล้วกำลังจะขอหมายจับสองคนร้าย รวมทั้งกำลังติดตามตัวคนขับแท็กซี่สีชมพูรายหนึ่งเพื่อหาเบาะแสสำคัญ ดูตามรูปการณ์แบบนี้แล้วเชื่อว่าคงจับได้แน่นอน เพราะจากหลักฐานจากกล้องวงจรปิดที่มีอยู่ทั่วกรุงเทพฯสามารถติดตามแกะรอยได้ไม่ยาก และเรื่องแบบนี้ต้องเชื่อมือตำรวจ แต่ปัญหาก็คือพวกนี้มันพวก"ลิ่วล้อกระจอก" ดังนั้นคำถามก็คือจะสาวไปถึงคนสั่งขึ้นไปเป็นทอดๆได้หรือไม่ งานนี้ก็ต้องวัดใจ ผบ.ตร.พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ที่เคยประกาศว่า"ใหญ่แค่ไหนก็จับ"จริงหรือเปล่า ขณะเดียวกันงานนี้ยังถือเป็นงานพิสูจน์ฝีมือของ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รองผบ.ตร.ว่าที่ ผบ.ตร.คนต่อไปอีกด้วย ว่า"เจ๋ง"จริงหรือเปล่า
00 ฟังจากคำพูดของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช.ที่ฟันธงออกมาทันทีหลังจากควันระเบิดไม่ทันจางดี ว่าเป็นฝีมือของ"พวกที่ขู่ว่าจะใช้ความรุนแรง" แม้ไม่เอ่ยชื่อออกมาโต้งๆ แต่แค่นี้มันก็เข้าใจได้อยู่แล้วว่าเป็นฝีมือของพวกไหน หากจับได้พวกที่ออกมาพูดจาข่มขู่ล้วนเกิดขึ้นหลังจาก ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ถูกถอดถอนจากคดีรับจำนำข้าว และถูกอัยการสูงสุดสั่งฟ้องคดีอาญา และมีใครกันบ้างละที่ถูกเชิญตัวไปปรับทัศนคติกันเป็นพรวน นอกจากนี้ยังมีการย้อนเปรียบเทียบคดีระเบิดที่"มีนบุรี"เพียงแค่นี้ก็พอหลับตานึกเห็นภาพแล้วว่าเป็น"สายไหน"
00 พูดถึงเรื่องปรับทัศนคติเมื่อวันก่อน แม้ว่าในภาพรวมต้องการป้องปรามไม่ให้บางคนพูดจาเลยเถิดสร้างกระแสจนเกิดความวุ่นวายตามมา บางคนก็ต้องการ"โชว์นาย"ทำนองว่าไม่ได้นิ่งเฉยยังเดือดร้อนแทนนายอยู่นะ แต่ขณะเดียวกันการจะให้ปิดปากเงียบไปเสียทั้งหมดมันก็ดูกระไรอยู่เหมือนกัน อย่างกรณีของ พิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว.พลังงาน ที่พักหลังออกมาคอมเมนท์ถี่ขึ้น แม้จะรู้ที่มาว่าเป็นแบบไหน แต่ถ้าไม่ถือสามากเกินไป มันก็อาจได้มุมมองที่แตกต่างออกไปบ้าง อย่างน้อยก็ได้เห็นวิธีคิดของพวกเขาเหมือนกัน
00 นับว่าเป็นปฏิกิริยาตอบรับที่สูงมากหลังจากที่ "ป๋าเปรม"เรียกร้องให้คนไทย"ทดแทนคุณแผ่นดิน"ด้วยการช่วยกันปราบปรามการทุจริตคอรัปชั่นในทุกรูปแบบชนิดที่เรียกว่า "เด็ดขาด รุนแรงและรวดเร็ว"ด้วยการตั้ง"ศาลฉ้อราษฎร์บังหลวง"ขึ้นมาเป็นการเฉพาะ งานนี้ให้จับตารัฐบาล โดยเฉพาะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่าจะขานรับให้เป็นรูปธรรมอย่างไรหรือไม่ แต่ในภาคประชาชนหลังจากประมวลจากเสียงแล้วยกมือหนุนกันเต็มเหนี่ยว และต้องให้เกิดขึ้นอย่างเร็วเสียด้วย !!
00 ใครจะมองลึกซึ้งอย่างไรก็แล้วแต่ แต่สำหรับการสั่งคดีฟ้องอาญา"บริษัทกุหลาบแก้ว"และ สุรินทร์ อุปพัทธกุล หรือ"ดาโต๊ะสุริทร์"ที่เป็นตัวละคร "นอมินี"สำคัญในการซื้อขายหุ้นชินคอร์ปฯให้กับกองทุนเทมาเส็ก สิงคโปร์ ของ ทักษิณ ชินวัตร กว่า 7 หมื่นล้านบาท เมื่อปี 49 โดยล่าสุดได้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันเมื่ออัยการสูงสุด ตระกูล วินิจฉัยภาค ได้ชี้ขาดให้ฟ้องอาญาไปเมื่อวันที่ 21 ม.ค.ที่ผ่านมาและเพิ่งมีการแถลงออกมาเมื่อสองสามวันก่อน ดังนั้นจะอย่างไรก็แล้วแต่ ถือว่าเป็นนิมิตหมายที่ดี เพราะนี่คือหนึ่งในมาตรการจัดการกับ"พวกโกงชาติ" แม้จะขุดรากถอนโคนไม่ได้ แต่ก็บั่นทอนสกัดไม่ให้ขยายวงออกไปไม่สิ้นสุดเหมือนก่อน ก็ต้องจับตากันต่อว่าจะไปถึงไหน เพราะยังไว้ใจไม่ได้ !!
00 ที่ต้องติดตามก็คือการประชุม"แม่น้ำห้าสาย"คือ รัฐบาล คสช.สนช.สปช.และกมธ.ยกร่างรธน.ว่าผลความคืบหน้าของแม่น้ำแต่ละสายจะไหลไปทางไหนบ้าง โดยเฉพาะเรื่องการปฏิรูป และการยกร่าง รธน.การออกกม.ฉบับสำคัญมีอะไรบ้างผ่านมาได้กี่ฉบับ แต่ที่ไม่ต้องคาดเดาก็คือ งานนี้จะ"ไม่พูดถึงการยกเลิกกฎอัยการศึก"แน่นอน แล้วไม่ต้องถามเหตุผลกันด้วย !!