ASTVผู้จัดการรายวัน - ผู้ว่าแบงก์ชาติคาดเศรษฐกิจไทยปี 58 จะเติบโตได้ 4% ฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป มีแรงหนุนจากการลงทุนภาครัฐ ย้ำปี 58 แบงก์ชาติยังคงใช้นโยบายการเงินผ่อนปรนต่อเนื่อง รับปากดูแลค่าเงินให้มีเสถียรภาพ เชื่อทุนสำรองสูงสามารถรับความผันผวนของเงินทุนเคลื่อนย้ายได้
นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คาดว่าเศรษฐกิจไทยปี 58 จะเติบโตได้ 4% จากปีก่อน แนวโน้มฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยมีอุปสงค์ในประเทศและภาคการท่องเที่ยวเป็นแรงขับเคลื่อนหลัก ขณะที่การส่งออกจะปรับตัวดีขึ้นจากปีก่อน แต่การเติบโตคงยังไม่สูงนัก เพราะเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้ายังไม่เข้มแข็ง และมูลค่าการส่งออกสินค้าเกษตรหลายรายการลดลง ขณะที่การใช้จ่ายภาครัฐโดยเฉพาะการลงทุนจะเป็นความหวังที่จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วย
"ผมขอให้ความมั่นใจว่าเศรษฐกิจไทยกำลังอยู่ในทิศทางของการฟื้นตัว โดยอัตราการฟื้นตัวไตรมาสต่อไตรมาสจะเติบโตอย่างค่อยเป็นค่อยไปในช่วงครึ่งแรกของปี และจะชัดเจนขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปีจากการลงทุนของรัฐบาลเข้าสู่ระบบเศรษบกิจมากขึ้น" นายประสารกล่าวและว่า ขณะที่การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่ยังไม่เข้มแข็งนักและข้อจำกัดด้านการผลิตของไทยจะทำให้การส่งออกขยายตัวไม่สูงดังเช่นในอดีต ดังนั้นภาวะเศรษฐกิจการเงินในปีนี้ยังมีความไม่แน่นอนและเกิดความผันผวนได้ นักธุรกิจและนักลงทุนไม่ควรประมาท
"ผมสนับสนุนให้ทุกท่านบริหารความเสี่ยงและความผันผวนจากทั้งอัตราแลกเปลี่ยนและราคาสินค้าโภคภัณฑ์ และควรเร่งสร้างภูมิคุ้มกันด้วยการปรับโครงสร้างทางการเงินให้มีความแข็งแกร่งและมีสัดส่วนหนี้สินต่อทุนที่ต่ำลง" ผู้ว่าฯ ธปท.กล่าวและยืนยันว่า ในปี 58 จะใช้นโยบายการเงินผ่อนปรนอย่างต่อเนื่อง เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศษฐกิจ และสอดคล้องกับการรักษาเสถียรภาพการเงินในระยะยาว
"ธปท.จะดูแลอัตราแลกเปลี่ยนให้มีเสถียรภาพ ไม่ให้ผันผวนมากเกินไป แต่ก็จะไม่ฝืนกลไกตลาด เชื่อว่าจากเงินทุนสำรองระหว่างประเทศที่อยู่ในระดับสูง และการดำเนินนโยบายที่เหมาะสมจะเป็นภูมิคุ้มกันเพื่อรองรับกับความผันผวนของเงินทุนเคลื่อนย้ายในปีนี้ได้"
นายประสารยังเปิดเผยถึงกรณีที่คณะกรรมการร่วม 3 สถาบันภาคเอกชน (กกร.) มีความกังวลต่อความผันผวนของค่าเงินบาทว่า ธปท.ได้รับทราบแล้วและจะมีการรับฟังข้อคิดเห็นของ กกร.ในวันที่ 11 ก.พ.นี้
ผู้สื่อข่าวรายงานค่าเงินบาทปิดตลาดเย็นวานนี้ (5 ก.พ.) อยู่ที่ระดับ 32.63/64 บาท/ดอลลาร์ จากเปิดตลาดช่วงเช้าที่ระดับ 32.62/63 บาท/ดอลลาร์ ระหว่างวันเงินบาทไปทำโลว์ที่ระดับ 32.58 บาท/ดอลลาร์ และทำไฮที่ระดับ 32.64 บาท/ดอลลาร์ ตามทิศทางของเงินทุนต่างประเทศ โดยนักบริหารเงินประเมินการเคลื่อนไหวของเงินบาทวันนี้ (6 ก.พ.) ว่าจะอยู่ในกรอบระหว่าง 32.60-32.70 บาท/ดอลลาร์.
นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คาดว่าเศรษฐกิจไทยปี 58 จะเติบโตได้ 4% จากปีก่อน แนวโน้มฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยมีอุปสงค์ในประเทศและภาคการท่องเที่ยวเป็นแรงขับเคลื่อนหลัก ขณะที่การส่งออกจะปรับตัวดีขึ้นจากปีก่อน แต่การเติบโตคงยังไม่สูงนัก เพราะเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้ายังไม่เข้มแข็ง และมูลค่าการส่งออกสินค้าเกษตรหลายรายการลดลง ขณะที่การใช้จ่ายภาครัฐโดยเฉพาะการลงทุนจะเป็นความหวังที่จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วย
"ผมขอให้ความมั่นใจว่าเศรษฐกิจไทยกำลังอยู่ในทิศทางของการฟื้นตัว โดยอัตราการฟื้นตัวไตรมาสต่อไตรมาสจะเติบโตอย่างค่อยเป็นค่อยไปในช่วงครึ่งแรกของปี และจะชัดเจนขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปีจากการลงทุนของรัฐบาลเข้าสู่ระบบเศรษบกิจมากขึ้น" นายประสารกล่าวและว่า ขณะที่การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่ยังไม่เข้มแข็งนักและข้อจำกัดด้านการผลิตของไทยจะทำให้การส่งออกขยายตัวไม่สูงดังเช่นในอดีต ดังนั้นภาวะเศรษฐกิจการเงินในปีนี้ยังมีความไม่แน่นอนและเกิดความผันผวนได้ นักธุรกิจและนักลงทุนไม่ควรประมาท
"ผมสนับสนุนให้ทุกท่านบริหารความเสี่ยงและความผันผวนจากทั้งอัตราแลกเปลี่ยนและราคาสินค้าโภคภัณฑ์ และควรเร่งสร้างภูมิคุ้มกันด้วยการปรับโครงสร้างทางการเงินให้มีความแข็งแกร่งและมีสัดส่วนหนี้สินต่อทุนที่ต่ำลง" ผู้ว่าฯ ธปท.กล่าวและยืนยันว่า ในปี 58 จะใช้นโยบายการเงินผ่อนปรนอย่างต่อเนื่อง เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศษฐกิจ และสอดคล้องกับการรักษาเสถียรภาพการเงินในระยะยาว
"ธปท.จะดูแลอัตราแลกเปลี่ยนให้มีเสถียรภาพ ไม่ให้ผันผวนมากเกินไป แต่ก็จะไม่ฝืนกลไกตลาด เชื่อว่าจากเงินทุนสำรองระหว่างประเทศที่อยู่ในระดับสูง และการดำเนินนโยบายที่เหมาะสมจะเป็นภูมิคุ้มกันเพื่อรองรับกับความผันผวนของเงินทุนเคลื่อนย้ายในปีนี้ได้"
นายประสารยังเปิดเผยถึงกรณีที่คณะกรรมการร่วม 3 สถาบันภาคเอกชน (กกร.) มีความกังวลต่อความผันผวนของค่าเงินบาทว่า ธปท.ได้รับทราบแล้วและจะมีการรับฟังข้อคิดเห็นของ กกร.ในวันที่ 11 ก.พ.นี้
ผู้สื่อข่าวรายงานค่าเงินบาทปิดตลาดเย็นวานนี้ (5 ก.พ.) อยู่ที่ระดับ 32.63/64 บาท/ดอลลาร์ จากเปิดตลาดช่วงเช้าที่ระดับ 32.62/63 บาท/ดอลลาร์ ระหว่างวันเงินบาทไปทำโลว์ที่ระดับ 32.58 บาท/ดอลลาร์ และทำไฮที่ระดับ 32.64 บาท/ดอลลาร์ ตามทิศทางของเงินทุนต่างประเทศ โดยนักบริหารเงินประเมินการเคลื่อนไหวของเงินบาทวันนี้ (6 ก.พ.) ว่าจะอยู่ในกรอบระหว่าง 32.60-32.70 บาท/ดอลลาร์.
