สศค. ปรับลดจีดีพีปีนี้เหลือโตเพียง 3.9% ต่ำกว่าศักยภาพของประเทศ ขณะที่การส่งออกน่าจะเป็นบวก และเติบโตได้ 1.4% ส่วนความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราที่เกิดจากมาตรการ QE ของยุโรป และญี่ปุ่น เชื่อว่า ธปท. สามารถดูแลได้ โดยจะไม่เกิดปัญหาซ้ำรอยปี 2551 ขณะที่ค่าเงินบาทเทียดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง 1.8% แต่เมื่อเทียบกับสกุลเงินในภูมิภาค แข็งค่าขึ้น 5.29%
นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง หรือ สศค. เปิดเผยว่า จากภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาส 4 ปี 2557 ที่เติบโตร้อยละ 2.3 สศค.จึงปรับลดประมาณการอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ หรือจีดีพี ปี 2557 ใหม่เหลือร้อยละ 0.7 จากเดิมที่ประเมินว่า จะอยู่ที่ร้อยละ 1.4 เนื่องจากการส่งออกหดตัวร้อยละ 0.2 เศรษฐกิจโลกฟื้นตัวช้า และการใช้จ่ายของภาครัฐค่อนข้างต่ำจากผลกระทบปัญหาทางการเมือง
ส่วนเศรษฐกิจปี 2558 สศค.ปรับลดประมาณการลงเช่นกัน เหลือโตร้อยละ 3.9 หรืออยู่ในกรอบร้อยละ 3.4-4.4 จากเดิมคาดว่าจะโตร้อยละ 4.1 ซึ่งถือว่าเป็นการเติบโตต่ำกว่าศักยภาพ 2 ปีต่อเนื่อง โดยแรงส่งคือ การใช้จ่ายภาครัฐที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 15.3 โดยเฉพาะจากโครงการลงทุนขนาดใหญ่ด้านคมนาคม และกรอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายการลงทุนในปี 2559 ที่เพิ่มขึ้นโดยคาดอัตราการเบิกจ่ายอยู่ที่ร้อยละ 70.5 ขณะที่การท่องเที่ยวมีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้นหลังจากสถานการณ์ทางการเมืองคลี่คลาย บวกกับการบริโภคภาคเอกชนปรับตัวดีขึ้นอยู่ที่ร้อยละ 3.1 การลงทุนภาคเอกชนอยู่ที่ร้อยละ 7.2 ตามภาวะเศรษฐกิจที่คาดว่าจะดีขึ้น
ส่วนภาคการส่งออกขยายตัวในอัตราที่ลดลงจากเดิมมองว่าโตร้อยละ 3.5 เหลือเพียงร้อยละ 1.4 เนื่องจากมีข้อจำกัดในการขยายตัวจากความไม่แน่นอนของการฟื้นตัวเศรษฐกิจโลก โดยคาดการณ์เศรษฐกิจโลกโตร้อยละ 3.8 ประกอบกับสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงอยู่ที่ประมาณ 45.87 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ซึ่งมีผลต่อราคาสินค้าโภคภัณฑ์ให้ปรับตัวลดลงไปด้วย ขณะที่ภาวะเงินเฟ้อในปีนี้อยู่ที่ร้อยละ 0.9 ซึ่งลดลงตามราคาน้ำมันดิน และราคาสินค้าโภคภัณฑ์ปรับในตลาดโลกที่มีทิศทางขาลง
ส่วนความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราที่เกิดจากมาตรการ QE ของยุโรป และญี่ปุ่น เชื่อว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย สามารถดูแลได้ โดยจะไม่เกิดปัญหาซ้ำรอยปี 2551 ซึ่งทาง สศค.ประเมินค่าเงินบาทปีนี้เมื่อเทียบกับดอลลาร์อ่อนค่าลงอยู่ที่ 33.06 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ หรืออ่อนลงร้อยละ 1.8 แต่หากเทียบกับประเทศคู่แข่งแข็งค่าขึ้นร้อยละ 5.29
