ASTVผู้จัดการรายวัน- รถร่วมฯขสมก. ฮึ่มถกวันนี้(2ก.พ.)ก่อนตบเท้าพบ"คมนาคม"ปรับขึ้นค่าโดยสารหลัง NGVขยับราคาอีก 50 สต./กก. จวกราคาอุดหนุนอั้นแค่ 3 หมื่นบ./เดือน แถมยังแบกค่าแรงเพิ่ม ขณะที่รถบรรทุกลั่นเตรียมหันไปซบ"ดีเซล"หลัง NGV เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ด้าน"สนพ." แย้มโครงสร้างราคาหากรวมภาษีสรรพสามิต และกองทุนน้ำมันฯอาจจ่อ 20 บ./กก.แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับนโยบายรัฐบาลจะตัดสินใจ
นางภัทรวดี กล่อมจรูญ นายกสมาคมผู้ประกอบการรถโดยสารประจำทาง (รถร่วมบริการ ขสมก.) เปิดเผยว่า วันนี้ ( 2 ก.พ.) ทางสมาคมฯ จะประชุมสมาชิกทั้งหมด ถึงผลกระทบและแนวทางแก้ไขปัญหาต้นทุน หลังจากที่คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) มีมติปรับโครงสร้างราคาก๊าซธรรมชาติสำหรับรถยนต์ (NGV) ราคาขายปลีกเพิ่มอีก 0.50 บาทต่อ กก. จากปัจจุบันอยู่ที่ 12.50 บาทต่อ กก.เป็น 13 บาทต่อ กก.ส่วน NGV สำหรับรถสาธารณะซึ่งอยู่ระดับ 9.50 บาทต่อ กก. จะเป็น 10 บาทต่อ กก. มีผลตั้งแต่วันที่ 31 มกราคมเป็นต้นไป เมื่อได้ข้อสรุปภายในสัปดาห์นี้ จะขอเข้าพบนายพงษ์ไชย เกษมทวีศักดิ์ รองปลัดกระทรวงคมนาคม ในฐานะประธานคณะกรรมการควบคุมขนส่งทางบกกลาง เพื่อหามาตรการช่วยเหลือร่วมกันต่อไป
ทั้งนี้ ราคาค่าโดยสารที่ผู้ประกอบการรถร่วมฯขสมก.ได้รับอนุมัติให้จัดเก็บในปัจจุบัน สำหรับรถร้อน 8 บาทนั้นต่ำกว่าต้นทุนจริงมากแล้ว และที่ผ่านมาไม่ได้รับการปรับตามราคาก๊าซ NGV ที่เพิ่มขึ้นเลย ซึ่งเมื่อปลายปี 2556 กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) ได้ศึกษาต้นทุนราคาก๊าซNGV ที่ 8.50 บาทต่อกก. ว่า ต้นทุนค่าโดยสารควรอยู่ทึ่ 9.61 บาท และต่อมา ราคาก๊าซNGV ปรับขึ้นมาอยู่ที่ 9.50 บาทต่อกก.แต่ไม่มีการพิจารณาให้ปรับค่าโดยสารแต่อย่างใด
นอกจากนี้การที่ผู้ประกอบการได้รับอุดหนุนค่าก๊าซ NGV ให้ถูกกว่าราคาขายปลีกทั่วไป 3 บาทต่อกก.นั้น มีการจำกัดที่คันละไม่เกิน 3 หมื่นบาทต่อเดือน ซึ่งในความเป็นจริง จะใช้ราคาที่อุดหนุนเพียงพอแค่ครึ่งเดือน ที่เหลืออีกครึ่งเดือนจะต้องเติมก๊าซในราคาปกติทั่วไป ยิ่งทำให้ผู้ประกอบการเดือดร้อนมากขึ้นเพราะต้องแบกรับภาระต้นทุนที่สูงมากกว่าค่าโดยสารที่จัดเก็บได้ และนอกจากต้นทุนด้านเชื้อเพลิงแล้ว ผู้ประกอบการยังได้รับผลกระทบจากค่าแรงขั้นต่ำที่ปรับขึ้นถึง 40% ต้นทุนการปรับเปลี่ยนเครื่องยนต์จากที่ใช้น้ำมันดีเซลเป็นเชื้อเพลิง มาเป็นก๊าซ NGV ซึ่งมีต้นทุนใสการดูแลซ่อมบำรุงสูงกว่าอีกด้วยแต่เป็นมาตรการที่ภาครัฐขอความร่วมมือจากผู้ประกอบการในช่วงราคาน้ำมันดีเซลเพิ่มสูงขึ้น เพื่อให้ตงอัตราค่าโดยสารไม่ให้ประชาชนเดือดร้อน
"ตอนที่ราคาน้ำมันดีเซลแพง รัฐขอให้ผู้ประกอบการเปลี่ยนไปใช้ก๊าซ NGV ก็มีการลงทุนกันโดยกู้เงินมาเปลี่ยนเครื่องยนต์ แบกภาระดอกเบี้ยกันเอง เ แต่พอราคาก๊าซขึ้นรัฐไม่อนุมัติให้ขึ้นราคา ผลักภาระให้ผู้ประกอบการมาโดยตลอด ถึงวันนี้ ยังใช้หนี้เปลี่ยนเครื่องยนต์มาเป็นNGV ไม่หมด ค่าก๊าซขึ้นและอนาคตจะขึ้นอีกจึงต้องเรียกร้องให้รัฐพิจารณาเรื่องค่าโดยสารเพื่อให้สอดคล้องและเป็นไปตามกลไกตลาด โดยรถร่วมฯขสมก.กว่า 2,500 คันเป็นรถใช้ก๊าซ NGV ทั้งหมดแล้ว "
นายวรวิทย์ เจริญวัฒนพันธ์ นายกสมาคมขนส่งสินค้าและโลจิสติกส์ไทย กล่าวว่า การปรับขึ้นของ NGV อีก 50 สตางค์ต่อกก. กลุ่มผู้ประกอบการภาคขนส่งจะรณรงค์ทยอยลดและประกาศหยุดการใช้ก๊าซ NGV เนื่องจากราคาก๊าซที่เพิ่มขึ้นและมีแนวโน้มจะขยับต่อไปอีกนั้นเมื่อเปรียบเทียบกับราคาน้ำมันดีเซลในขณะนี้ พบว่า จะมีต้นทุนเฉลี่ยที่ใกล้เคียงกัน แต่ค่าใช้จ่ายซ่อมแซ่มการสึกหรอของผู้ใช้ก๊าซและการเสียเวลาในการรอเติมก๊าซจะมีผลกระทบมากกว่า
สนพ.รับNGVหากรวมภาษีฯ จ่อ20บ.
นายประเสริฐ สินสุขประเสริฐ รองผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผนพลังงาน(สนพ.) กล่าวว่า รัฐบาลมีนโยบายที่จะปรับโครงสร้างราคา NGV ให้สะท้อนต้นทุนที่แท้จริงและจะต้องมีอัตราภาษีต่างๆ เหมือนกับเชื้อเพลิงภาคขนส่งอื่นๆ ดังนั้นหากพิจารณาในแง่ภาษีสรรพสามิตน้ำมัน NGV ก็ควรจะต้องเก็บใกล้เคียงระดับ 4-5 บาทต่อกก. ขณะที่ราคาหากพิจารณาขณะนี้แม้ว่าล่าสุดจะปรับขึ้น 0.50 บาทต่อกก.เป็น 13 บาทต่อกก.ขณะที่ต้นทุนอยู่ประมาณ 15 บาทต่อกก.เฉพาะต้นทุนก็ยังต้องปรับขึ้นต่อ
"นโยบายรัฐคือน้ำมันขนส่งราคาจะไม่ต่างกันมากและเน้นที่ค่าความร้อนเพราะเรานำเข้าน้ำมันทั้งหมดและก๊าซฯเองอนาคตก็ต้องนำเข้ามากขึ้น ดังนั้น NGV ก็ต้องมีภาษีสรรพสามิต และก็จะต้องดูว่ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงจะต้องมีหรือไม่ด้วยเพราะที่สุดแล้วหากราคาสะท้อนต้นทุนก็ควรจะลอยตัวและอาจต้องมีการเก็บเงินแยกสะสมคล้ายกับแอลพีจี หากโครงสร้างเป็นไปตามนี้แล้ว NGV รวมภาษีฯ กองทุนน้ำมันฯก็อาจจะไปแตะ20บาทต่อกก. อย่างไรก็ตามสนพ.อยู่ระหว่างการศึกษาจะเลือกใช้แนวทางใดในการปรับโครงสร้างราคา ซึ่งยอมรับว่าไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะหากไม่เริ่มทำในรัฐบาลชุดนี้ เพราะถ้าเป็นรัฐบาลที่มาจากพรรคการเมืองจะไม่กล้าตัดสินเกรงจะกระทบกับประชาชน "นายประเสริฐสุขกล่าว
นางภัทรวดี กล่อมจรูญ นายกสมาคมผู้ประกอบการรถโดยสารประจำทาง (รถร่วมบริการ ขสมก.) เปิดเผยว่า วันนี้ ( 2 ก.พ.) ทางสมาคมฯ จะประชุมสมาชิกทั้งหมด ถึงผลกระทบและแนวทางแก้ไขปัญหาต้นทุน หลังจากที่คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) มีมติปรับโครงสร้างราคาก๊าซธรรมชาติสำหรับรถยนต์ (NGV) ราคาขายปลีกเพิ่มอีก 0.50 บาทต่อ กก. จากปัจจุบันอยู่ที่ 12.50 บาทต่อ กก.เป็น 13 บาทต่อ กก.ส่วน NGV สำหรับรถสาธารณะซึ่งอยู่ระดับ 9.50 บาทต่อ กก. จะเป็น 10 บาทต่อ กก. มีผลตั้งแต่วันที่ 31 มกราคมเป็นต้นไป เมื่อได้ข้อสรุปภายในสัปดาห์นี้ จะขอเข้าพบนายพงษ์ไชย เกษมทวีศักดิ์ รองปลัดกระทรวงคมนาคม ในฐานะประธานคณะกรรมการควบคุมขนส่งทางบกกลาง เพื่อหามาตรการช่วยเหลือร่วมกันต่อไป
ทั้งนี้ ราคาค่าโดยสารที่ผู้ประกอบการรถร่วมฯขสมก.ได้รับอนุมัติให้จัดเก็บในปัจจุบัน สำหรับรถร้อน 8 บาทนั้นต่ำกว่าต้นทุนจริงมากแล้ว และที่ผ่านมาไม่ได้รับการปรับตามราคาก๊าซ NGV ที่เพิ่มขึ้นเลย ซึ่งเมื่อปลายปี 2556 กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) ได้ศึกษาต้นทุนราคาก๊าซNGV ที่ 8.50 บาทต่อกก. ว่า ต้นทุนค่าโดยสารควรอยู่ทึ่ 9.61 บาท และต่อมา ราคาก๊าซNGV ปรับขึ้นมาอยู่ที่ 9.50 บาทต่อกก.แต่ไม่มีการพิจารณาให้ปรับค่าโดยสารแต่อย่างใด
นอกจากนี้การที่ผู้ประกอบการได้รับอุดหนุนค่าก๊าซ NGV ให้ถูกกว่าราคาขายปลีกทั่วไป 3 บาทต่อกก.นั้น มีการจำกัดที่คันละไม่เกิน 3 หมื่นบาทต่อเดือน ซึ่งในความเป็นจริง จะใช้ราคาที่อุดหนุนเพียงพอแค่ครึ่งเดือน ที่เหลืออีกครึ่งเดือนจะต้องเติมก๊าซในราคาปกติทั่วไป ยิ่งทำให้ผู้ประกอบการเดือดร้อนมากขึ้นเพราะต้องแบกรับภาระต้นทุนที่สูงมากกว่าค่าโดยสารที่จัดเก็บได้ และนอกจากต้นทุนด้านเชื้อเพลิงแล้ว ผู้ประกอบการยังได้รับผลกระทบจากค่าแรงขั้นต่ำที่ปรับขึ้นถึง 40% ต้นทุนการปรับเปลี่ยนเครื่องยนต์จากที่ใช้น้ำมันดีเซลเป็นเชื้อเพลิง มาเป็นก๊าซ NGV ซึ่งมีต้นทุนใสการดูแลซ่อมบำรุงสูงกว่าอีกด้วยแต่เป็นมาตรการที่ภาครัฐขอความร่วมมือจากผู้ประกอบการในช่วงราคาน้ำมันดีเซลเพิ่มสูงขึ้น เพื่อให้ตงอัตราค่าโดยสารไม่ให้ประชาชนเดือดร้อน
"ตอนที่ราคาน้ำมันดีเซลแพง รัฐขอให้ผู้ประกอบการเปลี่ยนไปใช้ก๊าซ NGV ก็มีการลงทุนกันโดยกู้เงินมาเปลี่ยนเครื่องยนต์ แบกภาระดอกเบี้ยกันเอง เ แต่พอราคาก๊าซขึ้นรัฐไม่อนุมัติให้ขึ้นราคา ผลักภาระให้ผู้ประกอบการมาโดยตลอด ถึงวันนี้ ยังใช้หนี้เปลี่ยนเครื่องยนต์มาเป็นNGV ไม่หมด ค่าก๊าซขึ้นและอนาคตจะขึ้นอีกจึงต้องเรียกร้องให้รัฐพิจารณาเรื่องค่าโดยสารเพื่อให้สอดคล้องและเป็นไปตามกลไกตลาด โดยรถร่วมฯขสมก.กว่า 2,500 คันเป็นรถใช้ก๊าซ NGV ทั้งหมดแล้ว "
นายวรวิทย์ เจริญวัฒนพันธ์ นายกสมาคมขนส่งสินค้าและโลจิสติกส์ไทย กล่าวว่า การปรับขึ้นของ NGV อีก 50 สตางค์ต่อกก. กลุ่มผู้ประกอบการภาคขนส่งจะรณรงค์ทยอยลดและประกาศหยุดการใช้ก๊าซ NGV เนื่องจากราคาก๊าซที่เพิ่มขึ้นและมีแนวโน้มจะขยับต่อไปอีกนั้นเมื่อเปรียบเทียบกับราคาน้ำมันดีเซลในขณะนี้ พบว่า จะมีต้นทุนเฉลี่ยที่ใกล้เคียงกัน แต่ค่าใช้จ่ายซ่อมแซ่มการสึกหรอของผู้ใช้ก๊าซและการเสียเวลาในการรอเติมก๊าซจะมีผลกระทบมากกว่า
สนพ.รับNGVหากรวมภาษีฯ จ่อ20บ.
นายประเสริฐ สินสุขประเสริฐ รองผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผนพลังงาน(สนพ.) กล่าวว่า รัฐบาลมีนโยบายที่จะปรับโครงสร้างราคา NGV ให้สะท้อนต้นทุนที่แท้จริงและจะต้องมีอัตราภาษีต่างๆ เหมือนกับเชื้อเพลิงภาคขนส่งอื่นๆ ดังนั้นหากพิจารณาในแง่ภาษีสรรพสามิตน้ำมัน NGV ก็ควรจะต้องเก็บใกล้เคียงระดับ 4-5 บาทต่อกก. ขณะที่ราคาหากพิจารณาขณะนี้แม้ว่าล่าสุดจะปรับขึ้น 0.50 บาทต่อกก.เป็น 13 บาทต่อกก.ขณะที่ต้นทุนอยู่ประมาณ 15 บาทต่อกก.เฉพาะต้นทุนก็ยังต้องปรับขึ้นต่อ
"นโยบายรัฐคือน้ำมันขนส่งราคาจะไม่ต่างกันมากและเน้นที่ค่าความร้อนเพราะเรานำเข้าน้ำมันทั้งหมดและก๊าซฯเองอนาคตก็ต้องนำเข้ามากขึ้น ดังนั้น NGV ก็ต้องมีภาษีสรรพสามิต และก็จะต้องดูว่ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงจะต้องมีหรือไม่ด้วยเพราะที่สุดแล้วหากราคาสะท้อนต้นทุนก็ควรจะลอยตัวและอาจต้องมีการเก็บเงินแยกสะสมคล้ายกับแอลพีจี หากโครงสร้างเป็นไปตามนี้แล้ว NGV รวมภาษีฯ กองทุนน้ำมันฯก็อาจจะไปแตะ20บาทต่อกก. อย่างไรก็ตามสนพ.อยู่ระหว่างการศึกษาจะเลือกใช้แนวทางใดในการปรับโครงสร้างราคา ซึ่งยอมรับว่าไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะหากไม่เริ่มทำในรัฐบาลชุดนี้ เพราะถ้าเป็นรัฐบาลที่มาจากพรรคการเมืองจะไม่กล้าตัดสินเกรงจะกระทบกับประชาชน "นายประเสริฐสุขกล่าว