xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

​ปรากฏการณ์ย้าย “ผู้การสุพรรณบุรี” ”​​ตรงเป้า - กระแทกยอดอก “บรรหาร”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - น่าประหลาดใจอยู่พอสมควรกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง แต่กลาย“เป็นเรื่อง”จนต้องเด้งพล.ต.ต.ชัชชรินทร์ สว่างวงศ์ ผู้บังคับการจังหวัดสุพรรณบุรี ภายใน 24 ชั่วโมงด้วยข้อหาวางตัวไม่เป็นกลาง...เขาว่าอย่างนั้นจริงๆไม่เชื่อก็ลองมาอ่านคำแถลงการณ์ของพล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วยผบ.ตร.ในฐานะโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ บอกกับนักข่าวถึงเหตุผลในเรื่องนี้ว่า....

“การที่ ผบก.จว.สุพรรณบุรี ออกหนังสือคำสั่งทางราชการบังคับให้ข้าราชการตำรวจระดับ รองผู้บังคับการ - สารวัตร ที่ได้รับตำแหน่งใหม่จำนวน 28 นายในสังกัดเข้าพบนายบรรหาร ศิลปะอาชา อดีตนายกรัฐมนตรีที่บ้านพักถนนจรัญสนิทวงศ์ กทม.จนพล.ต.ท.วีรพงษ์ ชื่นภักดี ผบช.ภ.7 ต้องสั่งย้ายไปช่วยราชการชั่วคราวที่ศูนยืปฏิบัติการตำรวจภูธรภาค 7 ก็เพื่อความเหมาะสม ทั้งนี้ตามหลักปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการตำรวจทุกคนนั้น จะต้องวางตัวเป็นกลางทางการเมือง ไม่เลือกข้าง และไม่จำเป็นต้องเข้าไปรายงานตัวกับใคร”

.....”กรณีดังกล่าวเมื่อพบว่าตำรวจวางตัวไม่เป็นกลาง และมีการออกคำสั่งเป็นหนังสือราชการให้ผู้ใต้บังคับบัญชาซึ่งไม่ทราบว่าเต็มใจหรทอไม่ไปเข้าพบนักการเมืองที่ถึงแม้จะเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ที่สังคมให้ความเคารพนับถือ แต่ก็เป็นสิ่งไม่สมควร เหมาะสม ดังนั้น ผู้บังคับบัญชาจึงต้องดำเนินการตามระเบียบขั้นตอนและความเหมาะสม การเรียกผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.สุพรรณบุรี เข้ามาช่วยราชการนั้นคงเป็นการเรียกมาเพื่อปรับทัศนคติในการปฏิบัติงานว่าท่านได้ใช้ดุลยพินิจอย่างไรจึงได้ดำเนินการออกคำสั่งดังกล่าวจนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ของสังคม”.....
เป็นอันว่าข้อหาหลักของการออกคำสั่งให้ลุกน้อง 28 นายไปขอรับโอวาทจากนายบรรหาร อดีตนายกรัฐมนตรีที่บ้านพักนั้นมีความไม่เหมาะสมหลายประการ อาทิเช่น 1 คือวางตัวไม่เป็นกลาง (ทางการเมืองซะด้วย) อันดับ 2 ในคำสั่งผบก.จ.สุพรรณบุรี คล้ายกับเป็นการบีบบังคับ เช่นบางตอนในคำสั่งระบุว่า “การเดินทางไปคาราวะนายบรรหาร นั้นถือเป็นนโยบายของ ภ.จว.สุพรรณบุรี จึงห้ามขัดข้องอย่างเด็ดขาด”...ตรงนี้แหละ..ลูกน้องท่านผู้การฯจึงอยากลองของ ปล่อยคำสั่งไปทางโลกออนไลน์มันซะเลย

และที่โดนใจคนรู้ทันน่าจะมาจากการระบุตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ของ “มังกรสุพรรณ”ด้วยโดยหัวหนังสือแจ้งข้าราชการฯดังกล่าวระบุว่า แจ้งข้าราชการที่ได้รับการแต่งตั้งเข้าพบนายบรรหาร ศิลปะอาชา นายกรัฐมนตรีคนที่ 21

ตรงนี้เช่นกันที่คนรู้ทันเขาบอกว่าช่างเป็นลิ้นกระดาษทรายน้ำลายเชลแล็กจริงๆ เพราะตามปกติควรใช้ว่า “อดีตนายกรัฐมนตรี”หรืออะไรก็สุดแท้แต่..เจตนาที่ระบุว่า “นายกรัฐมนตรีคนที่ 21”โดยไม่มี “อดีต”นำหน้านั้นเป็นที่ทราบกันดีว่านายบรรหาร ถูกใจกับคำๆนี้มาก หากมีงานสำคัญและมีโอกาสร่วมพิธี ถ้าโฆษกกล่าวเชิญว่า “อดีต...นายกรัฐมนตรี”เมื่อไหร่ “มังกรสุพรรณ”ร่างเตี้ยจะอารมณ์ขุ่นมัวทั้งวัน

รวมๆข้อหาที่ควรแจ้งกับ ผบก.จ.สุพรรณบุรี ก็คือกระทำการโดยเอิกเกริก และออกนอกหน้าจนเกินไป ส่วนข้อหาไม่วางตัวเป็นกลางทางการเมือง บอกตรงๆว่าจั๊กจี้..มันจะอะไรกันนักกันหนา...เรื่องเป็นกลางหรือเลือกข้างเลือกสีมองอย่างไรการเกณฑ์ลุกน้องไปคารวะผู้อาวุโสในฐานะเจ้าของถิ่นไม่เห็นจะเอียงข้าง หรือฝักไฝ่พรรคชาติไทยพัฒนา อะไรตรงไหน

ว่ากันอย่างตรงไปตรงมา ไม่ต้องอ้อมค้อม...การเข้าพบนายบรรหาร เพื่อขอโอวาทข้าราชการที่ย้ายมาสุพรรณบุรี เขาทำกันเป็นประเพณีนานแล้ว ไม่ว่าจะเชลียร์ หรือด้วยความเคารพนับถือ ถ้าไม่มีอคติคือเรื่องดีทั้งนั้น อย่าลืมว่าสังคมไทยเป็นสังคมอุปถัมป์ เป็นสังคมแห่งการนอบน้อมให้เกียรติผู้มีอาวุโส

นายบรรหาร คือใคร มีความหมายอย่างไรกับจ.สุพรรณบุรี ถ้าไม่โกหกตัวเองก็ต้องยอมรับว่าเขาคือนักการเมืองที่ชาวสุพรรณฯให้ความนิยมอย่างสูงสุด เป็นตำนานคู่เมืองสุพรรณ..อดีตดี-เลวอย่างไรลองไล่ประวัติกันดู ปี 2529-2531 เป็น รมว.เกษตรและสหกรณ์ และรมว.คมนาคม ยุครัฐบาลพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ 2531 -2534 เป็น รมว.อุตสาหกรรมรมว.มหาดไทย และรมว.คลัง ยุครัฐบาลพล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ และ ช่วงสั้นๆของรัฐบาลพล.อ.สุจินดา คราประยูร ได้เป็น รมว.คมนาคม ต่อมา พ.ศ.2537 ขึ้นมาเป็นหัวหน้าพรรคชาติไทย เป็นผู้นำฝ่ายค้านในสมัยรัฐบาลนายชวน หลีกภัย

พ.ศ. 2538 -2539 ได้เป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 21 ของประเทศไทยและควบตำแหน่ง รมว.มหาดไทย

ผลงานโดดเด่นคือการเริ่มร่างรัฐธรรมนูญฉบับ ปี พ.ศ.2540 หรือรัฐธรรมนูญฉบับที่ 16 แห่งราชอาณาจักรไทย

นั่นคือประวัติคร่าวๆก่อนจะมาร่วมหัวจมท้ายกับระบบ “ทักษิณ”

ดี-เลว ถูกใจหรือไม่ถูกใจ อันนี้ไม่ว่ากันแต่ถ้าเปิดใจกว้างการเข้าพบเพื่อรับโอวาทคนเป็นอดีตนายกรัฐมนตรี มันจะเข้าข่ายไม่วางตัวเป็นกลาง หรือเลวร้ายตรงไหน ถ้ามองโลกทางบวก ไม่วูบวาบตามอารมณ์ของกระแสออนไลน์เหตุผลหนึ่งก็น่าจะเป็น “กุศโลบาย”ของผบก.จ.สุพรรณบุรี

กุศโลบาย มาจากคำผสมสองคำคือ “กุศล กับ อุบาย”แปลว่าเป็นอุบายที่ชอบที่ควรทำเพื่อเอาชนะใจหรือผูกใจผู้อื่น...ตรงนี้ท่านพล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วยผบ.ตร.ในฐานะโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ อาจจะลืมไปว่าการทำงานในพื้นที่ของตำรวจแต่ละแห่งสิ่งแรกก็คือแสวงหาความร่วมมือจากประชาชน รวมทั้งผู้นำชุมชน...
 
ถามท่านโฆษกฯตรงๆแล้วที่สุพรรณ ใครจะเหมาะเท่ากับนายบรรหาร

มันก็แค่นี้...แค่นี้จริงๆ..ส่วนจะมองทางอื่นเช่นไม่ถูกใจผู้มีอำนาจ หรือไม่สบอารมณ์ใครนั่นเป็นเรื่องที่ควรให้ความเป็นธรรมแก่พล.ต.ต.ชัชชรินทร์ สว่างวงศ์ ผบก.สุพรรณบุรี ด้วย...ท่านโฆษกบอกว่าเรียก “ผู้การ”ไปปรับทัศนคติในการปฏิบัติงานก็เลยอยากฝากไปยังผู้หลักผู้ใหญ่ทั้งหลาย แล้วอย่าลืมส่องกระจกดู ลองปรับทัศนคติตัวเองกันบ้างคงดีไม่น้อยเพราะบางเรื่องมันวูบๆวาบๆตามกระแส บางเรื่องควรจัดระเบียบ หรือลงโทษแบบใช้ไม้เรียวท่านก็เอาขวานจามกระบาลกันเลย

สำหรับนายบรรหาร ที่ยกประวัติด้านหนึ่งมาอ้างนั้น แค่เพียงอยากเตือนสติสังคม...ไม่มีใครที่ไหนดีสุดขั้วหรือชั่วสุดขีด บางเรื่อง บางพฤติการณ์เช่นทำตัวเป็นรัฐมนตรีแฝงบ้าง หรือมีตำแหน่งเป็นประธานที่ปรึกษารัฐมนตรีฯ2-3 กระทรวงในอดีต ก็เป็นเรื่องที่สังคมเคยท้วงติง และวิพากษ์วิจารณ์อย่างสาดเสียเทเสียกันมาแล้ว

สรุปว่า “เกม” นี่ก็คือการ “เอาคืน”ความแค้นฝังใจในอดีต ส่วนใครจะแค้นใคร “นายกรัฐมนตรี คนที่ 21”น่าจะรู้ดีกว่าใครเพื่อน แต่คงไม่ใช่การเบี้ยวสัญญาเมื่อ ปี 50 ที่ “มังกรเติ้ง”ประกาศว่า “จะไม่ทำให้ผู้ใหญ่ที่นับถือมา 30 ปีต้องผิดหวัง” ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นได้ส่งสัญญาณทางการเมืองอย่างชัดๆว่า “อำนาจปัจจุบัน”ไม่ให้ราคากับนายบรรหาร หรือพรรคชาติไทยพัฒนา แม้แต่น้อย

การย้ายเพื่อปรับทัศนคติผู้การจังหวัดสุพรรณบุรี คือเกมเชือด...ลิงสีกากีโปรดดูเป็นตัวอย่าง !!??


กำลังโหลดความคิดเห็น