หน.ปชป.เข้าถกลับ “ธนะศักดิ์” ตามนัด รับห่วงความขัดแย้งทั้งคู่ แจงตนเดินสายพบกลุ่มต่างๆ ผบ.สส.หนุน เหตุหวังคลี่คลายปัญหา การเมืองต้องแก้การเมือง กองทัพทำตาม รธน. พร้อมขอบคุณไม่ฝักใฝ่การเมือง ดำเนินการตามที่ปชช.ห่วง ยันไม่เคยต่อรองใคร ไร้ผลประโยชน์ ชี้ทางออกคือปฏิรูปอยู่ใต้ รธน. ประเมินเองคุย กปปส.หรือไม่ ย้ำ 2 สัปดาห์ไม่สำเร็จก็จบ ยก ปชช.ไม่สบายใจ “สายหยุด” ขอพึ่งพระบารมี
วันนี้ (28 เม.ย.) ที่กองบัญชาการกองทัพไทย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้เดินทางมาพบ พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เพื่อหารือแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมืองในปัจจุบันเป็นการส่วนตัว โดยไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าบันทึกภาพหรือทำข่าวแต่อย่างใด ทั้งนี้ในการหารือทั้งสองคนได้แสดงความห่วงใยต่อสถานการณ์ความขัดแย้งสูงในปัจจุบัน นายอภิสิทธิ์ได้ชี้แจงถึงสถานการณ์และแสดงเจตนาในการเดินทางไปพบปะกับกลุ่มต่างๆ เพื่อเสนอแนวทางในการแก้ไขปัญหาซึ่งจะเป็นไปตามกรอบรัฐธรรมนูญและกฎหมาย ขณะที่ผู้บัญชาการทหารสูงสุดเห็นด้วยต่อแนวทางของนายอภิสิทธิ์ที่จะเดินทางไปพบปะกับกลุ่มต่างๆ เพื่อแก้ไขปัญหาทางด้านการเมือง สำหรับกองทัพเห็นว่าปัญหาทางการเมืองควรแก้ไขด้วยแนวทางทางการเมือง โดยกองทัพได้แสดงจุดยืนในการปฏิบัติหน้าที่ตามความรับผิดชอบยึดมั่นในรัฐธรรมนูญกฎหมาย เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นสำคัญ โดยใช้เวลาหารือประมาณ 2 ชั่วโมง
จากนั้นนายอภิสิทธิ์แถลงถึงผลการหารือว่า ตนมานำเสนอความพยายามที่จะเสนอทางออกในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง และได้มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นถึงสถานการณ์ต่างๆ โดยทั้งตนและผู้บัญชาการทหารสูงสุดมีความห่วงใยสถานการณ์ปัจจุบันอย่างมาก เพราะยังมีความขัดแย้ง ความรุนแรงที่ยังคงดำรงอยู่ในสังคม หลายฝ่ายยังมองภาพไม่ชัดว่าสถานการณ์จะคลี่คลายไปอย่างไร และยังเห็นตรงกันว่าสถานการณ์ต่อไปนี้เป็นสถานการณ์ที่มีความเปราะบางซึ่งตนได้อธิบายแนวคิดที่เป็นหลักการสำคัญในการเสนอทางเลือก หรือคำตอบให้กับสังคม และได้มีการอธิบายแนวทางในการทำงานต่อไป ซึ่งตนจะเดินทางไปพบกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในช่วงเช้าวันพรุ่งนี้ และจะเดินสายไปพบกับกลุ่มต่างๆ เพื่ออธิบายแนวความคิดนำไปสู่ทางออกต่อไป ส่วนการเข้าพบนายบรรหาร ศิลปะอาชา ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติไทยพัฒนา ยังไม่มีการตอบรับ
“ผู้บัญชาการทหารสูงสุดสนับสนุนในสิ่งที่ผมทำ ท่านต้องการเห็นฝ่ายต่างๆ ช่วยกันคลี่คลายสถานการณ์และเห็นว่าความพยายามใดๆ ที่จะช่วยแก้ไขปัญหาได้ก็เป็นสิ่งที่สมควรทำ โดยปัญหาทางด้านการเมืองท่านเห็นตรงกับผมว่าเป็นเรื่องที่ฝ่ายการเมืองต้องมีส่วนในการแก้ไขปัญหาเป็นสำคัญ และยืนยันว่ากองทัพจะยึดมั่นในการปฏิบัติภารกิจตามรัฐธรรมนูญ เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นสำคัญ ทั้งนี้ ผมได้แสดงความขอบคุณกองทัพที่ดำรงบทบาทตามรัฐธรรมนูญ ไม่ได้แสดงความเป็นฝักใฝ่ทางการเมือง แต่ปฏิบัติภารกิจอย่างเข้มแข็งในการดูแลความมั่นคง และประโยชน์สุขของประชาชน และกองทัพก็ได้ดำเนินการในสิ่งที่ประชาชนห่วงใย เช่น ปัญหาการกระทำผิดกฎหมาย ล่วงละเมิดสถาบัน” นายอภิสิทธิ์ระบุ
เมื่อถามถึงกระแสข่าวว่านายอภิสิทธิ์ไปเจรจากับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เพื่อหาทางออกให้กับประเทศ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า หลายคนยังสับสน ตนไม่ได้ไปเจรจาต่อรองกับใคร แต่มีความจำเป็นที่จะต้องเสนอทางออกให้แก่ประเทศ ทางออกของประเทศคือการปฏิรูป แต่จะต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขรัฐธรรมนูญ ข้อเสนอของตนไม่มีประเด็นว่าจะไปเจรจาผลประโยชน์อะไรกับใคร เพราะจุดยืนของตนชัดเจนว่าจะต้องว่าไปตามกฎหมาย ส่วนที่บอกว่าตนจะไปมีผลประโยชน์ต่อรองตำแหน่งทางด้านการเมืองในอนาคตยืนยันว่าไม่มี ข้อเสนอของตนไม่มีอย่างนั้น
เมื่อถามว่า พรรคเพื่อไทยอยากให้นายอภิสิทธิ์ไปเจรจากับ กปปส.นั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนมีแนวทางของตน ตนจะเป็นคนเลือกเองว่าจะพบใครก่อนหรือหลังเพื่อมุ่งไปสู่ความสำเร็จ หากพรรคเพื่อไทยจะทำข้อเสนอก็มีสิทธิ์ทำได้ แต่ตนพยายามจะทำวิธีการที่เหมาะสมเป็นตัวตั้ง และแสวงหากับแนวร่วมต่างๆ ตนจะเป็นคนประเมินเอง ถ้าสิ่งที่ตนทำไม่สำเร็จ ภายใน 2 สัปดาห์ทุกอย่างก็จบ และคงจะไม่มีสัปดาห์ที่ 3 ส่วนทุกคนก็จะต้องหาช่วยหาทางออกให้แก่ประเทศต่อไป วันนี้ผู้บัญชาการทหารสูงสุดมีความห่วงใยและมองสถานการณ์ไม่ได้ต่างจากตน และหากใครช่วยแก้ไขปัญหาได้ก็เป็นหน้าที่ของคนไทยทุกคน และท่านยังบอกว่าหากสิ่งที่ตนทำสำเร็จก็ถือเป็นประโยชน์และให้ทำต่อไป แต่ในฐานะที่ผู้บัญชาการสูงสุดเป็นฝ่ายความมั่นคงจึงต้องอยู่ในกรอบตามรัฐธรรมนูญ
เมื่อถามถึงข้อเสนอของ พล.อ.สายหยุด เกิดผล ประธานคณะรัฐบุคคล ที่ให้ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ขอพึ่งพระบารมีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อแก้ปัญหา นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เป็นส่วนหนึ่งทำให้ประชาชนจำนวนมากไม่สบายใจว่าสถาบันพระมหากษัตริย์ต้องอยู่เหนือความขัดแย้งทางการเมือง ทุกฝ่ายต้องเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ วันนี้จึงมีความกังวลกันมากขึ้นว่าจะเกิดปัญหา เป็นอีกผลหนึ่งว่าทำไมเราจึงไม่หาทางเลือกที่เป็นทางเดินใหม่ให้แก่ประเทศ