“เติ้ง-สุวัจน์” ย้ำเอาใจช่วย “มาร์ค” หาทางออกให้ประเทศ แต่ไม่วายกระสันเลือกตั้งอ้างต้องทำตามหลักกติกา โยนหน้าที่ กกต. คุมเลือกตั้งให้เรียบร้อย ด้าน “มาร์ค” ระบุแสดงความรับผิดชอบต่อบ้านเมืองแล้ว หากทุกฝ่ายไม่ยอมรับก็บังคับไม่ได้ พร้อมยอมรับความล้มเหลวแต่ไม่ยอมให้ประเทศล้ม เตรียมพบพลังชลคิวต่อไป พร้อมสรุปข้อเสนอสัปดาห์นี้ส่งคู่ขัดแย้งตัดสินใจ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 29 เม.ย. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วยแกนนำพรรค ได้เดินทางไปยังที่ทำการพรรคชาติไทยพัฒนา เพื่อหารือกับนายบรรหาร ศิลปะอาชา ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติไทยพัฒนา โดยหลังร่วมหารือกว่า 1 ชั่วโมง นายอภิสิทธิ์ เผยว่า ตนได้บอกวัตถุประสงค์ว่าต้องการแลกเปลี่ยนประเมินสถานการณ์และแนวทางของตนในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง ซึ่งจากการสนทนาค่อนข้างเห็นตรงกันถึงสถานการณ์ความขัดแย้งว่ามีขัดแย้งสูง และเปราะบางหากปล่อยให้ดำเนินต่อไปเช่นนี้จะมีความเสียหายมากขึ้น จึงหารือว่าความคิดที่รัฐบาลกำลังดำเนินการกับ กกต. ในการประกาศวันเลือกตั้งใหม่โดยยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงในด้านอื่น จะเป็นอย่างไร เพราะตนและพรรคประชาธิปัตย์มีความห่วงใยว่าไม่สามารถทำให้บ้านเมืองพ้นสภาพวิกฤตได้ ซึ่งทางพรรคชาติไทยพัฒนาก็มีความห่วงใยว่าถ้าการเลือกตั้งยังอยู่ในบรรยากาศเดิมจะสำเร็จหรือไม่ ตนจึงขอโอกาสเสนอแนวทางความคิดที่อาจจะเป็นคำตอบให้กับประเทศ ซึ่งทางพรรคชาติไทยพัฒนาก็เอาใจช่วยและพร้อมให้โอกาสว่าจะมีแนวทางหรือทางเลือกอื่นหรือไม่อย่างไร
ด้าน นายบรรหาร กล่าวว่า พรรคชาติไทยพัฒนาหารือถึงการเลือกตั้งครั้งต่อไปยอมรับว่ามีความห่วงใยว่าจะเดินหน้าได้หรือไม่ แต่เป็นหน้าที่ของ กกต. ที่ต้องเดินหน้าต่อไป หากไม่ทำอาจจะถูกฟ้องร้องได้ ซึ่งตนขอเอาใจช่วยนายอภิสิทธิ์ให้ทำสำเร็จไม่ว่าจะออกมาในรูปแบบใดก็แล้วแต่เพื่อคลี่คลายปัญหาบ้านเมืองให้เรียบร้อย การเดินทางมาหารือเป็นเรื่องที่ดีที่ได้พูดคุยในรายละเอียดต่างๆ ซึ่งบางเรื่องก็เห็นตรงกันแต่บางเรื่องต้องว่ากันอีกทีว่าจะทำอย่างไรต่อไป
ถามว่า พรรคชาติไทยพัฒนาจะดำเนินการอย่างไรหลังการหารือครั้งนี้ นายบรรหาร กล่าวว่า ต้องฟังเสียง กกต. ว่ามีความเห็นอย่างไร ก่อนหน้านี้มีการเชิญพรรคไปประชุมได้มีการกำหนดว่าจะให้มีการเลือกตั้งอีกครั้งเมื่อไรก็ต้องเดินไปตามนั้น ทั้งนี้ นายบรรหารพยายามย้ำอยู่ตลอดเวลาว่า กกต. ต้องจัดเลือกตั้งและพรรคต้องลงสมัคร แต่ถ้าการเลือกตั้งไม่เรียบร้อยก็เป็นหน้าที่ที่ กกต.ต้องแก้ไข ส่วนการหารือกับพรรคประชาธิปัตย์ในวันนี้ คือจะทำอย่างไรในการแก้ปัญหาบ้านเมืองซึ่งเป็นคนละเรื่องกับการเลือกตั้ง แต่จะต้องทำให้บ้านเมืองเรียบร้อยเช่นจะต้องปฏิรูปการเมืองหรือไม่
ผู้สื่อข่าวถามว่าพรรคชาติไทยพัฒนามีแนวทางอย่างไรที่จะให้สถานการณ์บ้านเมืองคลี่คลาย นายบรรหาร กล่าวว่า ยังไม่มี แม้ก่อนหน้านี้จะเคยเดินสายเจรจากับฝ่ายต่างๆ แต่ถือว่าจบไปแล้ว โดยในขณะนี้ยังตอบไม่ได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับบ้านเมืองแต่ก็มีความเป็นห่วงบ้างพอสมควร และไม่สามารถบอกได้ว่าปัญหาจะจบภายในเดือนนี้หรือไม่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในการสัมภาษณ์ครั้งนี้นายบรรหาร จงใจหลีกเลี่ยงที่จะไม่ตอบคำถามผู้สื่อข่าวรายหนึ่ง และไม่ยอมแสดงจุดยืนเกี่ยวกับการปฏิรูปประเทศ โดยย้ำแต่ว่าต้องมีการเลือกตั้ง ทำให้ผู้สื่อข่าวถามนายอภิสิทธิ์ว่า หลังจากฟังคำสัมภาษณ์ของนายบรรหารแล้วมีความมั่นใจหรือไม่ว่าจะปฏิรูปประเทศได้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับข้อเสนอของตนว่าทุกฝ่ายยอมรับหรือไม่ ผู้สื่อข่าวแย้งว่า ข้อเสนอของนายอภิสิทธิ์ระบุว่าก่อนเลือกตั้งบ้านเมืองต้องสงบแต่นายบรรหารกลับย้ำว่าการเลือกตั้งไม่ผูกพันกับบรรยากาศบ้านเมืองจะเชื่อมโยงกันได้อย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า จากที่หารือกับ กกต. ก็ยอมรับว่ามีความเป็นห่วงว่าการเลือกตั้งจะเป็นปัญหาหรือไม่ แต่เป็นหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญที่ต้องเดินต่อไป ซึ่งตนได้สะท้อนว่าหากเดินหน้าต่อเป็นเรื่องยากที่จะเป็นคำตอบให้กับประเทศ โดย กกต. รับปากว่าจะสะท้อนสิ่งนี้กับรัฐบาล
ผู้สื่อข่าวถามว่า เมื่อไหร่พรรคการเมืองจะบอกความจริงกับประชาชน ในขณะที่ปากบอกว่าอยากให้มีการปฏิรูปแต่ในทางปฏิบัติไปบีบให้ กกต. เลือกตั้งโดยโยนเป็นหน้าที่ของ กกต. นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนขอพูดในส่วนของตัวเองว่าเคลื่อนไหวเพื่อทำหน้าที่แลกเปลี่ยนกับหลายฝ่าย ไม่ติดใจหากล้มเหลวเพราะมีหน้าที่เสนอทางเลือกและโอกาสให้ประเทศเนื่องจากตนล้มเหลวได้แต่ประเทศล้มเหลวไม่ได้
จากนั้นคณะของนายอภิสิทธิ์เดินทางไปพบนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติพัฒนา โดยนายสุวัจน์กล่าวภายหลังการหารือว่า การเลือกตั้งเป็นทางออกของประเทศ แต่ถ้ามีการพูดคุยเพื่อแก้ปัญหาอุปสรรคก็ควรจะให้ความร่วมมือ ซึ่งการเดินสายหาทางออกให้ประเทศของนายอภิสิทธิ์เป็นเรื่องที่ควรสนับสนุน และเห็นว่าไม่มีใครปฏิเสธการเลือกตั้งแต่มีข้อถกเถียงว่าจะเลือกก่อนหรือหลังปฏิรูป วิธีที่ดีที่สุดคือการเจรจาระหว่างคู่ขัดแย้งต่างๆ เพื่อให้อุปสรรคหมดไป เช่น ปัญหาการเลือกตั้งต้องถือว่า กกต. คือผู้รับผิดชอบที่ต้องไปพูดคุยกับทุกฝ่าย นักการเมืองเหมือนนักกีฬาเมื่อกรรมการเป่านกหวีดให้ไปสมัครเราก็ต้องไป
ผู้สื่อข่าวถามแย้งว่า ความจริงที่เกิดขึ้นคือนักกีฬาไปบีบให้กรรมการเป่านกหวีดเพื่อตัวเองจะได้ลงเลือกตั้ง นายสุวัจน์ กล่าวว่า ตนไม่ทราบว่าเป็นอย่างไรแต่ในส่วนของพรรคให้ทุกอย่างเป็นไปตามกติกา ซึ่งที่ผ่านมาทุกคนทราบปัญหาอุปสรรคแล้ว ส่วนจะเกิดปัญหาซ้ำรอยวันที่ 2 ก.พ. หรือไม่เป็นเรื่องของ กกต. ไม่ใช่หน้าที่พรรคการเมืองที่จะต้องไปดูแลการเลือกตั้ง โดยพรรคทำเฉพาะในส่วนที่รับผิดชอบ เช่น มีหน้าที่ไปเลือกตั้งอยู่ในกติกา แต่หาก กกต. ขอความร่วมมืออะไรก็ยินดีให้ความร่วมมือ
เมื่อถามว่าหน้าที่พรรคการเมืองมีแค่การไปเลือกตั้งหรือ นายสุวัจน์ กล่าวว่า มีอะไรที่พูดคุยได้ก็ต้องช่วยกัน เพื่อลดทอนปัญหา โดยต้องทำให้เกิดความชอบธรรมมีความเสียหายน้อยที่สุด เพื่อให้ได้รับการยอมรับ ถามต่อว่าอะไรคือความชอบธรรมในการเลือกตั้งขณะที่ประชาชนไม่มีความมั่นใจต่อนักการเมืองในการปฏิรูปประเทศ นายสุวัจน์ กล่าวว่า คือการเลือกตั้งที่เรียบร้อยประชาชนให้การยอมรับผลการเลือกตั้ง เวลานี้จำเป็นต้องหารือเพื่อให้ได้ข้อสรุปซึ่งทุกฝ่ายเห็นตรงกันว่าการเลือกตั้งเป็นทางออกการปฏิรูปเป็นสิ่งที่จำเป็นจึงต้องหารือเพื่อให้ได้ข้อยุติ แต่ยอมรับว่าปัญหาภาพลักษณ์ของนักการเมืองมีส่วนสำคัญเพราะหากไม่ได้รับการยอมรับจะมีผลเสียหาย ในส่วนของตนมีอะไรจะช่วยให้เกิดภาพลักษณ์ที่ดีกับนักการเมืองก็พยายามทำ เช่น กรณีนายอภิสิทธิ์ พยายามจะเดินสายแก้ปัญหาประเทศก็เป็นการสร้างภาพลักษณ์ให้คนมองนักการเมืองที่มีความรับผิดชอบต่อบ้านเมืองในทางที่ดีขึ้น แต่คงประเมินไม่ได้ว่าจะสำเร็จหรือได้รับความร่วมมือมากน้อยแค่ไหนแต่อยากให้ประสบความสำเร็จ ซึ่งตนให้กำลังใจและจะช่วยเจรจาทำความเข้าใจให้คนเห็นไม่ตรงกันได้พูดคุยกัน
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในส่วนของพรรคชาติพัฒนานอกจากการร่วมรัฐบาลแล้วมีอะไรที่คิดว่าจะทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติให้คลี่คลายวิกฤตบ้าง นายสุวัจน์ กล่าวอย่างอึกอักว่า ได้อธิบายไปแล้ว
ขณะที่ นายอภิสิทธิ์ สรุปการหารือว่านอกจากจะพบกับพรรคชาติไทยพัฒนาและพรรคชาติพัฒนาแล้วในวันนี้ยังได้หารือทางโทรศัพท์กับแกนนำพรรคภูมิใจไทยได้รับคำยืนยันว่ามีการเสนอความเห็นในที่ประชุม กกต. ว่าการกำหนดวันเลือกตั้งพรรคยอมรับแต่ให้ข้อสังเกตว่าการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นควรมีหลักประกันความสำเร็จคือเรียบร้อย และมีการหารือถึงปัญหาที่ไม่เรียบร้อยว่าต้องแก้ไขโดยเมื่อพรรคภูมิใจไทยทราบเจตนาของตนว่าต้องการเสนอทางออกเพื่อแก้ปัญหาก็เห็นว่าเป็นเรื่องที่ดี โดยต่อจากนี้วันที่ 30 เม.ย. 57 จะหารือกับพรรคพลังชล เวลา 10 นาฬิกา ที่ศูนย์วัฒนธรรม แต่คงบอกไม่ได้ว่าจะได้รับคำตอบเดียวกับสองพรรคร่วมรัฐบาลที่ระบุว่าต้องเลือกตั้งหรือไม่
นายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงหลักคิดในการแก้ปัญหาประเทศว่า ต้องปฏิรูปประเทศภายใต้รัฐธรรมนูญและกฎหมาย หากสามารถทำให้การเลือกตั้งรับใช้การปฏิรูปได้คือหลักประกันที่จะทำให้การแก้ปัญหาสำเร็จแต่ถ้าทำไม่ได้จะอยู่ในวังวนความขัดแย้งเดิมๆ ซึ่งตนคิดว่ามีความจำเป็นต้องอธิบายแนวความคิดต่อทุกฝ่าย ส่วนแต่ละพรรคจะมีแนวทางอย่างไรก็เคารพสิทธิของกันและกัน เพราะทุกคนก็บอกเหมือนกันว่าต้องแก้ปัญหาถ้าสำเร็จก็พร้อมเอาด้วย ไม่มีใครบอกว่าอย่าทำ จึงเป็นหน้าที่ของตนที่ริเริ่มในการเสนอทางออกให้กับสังคมก็ต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่ตนทำ และตนเข้าใจเสียงวิจารณ์แต่ไม่มีสิทธิบังคับให้ใครมาเห็นตรงกับสิ่งที่ตนทำ สุดท้ายข้อเสนอจะเป็นอย่างไรหากทุกฝ่ายไม่เอาตนก็บังคับไม่ได้ แต่หน้าที่ของตนคือการรับผิดชอบบ้านเมืองในการหาทางออก ทั้งนี้หลังจากหารือกับพรรคพลังชลแล้วจะทำข้อเสนอเพื่อนำเสนอต่อรัฐบาล และ กปปส. ที่เป็นคู่ขัดแย้งโดยไม่มีการเจรจาใดๆ กับใครทั้งสิ้น นอกจากทำข้อเสนอเพื่อเป็นทางออกให้แต่ละฝ่ายตัดสินใจ แต่ถ้าเขาอยากรู้รายละเอียดตนก็พร้อมอธิบาย โดยภายในสัปดาห์นี้น่าจะสรุปข้อเสนอได้ส่วนจะได้รับการตอบรับหรือไม่เป็นสิทธิของแต่ละฝ่าย