กองปราบฯ ตรวจสอบพบ “ไอ้โม่ง” ซื้อแคชเชียร์เช็คให้ผู้ต้องหาเบิกเงิน สจล.หลัก 100 ล้าน เผยผลสอบ “อัมพร” อดีต ผอ.ส่วนการคลังออกอาการโกรธแค้น “ทรงกลด” ย้ำเหมือนถูกหลอก ระบุจะทำสำนวนให้ให้เสร็จก่อนครบกำหนดฝากขังผลัดที่ 5 พร้อมเผยได้รับเอกสารฉบับจริงจากแบงก์ไทยพาณิชย์แล้ว “กำจร” เผยนายกฯ ห่วงปัญหา สจล.เงินหาย ขณะที่ สกอ.ยันติดตามใกล้ชิด
วานนี้ (29 ม.ค.) ที่กองปราบปราม พ.ต.อ.ณษ เศวตเลข รอง ผบก.ป. หัวหน้าทีมสอบสวนคดีฉ้อโกงเงินคงคลัง สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) กล่าวถึงความคืบหน้าของคดีว่า เมื่อวันที่ 28 ม.ค. 58 พนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป. ได้เข้าพบ น.ส.อัมพร น้อยสัมฤทธิ์ อดีตผู้อำนวยการส่วนการคลัง สจล. และนายทรงกลด ศรีประสงค์ ที่ทัณฑสถานมีนบุรี เพื่อแจ้งพฤติการณ์การกระทำผิดเพิ่มเติมทั้ง 2 คนทราบ พร้อมกับสอบปากคำทั้ง 2 คน
จากการสอบปากคำทั้งคู่ยังให้การไม่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดี และต่างให้การซัดทอดกันไปมา โดย น.ส.อัมพรไม่ได้มีการพาดพิงถึงบุคคลอื่นในคดี แต่ยังคงมีความโกรธแค้นนายทรงกลดเป็นอย่างมาก และยังให้การว่าตัวเองเหมือนถูกนายทรงกลดหลอก
สำหรับขั้นตอนการส่งฟ้องนางอัมพร และนายทรงกลด นั้น พ.ต.อ.ณษ กล่าวว่า ขณะนี้เพิ่งฝากขังผลัดที่ 4 เมื่อวันที่ 28 ม.ค. 58 ตอนนี้ให้พนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดเป็นสารบบ และในวันนี้จะเรียกประชุมฝ่ายสืบสวนและฝ่ายสอบสวน ว่ารวบรวมพยานหลักฐานไปได้แค่ไหน ยังขาดอะไรที่ฝ่ายสืบสวนจะหาพยานหลักฐานมาช่วยสนับสนุนได้ โดยเจ้าหน้าที่พยายามทำสำนวนให้เสร็จก่อนครบกำหนดฝากขังผลัดที่ 5 จากนั้นจะส่งให้อัยการตรวจสำนวนคดีต่อไป
ส่วนความคืบหน้าการออกหมายเรียกผู้ที่เกี่ยวข้องมาสอบปากคำ ซึ่งครบกำหนดนัดหมายเรียกไปเมื่อวันที่ 27 ม.ค.ที่ผ่านมา จนถึงขณะนี้พบว่ายังมีผู้ที่ไม่เข้าพบพนักงานสอบสวน 3 คน คือ นายธีรยุทธ์ สหกรอุดมการ นายเสกสิทธิ์ ทิพย์จินดาชัย และน.ส.อรกัญญา ศิวกมลกร ซึ่งตำรวจตรวจพบมีการโอนเงินกว่า 40-50 ล้านบาท จากนายกิตติศักดิ์ มัทธุจัด ผู้ต้องหาที่ยังหลบหนีอยู่
ขณะที่กรณีของนายธีระพงษ์ ธีรมหานนท์ ที่มีกระแสข่าวยังไม่เข้าพบพนักงานสอบสวนนั้น จากการตรวจสอบพบว่าได้เข้ามาให้ปากคำตั้งแต่วันแรกๆ แล้ว ในวันนี้พนักงานสอบสวนจะประชุมเพื่อพิจารณาออกหมายเรียกในรอบที่ 2 อีกครั้ง
พ.ต.อ.ณษ กล่าวว่า ล่าสุดได้เอกสารมาจากธนาคารกรุงไทย ตอนนี้อยู่ระหว่างรอตรวจสอบว่าเป็นเอกสารเกี่ยวกับอะไร ส่วนเอกสารจากธนาคารไทยพาณิชย์ที่ตำรวจร้องขอไปนั้นได้รับเพิ่มเติมมามาก ใกล้จะครบถ้วนตามที่ต้องการแล้ว รวมทั้งได้เอกสารตัวจริงเกี่ยวกับบัญชีของ สจล. แล้ว
“เรายังได้หลักฐานที่พบว่าเป็นแคชเชียร์เช็คเซ็นให้กับกลุ่มผู้ต้องหา แทนที่จะเป็นเงินที่โอนจากบัญชีของ สจล.โยกมาสู่บัญชี สจล. แต่นี่เงินกลับถูกนำออกไป จำนวนที่นำออกไปเป็นหลักร้อยล้าน ตรงนี้ตำรวจต้องการรู้ว่าใครเป็นคนสั่งซื้อ เพราะว่าตัวแคชเชียร์เช็คจะไม่มีลายเซ็น ตำรวจต้องหาเอกสารการซื้อมาดู เพราะจะมีลายเซ็นคนสั่งซื้ออยู่ในเอกสาร”
*** “กำจร” เผยนายกฯ ห่วงปัญหา สจล.เงินหาย
วานนี้ (29 ม.ค.) รศ.นพ.กำจร ตติยกวี เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (เลขาธิการ กกอ.) เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวงหรือเทียบเท่า ซึ่งมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน นั้น นายกฯ ได้สอบถามคืบหน้ากรณีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง(สจล.) ถูกยักยอกเงินคงคลังจำนวน 1,600 ล้านบาท โดยตนได้รายงานข้อเท็จจริงว่าเรื่องที่เกิดขึ้น มาจากผู้ปฎิบัติหน้าที่ของสถาบันและผู้ปฎิบัติหน้าที่ของธนาคารที่สถาบันได้นำเงินไปฝากได้ร่วมกันทำให้เกิดความเสียหาย ขณะเดียวกันสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา(สกอ.) ก็ได้ติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด
วานนี้ (29 ม.ค.) ที่กองปราบปราม พ.ต.อ.ณษ เศวตเลข รอง ผบก.ป. หัวหน้าทีมสอบสวนคดีฉ้อโกงเงินคงคลัง สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) กล่าวถึงความคืบหน้าของคดีว่า เมื่อวันที่ 28 ม.ค. 58 พนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป. ได้เข้าพบ น.ส.อัมพร น้อยสัมฤทธิ์ อดีตผู้อำนวยการส่วนการคลัง สจล. และนายทรงกลด ศรีประสงค์ ที่ทัณฑสถานมีนบุรี เพื่อแจ้งพฤติการณ์การกระทำผิดเพิ่มเติมทั้ง 2 คนทราบ พร้อมกับสอบปากคำทั้ง 2 คน
จากการสอบปากคำทั้งคู่ยังให้การไม่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดี และต่างให้การซัดทอดกันไปมา โดย น.ส.อัมพรไม่ได้มีการพาดพิงถึงบุคคลอื่นในคดี แต่ยังคงมีความโกรธแค้นนายทรงกลดเป็นอย่างมาก และยังให้การว่าตัวเองเหมือนถูกนายทรงกลดหลอก
สำหรับขั้นตอนการส่งฟ้องนางอัมพร และนายทรงกลด นั้น พ.ต.อ.ณษ กล่าวว่า ขณะนี้เพิ่งฝากขังผลัดที่ 4 เมื่อวันที่ 28 ม.ค. 58 ตอนนี้ให้พนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดเป็นสารบบ และในวันนี้จะเรียกประชุมฝ่ายสืบสวนและฝ่ายสอบสวน ว่ารวบรวมพยานหลักฐานไปได้แค่ไหน ยังขาดอะไรที่ฝ่ายสืบสวนจะหาพยานหลักฐานมาช่วยสนับสนุนได้ โดยเจ้าหน้าที่พยายามทำสำนวนให้เสร็จก่อนครบกำหนดฝากขังผลัดที่ 5 จากนั้นจะส่งให้อัยการตรวจสำนวนคดีต่อไป
ส่วนความคืบหน้าการออกหมายเรียกผู้ที่เกี่ยวข้องมาสอบปากคำ ซึ่งครบกำหนดนัดหมายเรียกไปเมื่อวันที่ 27 ม.ค.ที่ผ่านมา จนถึงขณะนี้พบว่ายังมีผู้ที่ไม่เข้าพบพนักงานสอบสวน 3 คน คือ นายธีรยุทธ์ สหกรอุดมการ นายเสกสิทธิ์ ทิพย์จินดาชัย และน.ส.อรกัญญา ศิวกมลกร ซึ่งตำรวจตรวจพบมีการโอนเงินกว่า 40-50 ล้านบาท จากนายกิตติศักดิ์ มัทธุจัด ผู้ต้องหาที่ยังหลบหนีอยู่
ขณะที่กรณีของนายธีระพงษ์ ธีรมหานนท์ ที่มีกระแสข่าวยังไม่เข้าพบพนักงานสอบสวนนั้น จากการตรวจสอบพบว่าได้เข้ามาให้ปากคำตั้งแต่วันแรกๆ แล้ว ในวันนี้พนักงานสอบสวนจะประชุมเพื่อพิจารณาออกหมายเรียกในรอบที่ 2 อีกครั้ง
พ.ต.อ.ณษ กล่าวว่า ล่าสุดได้เอกสารมาจากธนาคารกรุงไทย ตอนนี้อยู่ระหว่างรอตรวจสอบว่าเป็นเอกสารเกี่ยวกับอะไร ส่วนเอกสารจากธนาคารไทยพาณิชย์ที่ตำรวจร้องขอไปนั้นได้รับเพิ่มเติมมามาก ใกล้จะครบถ้วนตามที่ต้องการแล้ว รวมทั้งได้เอกสารตัวจริงเกี่ยวกับบัญชีของ สจล. แล้ว
“เรายังได้หลักฐานที่พบว่าเป็นแคชเชียร์เช็คเซ็นให้กับกลุ่มผู้ต้องหา แทนที่จะเป็นเงินที่โอนจากบัญชีของ สจล.โยกมาสู่บัญชี สจล. แต่นี่เงินกลับถูกนำออกไป จำนวนที่นำออกไปเป็นหลักร้อยล้าน ตรงนี้ตำรวจต้องการรู้ว่าใครเป็นคนสั่งซื้อ เพราะว่าตัวแคชเชียร์เช็คจะไม่มีลายเซ็น ตำรวจต้องหาเอกสารการซื้อมาดู เพราะจะมีลายเซ็นคนสั่งซื้ออยู่ในเอกสาร”
*** “กำจร” เผยนายกฯ ห่วงปัญหา สจล.เงินหาย
วานนี้ (29 ม.ค.) รศ.นพ.กำจร ตติยกวี เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (เลขาธิการ กกอ.) เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวงหรือเทียบเท่า ซึ่งมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน นั้น นายกฯ ได้สอบถามคืบหน้ากรณีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง(สจล.) ถูกยักยอกเงินคงคลังจำนวน 1,600 ล้านบาท โดยตนได้รายงานข้อเท็จจริงว่าเรื่องที่เกิดขึ้น มาจากผู้ปฎิบัติหน้าที่ของสถาบันและผู้ปฎิบัติหน้าที่ของธนาคารที่สถาบันได้นำเงินไปฝากได้ร่วมกันทำให้เกิดความเสียหาย ขณะเดียวกันสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา(สกอ.) ก็ได้ติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด