xs
xsm
sm
md
lg

"ป๋าเปรม"เตือนสติ ประเทศไม่ใช่ของ"ประยุทธ์" หยุดบาดหมางหาทางสงบสุข

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


"ป๋าเปรม" เปิดโครงการ "สานใจไทยสู่ใจใต้" รุ่นพิเศษ ขอบคุณทุกหน่วยงานโดยเฉพาะ "อุดมเดช" ช่วยเหลือตั้งแต่เป็น เสธ.ทบ. ย้ำทุกคนเป็นคนไทยเหมือนกัน เราเป็นเจ้าของประเทศ ไม่ใช่เป็นของ "ประยุทธ์" ปล่อยให้บ้านเมืองบาดหมางไม่ดีแน่ ต้องหาทางให้สงบสุข ย้ำความเป็นธรรม คือ "ยุติธรรม-คุณธรรม-จริยธรรม" และเห็นคุณค่าแผ่นดินเกิด ด้าน"บิ๊กตู่" ฟิวส์ขาด สั่งเรียก "พิชัย"รายงานตัวอีกคน ลั่นใครพูดไม่ดี จะถูกเรียกทั้งสิ้น ขู่สื่อถามไม่สร้างสรรค์ อาจถูกเรียกปรับทัศนคติด้วย หลุดสบถ "ไอ้ห่า ไอ้บ้า"

เมื่อเวลา 14.00 น.วานนี้ (29 ม.ค.) ที่สโมสรทหารบก เทเวศร์ พล.อ.เปรม ติณสูสานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการ "สานใจไทย สู่ใจใต้" พิเศษ รุ่นที่ 1 หลักสูตร "สังคมพหุวัฒนธรรม นำพาสันติสุข สู่แดนใต้" โดยมีพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร ผบ.ทบ. และผู้แทนผู้บัญชาการเหล่าทัพ เข้าร่วมเปิดงาน และมีเยาวชนที่นับถือศาสนาอิสลามและศาสนาพุทธ ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จำนวน 240 คน แบ่งเป็นเยาวชนมุสลิม 120 คน เยาวชนชาวพุทธ 120 คน เข้าร่วมโครงการ

โดยโครงการสานใจไทย สู่ใจใต้ รุ่นพิเศษนี้ จะไม่มีการนำเยาวชนเข้าพำนักกับครอบครัวอุปถัมภ์ และเข้าค่ายกิจกรรมทางการศึกษาเหมือนที่ผ่านมา แต่จะได้รับการคัดเลือกให้รับทุนส่งเสริมการศึกษา เยาวชนที่เข้าร่วมโครงการจะเป็นเยาวชนที่มีผลการเรียนดี เป็นกำพร้า และขาดโอกาส และมีความต้องการที่จะเรียนให้สูงถึงระดับมัธยมศึกษา ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ และระดับอุดมศึกษา สำหรับผู้ที่ต้องการเรียนระดับวิชาชีพ จะไปศึกษาที่วิทยาลัยเทคโนโลยีและการจัดการวังไกลกังวล หัวหิน ส่วนผู้ที่มีผลการเรียนดี จะได้ร้บการส่งเสริมให้ได้ทุนการศึกษาระดับอุดมศึกษาด้วย เพื่อให้เยาวชนที่นับถือศาสนาอิสลามและพุทธใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้มีโอกาสเรียนรู้วัฒธรรมของภาคกลาง เพื่อพาสันติสุขให้เกิดขึ้นในสังคมไทย

พล.อ.เปรมได้ให้โอวาท โดยแสดงความขอบคุณทุกฝ่าย ที่ให้การสนับสนุนโครงการ ทั้งกองทัพ กระทรวงมหาดไทย ศึกษาธิการ สำนักจุฬาราชมนตรี ที่ให้ความช่วยเหลือมาโดยตลอด โดยเฉพาะ พล.อ.อุดมเดช ที่มาช่วยเหลือโครงการสานใจไทยสู่ใจใต้ นับตั้งแต่เมื่อครั้งเป็นเสนาธิการทหารบก ทั้งนี้หากตนทำโครงการเพียงคนเดียว คงไม่ได้มาไกลถึงขนาดนี้ ตนไม่ได้มีหน้าที่โดยตรงที่จะช่วยเหลือชาติบ้านเมืองเหมือนหน่วยงานต่างๆ แต่คิดว่าควรจะทำอะไรให้ชาติบ้านเมือง โดยที่ไม่มีหน้าที่โดยตรง

ทั้งนี้ ขอพูดถึงความเป็นไทย และความเป็นธรรมอีกครั้ง เยาวชนทั้ง 240 คน เป็นคนไทยเหมือนกับตน เหมือนกับคนอื่นๆ เราเป็นเจ้าของประเทศนี้ ประเทศเป็นของพวกเราที่เป็นคนไทย ไม่ใช่ของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. เพราะฉะนั้น ทุกคนคงรักเมืองไทย มีหน้าที่ที่จะต้องทำให้ประเทศมีความร่มเย็นสงบสุข ทุกคนก็เป็นผู้ใหญ่พอสมควร คิดเองได้ รู้สึกเองได้ ว่าหากปล่อยให้ประเทศมีความบาดหมางกัน คงไม่ดีแน่ จึงจำเป็นที่จะต้องรู้ และเข้าใจว่าทำอย่างไรบ้านเราจะมีความสงบสุข

"เธอทั้ง 240 คน เป็นคนไทยนะครับ เป็นคนไทยเหมือนผม เหมือนกับ ผบ.ทบ. เหมือนกับอธิบดีกรมการปกครอง เหมือนกับ ผอ. ศอ.บต. เราเป็นเจ้าของประเทศนี้นะครับ ประเทศนี้เป็นของเรา ไม่ใช่เป็นของคุณประยุทธ์หรอก เป็นของพวกเรา เป็นของพวกเราที่เป็นคนไทย ไม่ว่าจะนับถือศาสนาอะไร เพราะฉะนั้น ผมมั่นใจว่า คุณคงรักประเทศไทย เหมือนผมรัก เหมือนคนอื่นเขารักกัน เธอทั้งหลายก็จะสำนึกว่า เธอมีหน้าที่ที่จะต้องทำให้ประเทศของเรามีความร่มเย็น สงบสุข ส่วนจะทำอย่างไรนั้น เธอก็เป็นผู้ใหญ่พอสมควร อายุตั้งแต่เท่าไหร่นะ ที่ 15 ก็เป็นนาย เป็นนางสาวกันแล้ว มีความคิดที่จะคิดเองได้ มีความรู้สึกที่จะรู้สึกเองได้ ว่าเราจะปล่อยให้ประเทศของเรามีความหมาดบางกัน ไม่ดีแน่ " พล.อ.เปรม กล่าว

พล.อ.เปรม กล่าวว่า ในหมู่คนที่อยู่กันมาก ไม่น่าจะมีความเห็นที่เหมือนกัน แต่ความเห็นต่างเป็นธรรมชาติของคน สังคม และคนที่อยู่ร่วมกันเยอะๆ อย่าถือเอาสิ่งนั้นเป็นอุปสรรคในการพัฒนาประเทศ ซึ่งการการหันหลังให้กัน แบ่งฝ่าย เห็นต่างกัน เป็นความคิดที่น่าเสียดาย และไม่ดีต่อส่วนรวม จึงขอความกรุณาแนะนำว่า ความเห็นต่าง เป็นการหาข้อสรุปที่เป็นข้อยุติร่วมกัน ทำให้อย่าไปถือเป็นการแบ่งฝ่าย แบ่งพวก สิ่งส่วนมากรู้สึกอย่างไร ส่วนนั้นรู้สึกอย่างไร เพื่อหาข้อยุติที่ดีที่สุด ในการดูแลชาติบ้านเมือง รวมทั้งการเอาความรักมาใช้ในการทำสิ่งดีงามให้แก่ชาติบ้านเมือง

นอกจากนี้ พล.อ.เปรม ยังกล่าวถึงความเป็นธรรมว่า ต้องหมายถึง ความยุติธรรม คุณธรรม จริยธรรม จะต้องมี แล้วให้แก่กัน และรับจากกัน เพื่อนำไปสู่ความปกติสุขในชาติบ้านเมือง ตนพูดเรื่องเกิดมาต้องตอบแทนบุญคุณแผ่นดินมากว่า 20 ปี อยากให้ทุกคนเห็นคุณค่าแผ่นดินเกิด ทุกคนเกิดใต้ร่มพระบารมี ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สิ่งที่อยากให้ตอบแทน คือ ทำความดีให้เกิดขึ้นในตัวเอง ในสังคม และ ในประเทศ

"บิ๊กตู่"สบถ"ไอ้ห่า"ถ่ายรูปชูนิ้วกลาง

เมื่อเวลา 13.00 น. วานนี้ ที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. ให้สัมภาษณ์ หลังการประชุมหัวหน้าส่วนราชการระดับปลัดกระทรวง ถึงกรณีที่ คสช. ทยอยเรียกนักการเมืองเข้ามารายงานตัว ด้วยอารมณ์ฉุนเฉียวว่า

"ทำไม เมื่อวานก็ถามไปแล้ว การเชิญตัวมาเป็นการไปกดดันใคร เรียกมาทำความเข้าใจ เราจะไปกดดันเขาทำไม เราจะไปทำอะไรเขาล่ะ" เมื่อถามว่า การเชิญตัวมาครั้งนี้ให้ค้างคืนหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวปฏิเสธว่า ก็แล้วแต่ให้ฝ่ายความมั่นคงเขาพิจารณาดูในแต่ละคนที่เชิญมา

เมื่อถามว่าได้รับรายงานแล้วหรือยังว่า มีเจ้าหน้าที่ทหารไปล็อกตัว นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีตรองนายกฯ และรมว.ต่างประเทศ ที่ร้านอาหารย่านเมืองทองธานี พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เรื่องนี้ตนได้สั่งไปแล้วว่า ใครออกมาพูดจาให้เกิดความเสียหาย ก็ให้เรียกมาคุย เพื่อทำความเข้าใจ โดยไม่จำเป็นต้องออกหนังสือ ให้คสช.เขาติดต่อแล้วเชิญมาเอง คือไม่อยากทำให้เป็นเรื่องเป็นราว เป็นข่าวใหญ่โต ก็ใช้การโทรศัพท์หากัน เรียกมาพบมาพูดคุย มันจะเป็นอะไร ถึงเวลาก็ปล่อย

เมื่อถามว่าแต่การไปรับตัวถึงบ้าน หรือร้านอาหาร ดูเหมือนเป็นเหตุการณ์ไม่ปกติ หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า "แล้วทำไมล่ะ แล้วจะให้ไปเชิญที่ไหน เชิญที่ร้านค้า หรืออย่างไร หรือไปเชิญตามส้วม ตามห้องน้ำ หรืออย่างไร ก็ต้องไปเชิญที่บ้านสิ หรือไปเชิญที่ร้านค้า เจอตรงไหนก็เชิญตรงนั้น"

เมื่อถามว่า แสดงว่าต่อไปนี้ใครที่ออกมาแสดงความคิดเห็นต่อสถานการณ์ทางการเมือง ก็จะถูกเชิญมาปรับทัศนคติ ใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า แล้วถูกหรือไม่ล่ะ ที่ออกมาพูดกันอย่างนี้ มันสมควรที่จะพูดตอนนี้หรือ ก็เท่านั้นแหละ จะมาถามให้เป็นเรื่องกันอยู่ได้

เมื่อถามว่า แต่หลายฝ่ายมองว่าบรรยากาศเหมือนทหารกำลังเป็นฝ่ายกดดัน พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอย่างมีอารมณ์โกรธว่า "ใครล่ะ ใครมอง มีคนตรงไหนมองเช่นนั้นใครอึดอัดบ้าง พลเรือนที่ไหนอึดอัด ไปถามคนจนดูบ้าง ดูอย่างวันนี้ ถามสิว่าพวกเราประชุมอะไรกัน เป็นเรื่องคนจน เรื่องของคนทั้งประเทศทั้งนั้น ไม่ได้พูดถึงเรื่องอำนาจผม ผมไม่ได้เป็นพวกบ้าอำนาจ ไม่เข้าใจกันสักที หาเรื่องกันอยู่นั่น เมื่อวาน (28 ม.ค.) ก็ครั้งหนึ่งแล้ว ถ่ายรูปได้อย่างไร ผมก็ชี้นิ้วของผมไปเรื่อย ไอ้ห่า ถ่ายออกมาดีๆ ดันไปถ่ายผมชี้นิ้วอย่างนั้น อย่างนี้ นี่แหละที่เขาบอกว่าจิตใจมันต่ำ ด่าซะอีก ไม่กลัวหรอก จะด่าแบบนี้ จะทำไม "

** เรียก"พิชัย"ไปรายงานตัวอีกคน

เมื่อถามว่า ไม่ว่าใครออกมาแสดงความคิดเห็น ก็จะถูกเชิญตัวใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ก็ต้องไปชี้แจง "คราวหลังพวกคุณก็ต้องโดนด้วย ถ้าถามมากๆ ล่ะก็ ถามไม่สร้างสรรค์ อยากถามว่า มันทำได้หรือไม่เล่า ออกมาพูดขัดแย้งทัดทานอำนาจที่มีอยู่เต็มๆ ขนาดมีอำนาจอย่างนี้ มันยังมาท้าทายแบบนี้ ถ้าไม่มีกฎอัยการศึก มันจะเกิดอะไรขึ้น ทุกคนก็รู้ทั้งนั้นแหละ ถามว่าสิ่งที่พวกเขาพูดวันนี้ มันกดดันผมหรือไม่ ผมเป็นรัฐบาลผมมีอำนาจเต็มแล้วจะมาท้าทายอยู่แบบนี้ได้หรือไม่ ที่ปล่อยมาทุกวันนี้ก็เยอะไปแล้วนะ แล้วยังจะทำต่อไปอีกหรือ เดี๋ยวจะไปเรียกมาอีก สำหรับ นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีตรมว.พลังงาน ตอนเป็นรัฐมนตรีไม่เห็นจะทำ ไม่เห็นด้วยอย่างนั้นอย่างนี้ ออกมาพูดอะไร ว่ารัฐบาลจะต้องทำแบบนี้แบบนั้น แล้วเรื่องของพลังงานวันนี้ มีปัญหาแค่ไหนแล้วทำไมตอนนั้นที่เป็นรัฐมนตรีถึงไม่ทำ พวกนี้จะต้องมาชี้แจงผมว่า แล้วทำไมไม่ทำ ทำอะไรกันอยู่

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า ถ้าเรียกมาปรับทัศนคติ แล้วยังไม่หยุดพฤติกรรมเดิมๆ ก็จะมีมาตรการ ห้ามออกต่างประเทศ ตรวจสอบเส้นทางการเงิน ระงับธุรกรรมทางการเงิน แต่ที่ผ่านมา ก็มีการผ่อนผันมาตลอด

เมื่อถามว่าการที่นักการเมืองออกมาแสดงความเห็นเช่นนี้ เป็นการรบกวนการทำงานของรัฐบาล หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า "ไม่กวนหรอก แต่รำคาญ"

เมื่อถามว่าจะเรียกใครมาชี้แจงเป็นรายต่อไปอีก รวมถึง นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อดีตแกนนำคนเสื้อแดง ด้วยหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ใครออกมาพูด ก็เรียกทั้งหมด ส่วนนายณัฐวุฒินั้น ก็มีคดีความที่ค้างอยู่ในศาลอยู่ ก็ให้ศาลว่ากันให้จบไปก่อน ก็คงห้ามทั้งหมด แล้วอย่ามาถามตนอย่างนี้

ผู้สื่อข่าวถามว่าที่นายกฯ อารมณ์ร้อน เป็นเพราะสถานการณ์ทางการเมืองรุมเร้า ใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่เกี่ยว ไม่สนใจการเมืองทำไมใครจะมีปัญหา การเมืองวันนี้เราเป็นรัฐบาล ก็จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ถามว่าวันนี้ประชาชนทั้งประเทศต้องการอะไร ขอให้บอกมา ตนจะทำให้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การให้สัมภาษณ์ของนายกฯ ในวันเดียวกันนี้เป็นไปอย่างดุเดือด โดยนายกฯ ได้แสดงอารมณ์โมโห ทุบโพเดียม และเสียงดัง หลุดคำสบถออกมาหลายครั้ง ทั้งคำว่า ขี้ข้า ไอ้ห่า บ้า ทำไมวะ แต่ก็พยายามที่จะบอกว่า ที่เสียงดังนั้นไม่ใช่ความโมโห แต่ในทางกลับกันทั้งน้ำเสียง และสีหน้าของพล.อ.ประยุทธ์ แสดงความไม่พอใจ อย่างยิ่ง

** หิ้ว"ปึ้ง"ไปอบรม- คิว"เต้น-พิชัย"วันนี้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลาประมาณ 10.20 น. วานนี้ ระหว่างที่ นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล นัดผู้สื่อข่าวเพื่อให้สัมภาษณ์เรื่องที่ถูกคสช. เรียกไปรายงานตัว ที่ร้านข้าวขาหมูเมืองทองธานี อยู่เยื้องหน้าปากซอยบ้านของนายสุรพงษ์ เมื่อคนขับรถของนายสุรพงษ์ ขับรถมาจอดเทียบหน้าร้าน เจ้าตัวก็ลงจากรถ และกำลังจะเดินเข้าไปในร้าน ปรากฏว่า มีทหารหนึ่งในสามคน ที่นั่งอยู่ในรถอีซุซุ มิวเซเว่น สีเทา หมายเลขทะเบียน ชพ 3604 กรุงเทพมหานคร ที่จอดรออยู่ใกล้ร้านข้าวขาหมู เรียกให้นายสุรพงษ์ ไปขึ้นรถ นายสุรพงษ์ ก็ไม่ได้แสดงอาการขัดขืน เพราะเป็นนายทหารที่คุ้นเคยกันที่ได้โทรศัพท์ มานัดหมายล่วงหน้าว่าจะมาเจอกันที่ร้านนี้อยู่แล้ว

จากนั้นรถได้วิ่งไปฝั่งถนนแจ้งวัฒนะเข้าไปในค่ายทหารแห่งหนึ่ง ย่านแจ้งวัฒนะ เพื่อพูดคุยปรับทัศนคติ กับนายทหารคนดังกล่าว ภายหลังคุยกันประมาณเกือบ 2 ชั่วโมง รถคนดังกล่าวได้กลับมาส่งที่ห้างสรรพสินค้า ตรงข้ามมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมธิราช ในเวลา 12.50 น. โดยนายสุรพงษ์ กล่าวกับผู้สื่อข่าวที่ดักรออยู่เพียงสั้นๆว่า " คุยกันรู้เรื่องหมด เข้าใจกัน จบหมดแล้ว"

ขณะที่ นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรมว.ศึกษาธิการ ก็ได้เกดินทางไปที่กองทัพภาคที่ 1 เพื่อรายงานตัวเช่นกัน หลังจากที่ได้วิพากษ์วิจารณ์การเมืองผ่านเฟซบุ๊ก

ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า พล.ท.กัมปนาท รุดดิษฐ์ แม่ทัพภาคที่ 1 ในฐานะ ผบ.กกล.รส. ได้เชิญ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำคนเสื้อแดง เข้ามาหารือกับทีมทหาร กกล.รส. ในเวลา 09.00 น. วันนี้ (30 ม.ค.) เพื่อพูดคุยทำความเข้าใจด้วยเช่นกัน

ขณะที่ นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว.พลังงาน กล่าวถึงกรณี คสช. เชิญตัวเข้าพูดคุยว่า ตนได้รับการติดต่อจากเจ้าหน้าที่แล้ว โดยวันนี้ (30 ม.ค.) จะเดินทางไปที่กองทัพภาคที่ 1 ในเวลา 10.00 น. เชื่อว่า ไม่น่าจะมีอะไร เพราะที่ผ่านมาทุกสิ่งที่ได้พูดไปนั้น ก็เพื่อให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้ ไม่ได้พูดเพื่อสร้างความขัดแย้งแตกแยก และเรื่องที่พูดส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่องเศรษฐกิจ และเรื่องพลังงาน ที่ตนเป็นห่วง และบางเรื่องก็เห็นด้วยกับรัฐบาลไม่ใช่คัดค้านตลอด
กำลังโหลดความคิดเห็น