ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -ถ้าจะกล่าวถึง “พระ” ที่ดังที่สุดในเวลานี้ เห็นทีจะหนีไม่พ้นพระ 2 รูปซึ่งตกเป็นข่าวอื้อฉาวและสร้างรอยด่างพร้อยให้กับพระพุทธศาสนาในประเทศไทย
รูปแรกคือ อดีตพระเกษม อาจิณณสีโล เจ้าสำนักที่พักสงฆ์ห้วยผึ้ง หรือที่พักสงฆ์ป่าสามแยก ต.วังกวาง อ.น้ำหนาว จ.เพชรบูรณ์ ที่กลายเป็น “นายเกษม ดวงแพงมาต” เนื่องจากต้องอาบัติปาราชิกด้วยการเสพเมถุนกับลูกศิษย์หนุ่มใกล้ชิดพ้นจากความเป็นพระและไม่สามารถกลับมาบวชได้อีก
รูปที่สองคือ พระพรหมสุธี (เสนาะ ปญฺญาวชิโร) หรือ เจ้าคุณเสนาะ แห่งวัดสระเกศฯ ที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) พบความผิดปกติในการใช้จ่ายเงินจัดงานพระราชทานเพลิงศพ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ) จำนวน 69 ล้านบาท และมหาเถรสมาคม (มส.)ได้มีคำสั่งพักงานจากตำแหน่งกรรมการมหาเถรสมาคม(มส.) เจ้าอาวาสวัดสระเกศ เจ้าคณะภาค 12 รวมถึงให้พ้นจากเก้าอี้ประธานสำนักงานกำกับดูแลพระธรรมทูตไปต่างประเทศ
กรณีพระเกษมแม้จะยังไม่จบบริบูรณ์เพราะเวลานี้ “สมีเกษม” ยังคงไม่ย้ายออกจากวัด แต่ถ้าหากนำเปรียบเทียบกับเจ้าคุณเสนาะแล้ว สังคมกำลังตั้งคำถามกับเจ้าคณะผู้ปกครองอย่างหนักว่า ถ้าสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) มีบทสรุปเกี่ยวกับข้อหาดังกล่าวชัดเจน การลงโทษเพียงแค่การปลดพ้นจากตำแหน่งต่างๆ นั้นเพียงพอแล้วไม่ เพราะในความเป็นจริงแล้ว ข้อหาที่เจ้าคุณเสนาะกำลังเผชิญนั้นหนักหนาสาหัสไม่แพ้กรณีสมีเกษมเช่นกัน
ทั้งนี้ กล่าวสำหรับต้นสายปลายเหตุที่ทำให้เจ้าคุณเสนาะถูกปลดพ้นจากตำแหน่งต่างๆ นั้น ต้องบอกว่า เป็นโทษที่ร้ายแรงเนื่องจากไม่สามารถปฏิบัติในพระธรรมวินัยที่พระพุทธเจ้าทรงประทานไว้ให้ได้ และถ้าจะว่าไปแล้วน่าจะถึงขั้นปาราชิกเสียด้วยซ้ำไป
โทษปาราชิกสำหรับพระมีทั้งหมด 4 ข้อคือ 1.เสพเมถุน แม้กับสัตว์เดรัจฉานตัวเมีย (ร่วมสังวาสกับคนหรือสัตว์) 2.ถือเอาทรัพย์ที่เจ้าของไม่ได้ให้ มาเป็นของตน จากบ้านก็ดี จากป่าก็ดี (ขโมย) ได้ราคา 5 มาสก(5 มาสกเท่ากับ 1 บาท) 3.พรากกายมนุษย์จากชีวิต (ฆ่าคน) แสวงหาและใช้เครื่องมือประหารและจ้างวานฆ่าคน หรือพูดพรรณาคุณแห่งความตายให้คนนั้นๆยินดีที่จะตาย(โดยมีเจตนาหวังให้ตาย) และ 4.กล่าวอวดอุตริมนุสธรรมที่ไม่จริง อันเป็นความเห็นอย่างประเสริฐ อย่างสามารถ น้อมเข้าในตัวว่า ข้าพเจ้ารู้อย่างนี้ ข้าพเจ้าเห็นอย่างนี้ (ไม่รู้จริง แต่โอ้อวดความสามารถของตัวเอง)
อาบัติปาราชิกทั้ง 4 นี้เป็นอาบัติหนักที่เรียกว่า อเตกิจฉา คือไม่สามารถแก้ไขได้เลย
เพียงแต่ว่าในขณะนี้ยังคงต้องรอบทสรุปจากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) เท่านั้นเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับเจ้าคุณเสนาะ
เรื่องนี้มีที่มาที่ไปสืบเนื่องจากสำนักตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) พบความผิดปกติในการเบิกจ่ายงบประมาณที่เจ้าคุณเสนาะเป็นผู้ดูแลอยู่ ซึ่งเป็นเงินที่ใช้ในการจัดงานพระราชทานเพลิงศพ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ ) อดีตเจ้าอาวาสวัดสระเกศฯและอดีตประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช จำนวน 67 ล้านบาท โดยสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) ได้มีหนังสือแจ้งรายงานทางลับกับผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ถึงความผิดปกติในการใช้งบประมาณดังกล่าว
“สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ เห็นว่าทางสตง.ได้มีหนังสือแจ้งรายงานถึงความผิดปกติของการใช้งบประมาณแผ่นดิน ที่ใช้ในพิธีพระราชทานเพลิงศพสมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ) อดีตประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช จำนวน 67 ล้านบาทมาอย่างต่อเนื่อง จำนวน 3 ฉบับ โดยฉบับสุดท้าย คือ วันที่ 8 มกราคม 2558 ซึ่งสตง.ได้มารายงานทางลับโดยตรงกับผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ซึ่งผมก็อยู่ด้วยในเหตุการณ์ดังกล่าว และเนื่องจากเป็นเรื่องลับที่สตง.มารายงานตรงต่อหลวงพ่อ ผมก็ต้องออกมาจากห้องของท่านด้วย ดังนั้น เรื่องการปลดพระพรหมสุธี จึงมีสาเหตุหลักมาจากตรวจสอบการใช้งบประมาณแผ่นดิน จำนวน 67 ล้านบาท” นายพนม ศรศิลป์ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) แจกแจง
นั่นจึงเป็นเหตุให้ สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง วรปุญโญ) ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ลงนามพระบัญชาสมเด็จพระสังฆราช สั่งปลดเจ้าคุณเสนาะ ออกจากตำแหน่งกรรมการมหาเถรสมาคม (มส.) เมื่อวันที่ 14 มกราคม 2558 และถูกสั่งพักตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร พระอารามหลวง ในวันต่อมา ขณะเดียวกัน พระพรหมดิลก เจ้าอาวาสวัดสามพระยา ในฐานะเจ้าคณะกรุงเทพมหานคร ได้แต่งตั้งพระพรหมสิทธิ (ธงชัย สุขญาโณ) ผู้ช่วยเจ้าอาวาส ให้ดำรงตำแหน่งรักษาการเจ้าอาวาสวัดสระเกศแทน
เมื่อสมเด็จพระสังฆราชมีพระบัญชาให้เจ้าคุณเสนาะออกจากตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดสระเกศ จึงส่งผลให้ต้องพ้นจากตำแหน่ง เจ้าคณะภาค 12 ด้วย กระทั่งต่อมา 20 มกราคม 2558 มหาเถรสมาคม (พศ.)ได้มีคำสั่งปลดจากตำแหน่ง ประธานสำนักงานกำกับดูแลพระธรรมทูตไปต่างประเทศ
“การสั่งพักงานเจ้าคุณเสนาะทั้ง 3 ตำแหน่ง ได้แก่ เจ้าอาวาส เจ้าคณะภาค และประธานสำนักงานกำกับดูแลพระธรรมทูตไปต่างประเทศ เป็นไปตามกฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ 23 ว่าด้วยระเบียบการปกครองคณะสงฆ์ พ.ศ. 2541 และอยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูลของพระสงฆ์ที่มีคุณสมบัติและมีความเหมาะสมที่จะเป็นกรรมการ มส.รูปใหม่ ต่อไป
“ส่วนแนวทางแก้ปัญหางบประมาณ 67 ล้านบาทนั้น พระเถระชั้นผู้ใหญ่เห็นว่าควรที่จะคืนเงินให้แก่ พศ .เพื่อเป็นการบรรเทาปัญหาที่เกิดขึ้น และไม่ให้กระทบต่อคณะสงฆ์โดยภาพรวม” ผอ.พศ.แจกแจง
ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ พระพรหมสุธี ถูกโจมตีอย่างหนักถึงพฤติกรรมที่น่าเคลือบแคลงหลายอย่าง โดยมีข้อมูลตีแผ่ออกมาทางโซเชียลเน็ตเวิร์คผ่านเฟซบุ๊กที่ใช้ชื่อว่า “ตีแผ่ความจริง คนไร้คุณธรรม ไร้ความเป็นผู้นำ” ที่ระบุถึง ความร่ำรวยผิดปกติของ พระพรหมสุธี เช่น ธุรกิจสวนกล้วยไม้กว่า 300 ไร่ มูลค่ากว่า 100 ล้านบาท, สวนมะยงชิด, ฟาร์มเพาะพันธุ์ไก่ชน, เพาะพันธุ์ปลากัด, เพาะพันธุ์นกเขา, ธุรกิจปล่อยเงินกู้, รวมถึงการเป็นเจ้าของรีสอร์ทหรู ธุรกิจบ้านจัดสรร รวมแล้วมีมูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาท ซึ่งเจ้าของเฟซบุ๊คดังกล่าวเปิดเผยรายละเอียดเป็นเอกสารกว่า จำนวน 19 หน้า
อย่างไรก็ตาม พระพรหมสุธี ยอมรับว่าธุรกิจที่ถูกอ้างถึงในสื่อสังคมออนไลน์ เป็นธุรกิจของครอบครัวที่มีอยู่เดิม แต่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกัน ขณะที่ทรัพย์สิน เช่น รถยนต์ราคาแพงกว่า 20 คัน ได้มาโดยการบริจาคของลูกศิษย์ โดยส่วนใหญ่นำไปใช้ในกิจการของวัด พร้อมทั้งปฏิเสธไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกิจรีสอร์ท หรือบ้านจัดสรร ตามที่ถูกกล่าวหาแต่อย่างใด
นอกจากนั้นยังมีข้อกล่าวหาด้วยว่า พระพรหมสุธี เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องการแทรกแซงกิจการภายในของวัดโสธรวรารามวรวิหาร จ.ฉะเชิงเทรา ก่อนที่ พระราชมงคลวุฒาจารย์ หรือหลวงปู่สุธีร์ อดีตเจ้าอาวาสวัดโสธร จะมรณภาพเนื่องจากมีความเครียดจากการถูกกล่าวหาในความไม่โปร่งใสทางการเงินจากการบริหารวัดโสธรฯ หลัง พระราชมงคลวุฒาจารย์ มรณภาพ มหาเถรสมาคมก็ได้มอบหมายให้ พระพรหมสุธี มาทำหน้าที่รักษาการเจ้าอาวาส ระหว่างปี 2547 - 2552 รวมระยะเวลาครองวัด 5 ปีเต็ม
แน่นอน ขณะนี้มหาเถรสมาคม (มส.) แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนพระพรหมสุธีเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้วเช่นกัน โดยชุดแรกเป็นกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง กรณีเงินบริจาควัดโสธรวรารามวรวิหาร จ.ฉะเชิงเทรา มีสมเด็จพระพุฒาจารย์ (สนิท ชวนปญฺโญ) วัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร เป็นประธานกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง สำหรับชุดที่ 2 คือ กรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงการใช้จ่ายงบประมาณจัดงานพระราชทานเพลิงสมเด็จพระพุฒาจารย์.(เกี่ยว อุปเสโณ) 67 ล้านบาท มีสมเด็จพระพุทธชินวงศ์ (สมศักดิ์ อุปสโม) วัดพิชยญาติการาม เป็นประธาน
ถึงตรงนี้...คงต้องติดตามเส้นทางสมณเพศของพระพรหมสุธีหรือเจ้าคุณเสนาะผู้มากบารมีอย่างไม่กระพริบตา รวมกระทั่งถึงลูกศิษย์คนสำคัญอย่าง “พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ กิตฺติจิตฺโต” หรือ “หลวงพี่น้ำฝน” เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม ขาใหญ่แห่งเมืองนครปฐม ในฐานะฐานานุกรมของเจ้าคุณเสนาะด้วย