พักตำแหน่งเจ้าคณะภาค 12 เจ้าคุณเสนาะ ตั้ง เทพรัตนมุนี รองภาค รักษาการแทน ขณะที่ สตง. ระบุ ตรวจเงิน 67 ล้าน ยังไม่ได้ข้อยุติขอเวลาดำเนินการต่อ วอนรักษาการเจ้าอาวาสวัดสระเกศ รูปใหม่ สอบบัญชีวัดและบัญชีเกี่ยวเนื่องเพิ่ม ย้ำเงิน 26 ล้านไม่ได้ใช้ต้องคืนหลวง เรื่องจะได้ทุเลา
จากการสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง วรปุญฺโญ) ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช มีคำสั่งปลดพระพรหมสุธี (เสนาะ ปญฺญาวชิโร) หรือเจ้าคุณเสนาะ ออกจากตำแหน่งกรรมการมหาเถรสมาคม(มส.) อีกทั้ง พระพรหมดิลก(เอื้อน หาสธมฺโม) เจ้าอาวาสวัดสามพระยา กรรมการ มส. ในฐานะเจ้าคณะกรุงเทพมหานคร ยังมีคำสั่งเจ้าคณะกรุงเทพฯ พักงานพระพรหมสุธี จากตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร พร้อมทั้งแต่งตั้งพระพรหมสิทธิ (ธงชัย สุขญาโณ) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศ ขึ้นเป็นรักษาการเจ้าอาวาสวัดสระเกศ ทั้งนี้ สาเหตุของการออกทั้ง 2 คำสั่งดังกล่าว มาจากการที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ตรวจพบความผิดปกติของงบประมาณการจัดงานพระราชทานเพลิงศพ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ) อดีตเจ้าอาวาสวัดสระเกศ และอดีตประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช จำนวน 67 ล้านบาท ซึ่งงบฯดังกล่าวพระพรหมสุธี ในขณะที่ยังเป็นเจ้าอาวาสวัดสระเกศ มีอำนาจเบิกจ่ายได้แต่เพียงผู้เดียวนั้น
วันนี้ (17 ม.ค.) นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน กล่าวว่า ขณะนี้เรื่องการตรวจสอบงบประมาณงานพระราชทานเพลิงศพสมเด็จเกี่ยว จำนวน 67 ล้านบาท ยังไม่ได้ข้อยุติเกี่ยวกับเงินอุดหนุนดังกล่าว จึงต้องดำเนินการตรวจต่อ รวมทั้งต้องขึ้นอยู่กับรักษาการเจ้าอาวาสวัดสระเกศ รูปใหม่ ว่า จะมีการดำเนินการเรื่องนี้อย่างไร ถ้าหากว่ามีเงินบริจาคในงานศพมากเพียงพอที่จะเบิกจ่ายทดแทนเงินงบประมาณแผ่นดินแล้วนำมาส่งคืนให้แก่รัฐ ก็สามารถทุเลาปัญหาลงได้บ้าง ซึ่งปัจจุบัน สตง. พบว่า มีเงินอยู่ในบัญชีจำนวน 11 ล้านบาท ที่ยังไม่ได้ใช้จ่าย และอีก 15 ล้านบาท ที่นำไปไว้ที่กองทุนเผยแผ่พระพุทธศาสนา ของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) 2 ส่วนนี้เห็นชัดเจนเลยว่า ต้องเร่งดำเนินการส่งคืน ส่วนอีก 41 ล้านบาทที่ได้มีการเบิกจ่าย ก็ต้องตรวจสอบจากเอกสารการเบิกจ่าย อีกทั้ง สตง. จะขอความเมตตาเข้าตรวจบัญชีของวัด และบัญชีอื่นๆ เพื่อประกอบการพิจารณาด้วย
นายพิศิษฐ์ กล่าวว่า ส่วนความผิดที่ได้มีการกระทำหรือเบิกจ่ายงบประมาณผิดวัตถุประสงค์นั้น สตง. พบว่า เงินอุดหนุนมีการเปิดบัญชีขึ้นมาใหม่ เพื่อเบิกจ่าย ทั้งนี้ เมื่อการเบิกจ่ายไม่เป็นไปตามข้อเท็จจริงก็ต้องมีการสอบสวน โดยความผิดมีได้ในหลายระดับซึ่งต้องขึ้นอยู่กับหลักฐาน ข้อเท็จจริง เจตนาในการใช้จ่าย ถ้าใช้จ่ายเพื่อทดรองจ่ายและนำเงินบริจาคมาชดเชยส่งคืนราชการ ถือว่ายังไม่เกิดความเสียหาย ทั้งนี้ สตง. ยังคงไม่ได้สรุปความผิดออกมา และต้องขอเวลาติดตามข้อเท็จจริงจากรักษาการเจ้าอาวาสรูปใหม่ก่อน เพื่อดูว่าทางวัดจะบริหารจัดการอย่างไร จึงสรุปผลออกมาอีกครั้ง
“ทาง สตง. รายงานข้อเท็จจริงต่อสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราชอย่างต่อเนื่อง และในระยะนี้มีการเปลี่ยนแปลงการปกครองคณะสงฆ์ของวัดสระเกศแล้ว สตง. จะขอติดตามการบริหารจัดการเงินงบประมาณแผ่นดินนี้จากรักษาการเจ้าอาวาสรูปใหม่ว่า จะดำเนินการอย่างไร”นายพิสิษฐ์ กล่าว
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
