xs
xsm
sm
md
lg

ส่อทุจริต3เรื่องใหญ่ในศธ. ผู้ตรวจชง"คสช.-รมว."สอบ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

วานนี้ (22ม.ค.) นายรักษเกชา แฉ่ฉาย รองเลขาธิการ และโฆษกสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน เปิดเผยว่า ผู้ตรวจการแผ่นดิน มีหนังสือแจ้งไปยัง รองหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (ฝ่ายสังคมและจิตวิทยา) รมว.ศึกษาธิการ เมื่อวันที่ 15 ม.ค. ที่ผ่านมา เพื่อขอให้มีคำสั่งแต่งตั้ง คณะกรรมการสืบสวนกรณีการดำเนินงานของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครู และบุคลากรทางการศึกษา ( สกสค.) ใน 3 ประเด็น ประกอบด้วย
1. กรณีการสั่งจ่ายเช็คเงินสด ค่าผิดสัญญาการจัดจำหน่าย และจ้างพิมพ์สื่อการเรียนการสอนของสำนักงาน สกสค. จำนวน 55 ล้านบาท ให้กับบริษัท 2020 เวิลด์มีเดีย จำกัด โดยรักษาการผู้อำนวยการ สกสค. เมื่อปี 2555 ที่พบว่า ได้มีการจัดทำสัญญาประนีประนอมยอมความให้กับ บริษัท 2020 เวิลด์มีเดีย จำกัด โดยให้สำนักงานสกสค. อยู่ในฐานะ“ลูกหนี้” ทั้งที่ยังไม่ได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดในคดีดังกล่าว และยังได้ยกเลิก หรือถอนการยื่นอุทธรณ์ในคดีตามสัญญาประนีประนอมยอมความฉบับดังกล่าว ส่งผลให้สำนักงานคณะกรรมการ สกสค. และทางราชการได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรง ทั้งที่ ตามกฎหมาย รักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการองค์การค้าของ สกสค. ไม่มีอำนาจในการถอนฟ้อง , ไกล่เกลี่ยคดี หรือประนีประนอมยอมความในชั้นศาลโดยลำพัง ส่งผลให้องค์การค้าของสำนักงานคณะกรรมการ สกสค. อยู่ในฐานะเสียเปรียบเอกชนตามสัญญาประนีประนอมยอมความ เข้าข่ายว่ามีเหตุอันควรสงสัยว่า มีการทุจริตหรือประพฤติมิชอบในหน่วยงานของรัฐ และมีมูลความผิดทางวินัย
2. กรณีการสรรหาบุคคลเพื่อดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการองค์การค้าสำนักงานคณะกรรมการ สกสค. เมื่อปี 2555 ของประธานคณะกรรมการสรรหา ที่เปิดโอกาสให้ นายสมมาตร์ มีศิลป์ ผู้ที่มีคุณลักษณะต้องห้ามเข้ารับการสรรหา เข้าข่ายเป็นการกระทำไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากข้อเท็จจริงพบว่า ประธานกรรมการอำนวยการคุรุสภา เคยมีคำสั่งเลิกจ้าง นายสมมาตร์ จากเหตุมีพฤติการณ์ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ทุจริต เบียดบัง ยักยอกทรัพย์สินของคุรุสภา และ ถูกฟ้องเป็นจำเลย ต่อศาลแขวงพระนครเหนือ และปัจจุบันคดียังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา จึงถือว่านายสมมาตร์ เป็นผู้มีส่วนได้เสียกับองค์การค้าสำนักงานคณะกรรมการสกสค. เข้าข่ายมีลักษณะต้องห้ามในการเข้ารับการสรรหาเป็นผู้อำนวยการองค์การค้าสำนักงานคณะกรรมการ สกสค.
3. กรณีการก่อสร้างอาคารศูนย์พัฒนาครู และบุคลากรทางการศึกษาจังหวัดเชียงใหม่ มูลค่าโครงการ 360 ล้านบาท ที่พบว่า อาจมีการดำเนินการที่มิชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากปัจจุบันเอกชนคู่สัญญาศาลล้มละลายกลางได้มีคำพิพากษาให้ล้มละลาย และเมื่อตรวจสอบระบบคลังข้อมูลธุรกิจ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ไม่ปรากฏอาชีพที่แน่นอนของบริษัทที่นำมากล่าวอ้างแต่อย่างใด รวมทั้งนิติบุคคลดังกล่าวไม่มีสำนักงานแห่งใหญ่ ณ ที่ตั้งตามที่จดทะเบียนไว้ ซึ่งหากการสอบสวนพบว่า มีผู้กระทำความผิดขอให้ดำเนินการทางวินัยและอาญาโดยเด็ดขาด และขอให้รมว.ศึกษาแจ้งผลการดำเนินการให้สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินทราบต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น