ผบช.ภาค 8 ลงพื้นที่ สภ.คุระบุรี จังหวัดพังงา เร่งติดตามคดี 6 ตำรวจภูธรจังหวัดระนอง ยิงเรือประมงได้รับความเสียหาย เบื้องต้นสั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนและสั่งย้าย 6 ตำรวจช่วยราชการที่สุราษฎร์ธานีและนครศรีธรรมราช หากพบกระทำผิดจริงสั่งฟันทั้งทางอาญา และวินัย พร้อมให้ความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย
วานนี้ (19 ม.ค.) พล.ต.ท.เดชา บุตรน้ำเพชร ผบช.ภาค 8 พร้อมด้วย พล.ต.ต.สมชาย นิตยบวรกุล รอง ผบช.8 ลงพื้นที่ สภ.คุระบุรี ประชุมตำรวจในสังกัด จ.พังงา โดยมี พล.ต.ต.ชลิต แก้วยะรัตน์ ผบก.ภ.จว.พังงา พร้อมรอง ผบก.ภ.จว.พังงา อาทิ พ.ต.อ.ฉัฐวัชร เทวาหุดี, พ.ต.อ.โชติ ชิดไชย และ พ.ต.อ.ธรัฐชา ถมปัด พร้อมตำรวจในสังกัดเพื่อติดตามคดีตำรวจภูธรจังหวัดระนอง ที่ใช้อาวุธปืนยิงเรือประมง บารมีพ่อ 9 ซึ่งเป็นเรือที่ออกไปหาปูจักจั่นในทะเล ช่วงเขตรอยต่อ จ.พังงา-ระนองจนได้รับความเสียหาย ทำให้ลูกเรือชาวพม่าต้องลอยคอขอความช่วยเหลือกว่า 4 ชั่วโมงและทางเจ้าของเรือได้เข้าแจ้งความไว้ที่ สภ.คุระบุรี เพื่อดำเนินคดีเอาผิดต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ 6 นายและพลเรือน 1 คน ซึ่งเป็นคนขับเรือ ในข้อหาพยายามฆ่า
เบื้องต้นทางตำรวจที่ถูกกล่าวหาได้เข้าให้ปากคำต่อพนักงานสอบสวน สภ.คุระบุรี และปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาโดยจะไปให้การในชั้นศาลเท่านั้น โดยได้มอบหมายให้ พล.ต.ต.ชลิต แก้วยะรัตน์ ผบก.ภ.จว.พังงา เป็นหัวหน้าหัวชุดในการสอบสวนหาข้อเท็จจริง
โดยเบื้องต้นได้ลงคำสั่งให้ย้ายตำรวจทั้ง 6 นายไปช่วยราชการที่ จ.สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช เพื่อความสบายใจของทั้ง 2 ฝ่ายทั้งของตำรวจเองและของเจ้าของเรือและขอให้ทางเจ้าของเรือสบายใจได้ในเรื่องของความปลอดภัย โดยคณะกรรมการสอบสวนจะให้ความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่ายจะดูว่าเป็นเรื่องของความตั้งใจ หรือไม่ตั้งใจเหมาะสมหรือไม่เหมาะสมทั้งตำรวจ ทหาร เราต้องทำงานร่วมกันทั้งทางบก และทางทะเล ทุกอย่างมีกระบวนการในการสอบสวน ต้องรอผลการสอบสวนก่อน ซึ่งตอนนี้ตนยังไม่สามารถพูดถึงเรื่องรายละเอียดอะไรได้มากนัก
พล.ต.ท.เดชา กล่าวว่า ได้มาดูเรื่องสำนวนและกำชับเข้มงวดในเรื่องนโยบายที่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร.เรื่องการค้ามนุษย์และกฎหมายเกี่ยวกับเด็กและสตรี เป็นที่ทราบกันว่าการค้ามนุษย์ชาวโรฮิงญาที่เกิดขึ้นทางฝั่งทะเลอันดามัน ซึ่งมีการเคลื่อนย้ายกันและถูกจับกุมได้หลายครั้ง โดยครั้งล่าสุดสามารถจับกุมได้ที่ อ.หัวไทร ซึ่งได้มีการติดตามขยายผลจนสามารถจับกุมได้ผู้ต้องหาหลายคนร่วมขบวนการ
ส่วนเรื่องคดีที่ตำรวจมีปัญหากับเรือประมงบารมีพ่อ 9 มีพนักงานสอบสวน สภ.คุระบุรีนั้น พล.ต.ต.ชลิต ได้รับมอบหมายให้ดูแลการสอบสวนในเรื่องของสำนวนเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย โดยเรื่องทั้งหมดนี้จะรู้จะทราบก็ต่อเมื่อพยานหลักฐานเป็นอย่างไร ให้ดำเนินการไปตามอำนาจหน้าที่ของพนักงานสอบสวน
พล.ต.ท.เดชา กล่าว กล่าวต่อว่า ในส่วนของพนักงานสอบสวนทั้ง 6 นายเพื่อให้เกิดความสบายใจ ตนได้มีคำสั่งให้ไปช่วยราชการที่ จ.นครศรีธรรมราช และสุราษฎร์ธานี โดยมี พล.ต.ต.ชลิต เป็นประธานในการดำเนินการสอบสวนดูแลในเรื่องขั้นตอนการสอบสวนและเรื่องของวินัย ส่วนเรื่องของอาญาก็เป็นเรื่องของพนักงานสอบสวน
"แต่ตอนนี้เรายังบอกไม่ได้ว่าใครผิดหรือถูก เพราะไม่มีใครรู้ว่าในการปฏิบัติหน้าที่บกพร่องหรือเปล่า ต้องใช้เวลาในการสอบสวน ซึ่งทั้ง 2 ฝ่ายจะได้รับความเป็นธรรมอย่างแน่นอน ตำรวจทุกนายมีอำนาจหน้าที่ที่รับผิดชอบในคำสั่งผู้บังคับบัญชา เช่น ตำรวจคุระบุรี อยู่บนเขา อยู่ในทะเล ทำได้หมด เพียงแต่ว่าถูกต้องหรือไม่ถูกต้อง เหมาะสมหรือไม่เหมาะสม" พล.ต.ท.เดชา กล่าว พร้อมกล่าวต่อว่า
ส่วนการทำงานจะมีกระบวนการรูปแบบการตรวจสอบ สอบสวนในทะเลทั้งหมดคงต้องทำงานร่วมกันกับตำรวจ ทหาร ซึ่งต้องมีการประสานงานกัน ส่วนเรื่องของอาวุธปืนมีสายงานการบังคับบัญชาในการนำมาใช้ต้องตรวจสอบในขั้นตอนต่อไป ซึ่งระยะเวลาในการตรวจสอบคงต้องอยู่ที่คณะกรรมการการตรวจสอบ ซึ่งมี พล.ต.ต.ชลิต เป็นประธานในการสอบสวน
ส่วนพยานแวดล้อมซึ่งเป็นเรือประมงอีก 4 ลำ เป็นผู้ที่วิทยุขอความช่วยเหลือให้มาช่วยเรือประมง บารมีพ่อ 9 ทางพนักงานสอบสวนก็จะเรียกตัวมาสอบสวนเพิ่มเติมเช่นกัน ตอนนี้พนักงานสอบสวนเป็นผู้รวบรวมพยานหลักฐาน ทั้งตัวผู้ต้องหา คือ ตำรวจที่มามอบตัว ซึ่งตอนนี้ยังเป็นผู้ถูกกล่าวหา ทางผู้กล่าวหาก็คือ ผู้เสียหายคือ เรือบารมีพ่อ 9 พนักงานสอบสวนมีหน้าที่รวบรวมพยานหลักฐานว่าอันไหนมันควรถูก หรือผิดเพื่อรวบรวมหลักฐานส่งพนักอัยการ ส่งศาล ในเรื่องของกระบวนการยุติธรรม ส่วนในเรื่องของระเบียบวินัย ซึ่งก็ได้สั่งตั้งกรรมการสืบสวนหาข้อเท็จจริงว่าตำรวจที่ไปปฏิบัติหน้าที่ถูกต้องจริงหรือไม่ เพราะตอนนี้ยังคงบอกอะไรไม่ได้ว่าใครถูกใครผิด
วานนี้ (19 ม.ค.) พล.ต.ท.เดชา บุตรน้ำเพชร ผบช.ภาค 8 พร้อมด้วย พล.ต.ต.สมชาย นิตยบวรกุล รอง ผบช.8 ลงพื้นที่ สภ.คุระบุรี ประชุมตำรวจในสังกัด จ.พังงา โดยมี พล.ต.ต.ชลิต แก้วยะรัตน์ ผบก.ภ.จว.พังงา พร้อมรอง ผบก.ภ.จว.พังงา อาทิ พ.ต.อ.ฉัฐวัชร เทวาหุดี, พ.ต.อ.โชติ ชิดไชย และ พ.ต.อ.ธรัฐชา ถมปัด พร้อมตำรวจในสังกัดเพื่อติดตามคดีตำรวจภูธรจังหวัดระนอง ที่ใช้อาวุธปืนยิงเรือประมง บารมีพ่อ 9 ซึ่งเป็นเรือที่ออกไปหาปูจักจั่นในทะเล ช่วงเขตรอยต่อ จ.พังงา-ระนองจนได้รับความเสียหาย ทำให้ลูกเรือชาวพม่าต้องลอยคอขอความช่วยเหลือกว่า 4 ชั่วโมงและทางเจ้าของเรือได้เข้าแจ้งความไว้ที่ สภ.คุระบุรี เพื่อดำเนินคดีเอาผิดต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ 6 นายและพลเรือน 1 คน ซึ่งเป็นคนขับเรือ ในข้อหาพยายามฆ่า
เบื้องต้นทางตำรวจที่ถูกกล่าวหาได้เข้าให้ปากคำต่อพนักงานสอบสวน สภ.คุระบุรี และปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาโดยจะไปให้การในชั้นศาลเท่านั้น โดยได้มอบหมายให้ พล.ต.ต.ชลิต แก้วยะรัตน์ ผบก.ภ.จว.พังงา เป็นหัวหน้าหัวชุดในการสอบสวนหาข้อเท็จจริง
โดยเบื้องต้นได้ลงคำสั่งให้ย้ายตำรวจทั้ง 6 นายไปช่วยราชการที่ จ.สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช เพื่อความสบายใจของทั้ง 2 ฝ่ายทั้งของตำรวจเองและของเจ้าของเรือและขอให้ทางเจ้าของเรือสบายใจได้ในเรื่องของความปลอดภัย โดยคณะกรรมการสอบสวนจะให้ความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่ายจะดูว่าเป็นเรื่องของความตั้งใจ หรือไม่ตั้งใจเหมาะสมหรือไม่เหมาะสมทั้งตำรวจ ทหาร เราต้องทำงานร่วมกันทั้งทางบก และทางทะเล ทุกอย่างมีกระบวนการในการสอบสวน ต้องรอผลการสอบสวนก่อน ซึ่งตอนนี้ตนยังไม่สามารถพูดถึงเรื่องรายละเอียดอะไรได้มากนัก
พล.ต.ท.เดชา กล่าวว่า ได้มาดูเรื่องสำนวนและกำชับเข้มงวดในเรื่องนโยบายที่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร.เรื่องการค้ามนุษย์และกฎหมายเกี่ยวกับเด็กและสตรี เป็นที่ทราบกันว่าการค้ามนุษย์ชาวโรฮิงญาที่เกิดขึ้นทางฝั่งทะเลอันดามัน ซึ่งมีการเคลื่อนย้ายกันและถูกจับกุมได้หลายครั้ง โดยครั้งล่าสุดสามารถจับกุมได้ที่ อ.หัวไทร ซึ่งได้มีการติดตามขยายผลจนสามารถจับกุมได้ผู้ต้องหาหลายคนร่วมขบวนการ
ส่วนเรื่องคดีที่ตำรวจมีปัญหากับเรือประมงบารมีพ่อ 9 มีพนักงานสอบสวน สภ.คุระบุรีนั้น พล.ต.ต.ชลิต ได้รับมอบหมายให้ดูแลการสอบสวนในเรื่องของสำนวนเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย โดยเรื่องทั้งหมดนี้จะรู้จะทราบก็ต่อเมื่อพยานหลักฐานเป็นอย่างไร ให้ดำเนินการไปตามอำนาจหน้าที่ของพนักงานสอบสวน
พล.ต.ท.เดชา กล่าว กล่าวต่อว่า ในส่วนของพนักงานสอบสวนทั้ง 6 นายเพื่อให้เกิดความสบายใจ ตนได้มีคำสั่งให้ไปช่วยราชการที่ จ.นครศรีธรรมราช และสุราษฎร์ธานี โดยมี พล.ต.ต.ชลิต เป็นประธานในการดำเนินการสอบสวนดูแลในเรื่องขั้นตอนการสอบสวนและเรื่องของวินัย ส่วนเรื่องของอาญาก็เป็นเรื่องของพนักงานสอบสวน
"แต่ตอนนี้เรายังบอกไม่ได้ว่าใครผิดหรือถูก เพราะไม่มีใครรู้ว่าในการปฏิบัติหน้าที่บกพร่องหรือเปล่า ต้องใช้เวลาในการสอบสวน ซึ่งทั้ง 2 ฝ่ายจะได้รับความเป็นธรรมอย่างแน่นอน ตำรวจทุกนายมีอำนาจหน้าที่ที่รับผิดชอบในคำสั่งผู้บังคับบัญชา เช่น ตำรวจคุระบุรี อยู่บนเขา อยู่ในทะเล ทำได้หมด เพียงแต่ว่าถูกต้องหรือไม่ถูกต้อง เหมาะสมหรือไม่เหมาะสม" พล.ต.ท.เดชา กล่าว พร้อมกล่าวต่อว่า
ส่วนการทำงานจะมีกระบวนการรูปแบบการตรวจสอบ สอบสวนในทะเลทั้งหมดคงต้องทำงานร่วมกันกับตำรวจ ทหาร ซึ่งต้องมีการประสานงานกัน ส่วนเรื่องของอาวุธปืนมีสายงานการบังคับบัญชาในการนำมาใช้ต้องตรวจสอบในขั้นตอนต่อไป ซึ่งระยะเวลาในการตรวจสอบคงต้องอยู่ที่คณะกรรมการการตรวจสอบ ซึ่งมี พล.ต.ต.ชลิต เป็นประธานในการสอบสวน
ส่วนพยานแวดล้อมซึ่งเป็นเรือประมงอีก 4 ลำ เป็นผู้ที่วิทยุขอความช่วยเหลือให้มาช่วยเรือประมง บารมีพ่อ 9 ทางพนักงานสอบสวนก็จะเรียกตัวมาสอบสวนเพิ่มเติมเช่นกัน ตอนนี้พนักงานสอบสวนเป็นผู้รวบรวมพยานหลักฐาน ทั้งตัวผู้ต้องหา คือ ตำรวจที่มามอบตัว ซึ่งตอนนี้ยังเป็นผู้ถูกกล่าวหา ทางผู้กล่าวหาก็คือ ผู้เสียหายคือ เรือบารมีพ่อ 9 พนักงานสอบสวนมีหน้าที่รวบรวมพยานหลักฐานว่าอันไหนมันควรถูก หรือผิดเพื่อรวบรวมหลักฐานส่งพนักอัยการ ส่งศาล ในเรื่องของกระบวนการยุติธรรม ส่วนในเรื่องของระเบียบวินัย ซึ่งก็ได้สั่งตั้งกรรมการสืบสวนหาข้อเท็จจริงว่าตำรวจที่ไปปฏิบัติหน้าที่ถูกต้องจริงหรือไม่ เพราะตอนนี้ยังคงบอกอะไรไม่ได้ว่าใครถูกใครผิด