xs
xsm
sm
md
lg

“บิ๊กตู่”เปิดทางสนช.ถอด“ปู”ปัดจ้องทำร้ายใคร-ไม่ตอบเคส‘แม้ว’

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“ประยุทธ์” ฉุนนักข่าวซักปมถอดถอน สวนอย่ามาถามงี่เง่า ลั่นห้ามวุ่นวาย ย้ำใครทำผิด กม.ไม่ปรองดองด้วย ชี้หน้าที่ สนช.ตาม รธน. ปัดตั้งมาทำร้ายใคร ตอบไม่ถูก “ทักษิณ” เข้าข่ายนิรโทษฯหรือไม่ วอนคนไทยแยกแยะเงินบริจาค UNHCR ไม่เกี่ยว “ตั้ง อาชีวะ” ยันทำหนังสือแจ้งหลายประเทศแล้ว แต่ไร้ฟีดแบ็ค สนช.ประสานเสียงไม่มีใบสั่ง-ล็อบบี้ แย้ม 153 เสียงโหวตสอย “ยิ่งลักษณ์” ชี้พลาดไม่มาตอบเอง ด้าน “จตุพร” ทำใจอดีตนายกฯไม่รอดแน่ แต่เบรกสาวกอย่าเพิ่งขยับ “นิคม” เชื่อตัวเองรอด ขณะที่วง สปช.เชื่อชี้ชะตาประเทศ ขณะที่ “วิชัย” ป.ป.ช.อัด พท.ฟ้องคุณสมบัติ “ภักดี” หวังผลทางการเมือง ฉะไร้ศักดิ์ศรี-ไม่เคารพศาล

วานนี้ (19 ม.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงการพิจารณาวาระถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ฐานปล่อยปะละเลยให้มีการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว ซึ่งสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) จะลงมติในวันที่ 23 ม.ค.นี้ว่า ใครอยากวิจารณ์ก็วิจารณ์ไป เป็นเรื่องการทำหน้าที่ของ สนช. ซึ่งตั้งมาเพื่อทำงานแทนสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา ไม่ได้ตั้งขึ้นมาเพื่อไปลงโทษใครเป็นหลัก

เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่า คสช.ส่งสัญญาณไปให้ สนช.ถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวเสียงดังว่า “ให้ไปถามหมอดูสิ”

เมื่อถามต่อว่า แต่นายกฯควรจะชี้แจงให้มีความชัดเจนจะได้หายสงสัย พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยน้ำเสียงมีอารมณ์ว่า “ใครสั่งล่ะ ใครสั่ง ก็ไม่มี ไม่เห็นมีใครไปสั่ง ใครพูดก็ไปถามคนนั้น อย่ามาถามอะไรงี่เง่า”

เมื่อถามย้ำว่า แต่ฝ่ายการเมืองก็ออกมาวิจารณ์ว่า คสช.มีการส่งสัญญาณไป พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ก็ไปถามนักการเมืองสิ ไม่มีการส่งสัญญาณอะไรทั้งนั้น ใครพูดก็ให้ไปถามคนนั้น ไม่มีอะไรทั้งสิ้น

ส่วนกรณีที่ทนาย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ขู่ว่าจะมีการฟ้อง สนช.หากลงมติถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์นั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ก็ขู่ไป ฟ้องได้ก็ฟ้องมา ตนไม่กลัว

“บิ๊กตู่” ฮึ่มโหวตถอดถอนห้ามวุ่น

ผู้สื่อข่าวถามว่า กังวลหรือไม่ที่จะเกิดเหตุการณ์วุ่นวายในการลงมติถอดถอนวันที่ 23 ม.ค.นี้ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า จะเกิดความวุ่นวายไม่ได้ ถ้าเป็นเช่นนั้นก็ไม่ต้องเคารพกฎกติกาบ้านเมืองกันแล้ว หากประชาชนส่วนใหญ่อยากทำอย่างนั้น ก็โอเค แต่ตนไม่ให้ทำ ถ้าทุกคนจะทำตามใจชอบก็ไม่ต้องทำอะไรกันแล้ว ทุกอย่างต้องว่ากันด้วยหลักฐาน ข้อเท็จจริง เราจะไม่เคารพกันเลยหรืออย่างไร

เมื่อถามต่อว่า เรื่องนี้จะทำให้เกิดความขัดแย้งตามมาหรือไม่ นายกฯกล่าวว่า ยังไม่ทราบ รอให้ สนช.ตัดสินมาก่อน และที่มีการนำไปโยงกับการปรองดองนั้น ตนพูดมาหลายรอบแล้ว การทำผิดกฎหมายจะปรองดองได้หรือไม่ ทุกคนก็รู้ดี ถ้าอย่างนั้นคนฆ่าคนตาย คดโกง ทุจริต ก็ต้องปรองดองหมดอย่างนั้นหรือ ลองไปคิดดูว่าจะเอาความรุนแรง มวลชน ขนอาวุธออกมาต่อต้านการทำงานของรัฐบาลได้หรือไม่ หรือจะใช้การเรียกร้องต่างชาติเข้ามาแก้ไขปัญหาในประเทศเรา อย่างนี้มันสมควรหรือ สื่อเห็นด้วยหรือไม่ ผิดหรือถูก ทุกคนรู้ดี

“การสร้างความปรองดองนั้น รัฐบาลทำมานานแล้ว ไม่ใช่เพิ่งมีแนวคิด ทุกคนต้องเข้าใจว่า ปรองดองคืออะไร ต้องทำให้เกิดความปรองดองก่อน ซึ่งก็คือการพูดคุยกัน ไม่ทะเลาะกัน กฎหมายก็ต้องเป็นไปตามกฎหมาย ถ้ารับโทษทางกฎหมายแล้ว ติดคุกแล้ว ก็มาสู่ขั้นตอนการขออภัยโทษ หรือการนิรโทษ แต่ก็ต้องเข้าใจว่า การนิรโทษในเรื่องที่มีการทุจริต ก็เป็นไปไม่ได้ โดยเฉพาะคดีการเมือง เพราะถือเป็นคดีอาญา” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

ปัดตอบ “นช.แม้ว” เข้าข่ายนิรโทษฯ

ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ไม่เข้าข่ายการนิรโทษกรรมหรือไม่ นายกฯปฏิเสธที่จะตอบคำถามโดยกล่าวเพียงว่า ไม่รู้ ไม่ทราบ

เมื่อถามว่ากรณีการถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ส่วนตัวมีความสงสารหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า สงสารใคร สงสารได้หรือไม่ คนทำความผิด ถ้าทำผิดแล้วสงสารได้หรือไม่ ซึ่งหมายรวมถึงทุกคน ไม่ได้เจาะจงใครคนใดคนหนึ่ง ถ้าทำผิดก็สงสาร แต่ทำอะไรไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องของกฎหมาย อย่าไปทำผิดกฎหมายแล้วกัน

เมื่อถามต่อว่า หาก สนช.มีมติออกมาอย่างใดอย่างหนึ่ง จะเป็นบรรทัดฐานในกระบวนการกฎหมายต่อไปหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า คนละเรื่อง คนละประเด็น กฎหมายเขาพิจารณาโดยนักกฎหมาย ผู้พิพากษา ซึ่งมีกระบวนการพิจารณาหลายกระบวนการ ซึ่งการตัดสินจะถูกหรือผิด อยู่ที่ สนช.ในฐานะที่ทำหน้าที่แทนสภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภา

ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า จะเชื่อมโยงไปถึงคดีอาญาที่อัยการสูงสุดกำลังพิจารณาอยู่ในขณะนี้ หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เป็นคนละกระบวนการ การถอดถอนของ สนช. เป็นกระบวนการในสภาฯ แต่อีกเรื่องที่มีการแจ้งความในคดีอาญาหรือแพ่ง ก็ต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม

เชื่อกีวีทบทวนสถานะ “ไอ้ตั้ง”

ผู้สื่อข่าวยังได้ถามถึงกรณี นายเอกภพ เหลือรา หรือตั้ง อาชีวะ ผู้ต้องหาคดีหมิ่นสถาบันเบื้องสูงที่ได้ลี้ภัยอยู่ที่ประเทศนิวซีแลนด์ โดยการช่วยเหลือของสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอชซีอาร์) พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ขณะนี้ได้ทำเรื่องไปแล้ว แต่ทางยูเอ็นเอชซีอาร์ยังเฉยๆอยู่ โดยอ้างว่า เป็นการดูแลทางด้านสิทธิมนุษยชน เราจะทำอย่างไรได้

ส่วนกรณีที่คนไทยแห่ถอนเงินบริจาคให้กับยูเอ็นเอชซีอาร์นั้น นายกฯ กล่าวว่า อยากให้สื่อช่วยอธิบายว่า ไม่เกี่ยวกัน ต้องแยกแยะกันคนละเรื่อง กรณีของประเทศนิวซีแลนด์เชื่อว่า คงจะมีการพิจารณาทบทวน หลังมีปฏิกิริยาต่อต้าน และกระทรวงการต่างประเทศของไทยก็ได้ทำหนังสือไปแล้ว 7-8 ประเทศที่มีคนเหล่านี้หลบไปอยู่ แต่ก็ยังไม่มีการตอบกลับมา ซึ่งเราก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะเราเองก็ไม่เข้มแข็งพอที่จะไปต่อสู้กับทั้งโลก รอให้เราเป็นมหาอำนาจก่อน ค่อยคิดแบบนั้น ซึ่งยูเอ็นเอชซีอาร์ที่รับเงินบริจาคไปก็ไปช่วยคนทั้งโลก ไม่ใช่ไปช่วยเฉพาะนายเอกภพ

“บิ๊กป้อม” ยกอัยการศึกฯขู่กองเชียร์

ที่กระทรวงแรงงาน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กล่าวถึงการประชุมร่วมระหว่างคณะรัฐมนตรี (ครม.) และ คสช.ในวันที่ 20 ม.ค.นี้ว่า ไม่มีการหารือในประเด็นการถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ เนื่องจากการถอดถอนเป็นเรื่องของ สนช.ที่จะต้องมีการดำเนินการกันไปเอง ไม่ใช่เรื่องของรัฐบาล โดยรัฐบาลจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว

“สื่อถามแบบนี้ถามให้คนทะเลาะกัน ไม่มีประโยชน์ สื่อเข้าใจหรือเปล่าว่าทหารก็คือทหาร สนช.ก็คือ สนช. ไม่มีเรื่องของการล็อบบี้ แต่หาก สนช.เขาจะล็อบบี้กันเอง ก็เป็นเรื่องของเขา ไม่เกี่ยวกับทหาร”พล.อ.ประวิตร กล่าว

ส่วนที่หลายฝ่ายกังวลว่าจะเกิดความวุ่นวายในวันที่ 23 ม.ค.นี้ ซึ่ง สนช.นัดลงมติถอดถอนนั้น พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่กังวล เพราะฝ่ายความมั่นคงติดตามและดูแลสถานการณ์อยู่ อีกทั้งมีกฎอัยการศึกควบคุมอยู่แล้ว

วิป สนช.นัดวางกรอบแถลงปิดคดี

ด้าน นพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ สมาชิก สนช.ในฐานะคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการ (วิป) สนช. กล่าวถึงขั้นตอนการแถลงปิดสำนวนถอดถอน นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ อดีตประธานรัฐสภา และนายนิคม ไวยรัชพานิช อดีตประธานวุฒิสภาวุฒิสภา ในวันที่ 21 ม.ค. และการแถลงปิดสำนวนถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในวันที่ 22 ม.ค.นี้ว่า ในวันที่ 20 ม.ค.นี้จะมีการหารือกันในวิป สนช.ว่า จะมีการกำหนดเวลาในการแถลงปิดคดีหรือไม่จำกัดเวลา และต้องดูว่าผู้ถูกกล่าวหาจะมาด้วยตัวเอง หรือส่งตัวแทนมา เพราะกรณีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะเดินทางมาด้วยตัวเองหรือไม่ ทั้งนี้การแถลงปิดคดี จะไม่มีการซักถามผู้กล่าวหาและผู้ถูกกล่าวหาอีกแล้ว ซึ่งปกติจะให้พูดแค่เพียงคนเดียวเหมือนเมื่อการแถลงเปิดคดี

ส่วนกรณีที่มีการเผยแพร่คลิปอดีตรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทยชี้แจงตอบคำถาม 35 ข้อของคณะกรรมาธิการ สนช.แทน น.ส.ยิ่งลักษณ์นั้น นพ.เจตน์ กล่าวว่า ไม่ได้ติดตาม เพราะไม่ใช่การชี้แจงอย่างเป็นทางการ เพราะคณะกรรมาธิการต้องการถาม น.ส.ยิ่งลักษณ์ คนอื่นจะมาชี้แจงแทนไม่ได้ เพราะไม่ใช่ผู้ถูกกล่าวหา

ยันไร้ใบสั่งเชือด “ยิ่งลักษณ์”

นพ.เจตน์ กล่าวอีกว่า การลงมติว่าจะถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ หรือไม่นั้น คิดว่าขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของสมาชิก สนช.ทั้งหมด แต่หากที่ประชุมเสียงข้างมากเกิน 132 เสียงเห็นว่า มีความผิด ส่อว่าทุจริตต่อตำแหน่งหน้าที่จริง ผลก็คือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะถูกเว้นวรรคทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปี ซึ่งจะไปสอดคล้องกับกรอบที่เป็นบทบัญญัติไว้ในมาตรา 35 (4) ของรัฐธรรมนูญชั่วคราวปี 2557 ที่ป้องกันมิให้ผู้ที่ประพฤติมิชอบเข้าดำรงตำแหน่งทางการเมืองด้วย แต่ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับการตีความต่อไปว่า หากที่ประชุม สนช.มีมติให้ถอดถอนจริงจะมีผลย้อนหลังหรือไม่อย่างไร เพราะขณะนี้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ยังไม่แล้วเสร็จ ดังนั้น เรื่องดังกล่าวจะขึ้นอยู่กับรายละเอียดของที่คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญแล้ว

ส่วนจะมีผลกระทบต่อการสร้างบรรยากาศความปรอดดองของ คสช. นพ.เจตน์กล่าวว่า ในความเห็นส่วนตัวคิดว่า ความปรองดองทางการเมืองเป็นคนละเรื่องกับความผิดทางกฏหมาย อย่างไรก็ตาม ตนตอบแทนคนอื่นทั้งสภาฯไม่ได้ว่ามีใบสั่งหรือไม่ แต่ส่วนตัวยืนยันว่า ไม่มีใบสั่ง และก็ไม่เคยได้ยินว่ามีใบสั่งด้วย

แย้ม 153 เสียงสอย “ปู” ร่วง

ขณะที่ นายทวีศักดิ์ สูทกวาทิน สมาชิก สนช. กล่าวว่า การที่ สนช.ไม่ให้ตัวแทนของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ตอบข้อซักถามแทนนั้น ถือเป็นเอกสิทธิ์ของผู้ยื่นญัตติคำถามที่ต้องการถาม น.ส.ยิ่งลักษณ์เพียงคนเดียว ดังนั้นที่ประชุมจะดำเนินการเป็นอย่างอื่นไม่ได้ อีกทั้ง นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช.เคยแจ้งให้คู่กรณีทั้งสองฝ่ายทราบว่า หากไม่มาตอบข้อซักถามด้วยตัวเองแล้วให้คนอื่นมาแทนจะขาดน้ำหนัก ซึ่งเป็นหลักการในศาลปกติ ขณะนี้ถือว่าข้อมูลข้อเท็จจริงในคดีถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ เพียงพอในการตัดสินใจของ สนช.แล้วถึง 99.99% ทั้งนี้ยืนยันว่า ขณะนี้ยังไม่มีการล๊อบบี้การลงมติแต่อย่างใด ส่วนที่มองว่ามีการล๊อบบี้ สนช.สายทหารแล้วนั้นเชื่อว่า ทหารเป็นองค์กรที่รักชาติ และรับผิดชอบต่อสังคม

เช่นเดียวกับ นายนิพนธ์ นราพิทักษ์กุล สมาชิก สนช.ที่กล่าวว่า หากในวันตอบข้อซักถาม น.ส.ยิ่งลักษณ์ มาตอบคำถามเองจะมีความหมายมากกว่า ไม่ว่าจะตอบได้หรือไม่ได้ และแม้จะมาแถลงปิดคดีในวันที่ 22 ม.ค.ด้วยตัวเองก็เชื่อว่าไม่มีผลอะไร เพราะทุกคนมีคำตอบในใจเรียบร้อยแล้ว ส่วนผลลงมติจะออกมาเป็นอย่างไรนั้นอยากให้ดูผลการลงมติที่ นายสมชาย แสวงการ สมาชิก สนช.เสนอให้มีการประชุมลับ เพื่อหารือกรณีที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่ยอมมาตอบคำถามด้วยตัวเอง ซึ่งผลคะแนนออกมาถึง 153 ต่อ 1 งดออกเสียง 21 จึงขอให้ดูผลการลงคะแนนนี้เป็นหลัก

“ไอ้ตู่” เบรกเสื้อแดงอย่าเพิ่งขยับ

วันเดียวกัน นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวว่า เห็นชัดว่ากระบวนการถอดถอนเป็นไปตามทิศทางของมาตรา 35 (4) ของรัฐธรรมนูญชั่วคราวปี 2557 ที่ห้ามผู้ที่ประพฤติมิชอบเข้าดำรงตำแหน่งทางการเมือง ก่อนหน้านี้ประตูบ้าน 109-111 ก็ปิดตายสนิทไปแล้ว เชื่อว่าถ้าจะไม่จัดการ น.ส.ยิ่งลักษณ์ตามธงก็จะไร้ประโยชน์ ส่วนตัวมองว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องความผิดถูก แต่เป็นพิธีกรรมของผู้มีอำนาจเหนือ สนช. ดังนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์จะชี้แจงเองหรือไม่ก็มีค่าเท่ากัน เพราะการตัดสินใจเบ็ดเสร็จไปตั้งแต่เขียนรัฐธรรมนูญแล้ว เข้าใจว่ามี สนช.บางส่วนเห็นต่างแต่เคลื่อนไหวไม่ได้ เพราะจะถูกมองว่าเป็นพวก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯอีก

“วันนี้ สภาพของ น.ส.ยิ่งลักษณ์คงรอดยาก ถามว่าคนเสื้อแดงจะออกมาไหม หาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ถูกถอดถอน ขอบอกว่าให้พี่น้องใจเย็นๆ มีสติให้มาก เพราะขณะนี้ผ่านเลยเรื่องอารมณ์ความรู้สึกไปแล้ว ต้องใช้ปัญญาในการเรียนรู้ การเดินทางของเราเดินมาไกลมาก บางเรื่องยิ่งรีบก็ยิ่งช้า ถ้าออกมาเดี๋ยวจะกลายเป็นแพะ และหนังเรื่องนี้ต้องดูตั้งแต่ต้น นี่เพิ่งดำเนินมาถึงกลางเรื่อง ขอประชาชนอย่าลุกออกจากโรงจนกว่าหนังจะจบ” นายจตุพร ระบุ

“นิคม” วอน สนช.อย่าใช้ความรู้สึก

ทางด้าน นายนิคม ไวยรัชพานิช อดีตประธานวุฒิสภา เปิดเผยว่า ตนได้ส่งหนังสือคำแถลงปิดคดีส่งไปยัง สนช.แล้ว โดยระบุว่า ประสงค์จะเดินทางมาด้วยตนเองในวันที่ 21 ม.ค.นี้ ทั้งนี้ในการแถลงปิดคดี ตนได้ประเมินจากข้อกล่าวหาของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) รวมถึงการหักล้างข้อกล่าวหาในวันที่ตอบข้อซักถามของ สนช.ด้วย ซึ่งสังเกตได้ว่า การซักถามของ กมธ.ซักถามในประเด็นผลประโยชน์ทับซ้อนนั้นไม่มีมูล ซึ่งตนไม่อยู่ในประเด็นดังกล่าวเลย

“ผมไม่รู้สึกกังวล เพราะมั่นใจในพยานหลักฐาน ทั้งข้อกฎหมาย และข้อเท็จจริง ที่ได้นำมาหักล้างหมดแล้ว ส่วนการลงมติว่าจะถอดถอนหรือไม่ ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของ สนช. ซึ่งผมเชื่อว่าความเป็นธรรมในกระบวนการยุติธรรมยังมีอยู่ และเชื่อมั่นว่าจะไม่ใช้ความรู้สึกโกรธแค้นมาตัดสิน” นายนิคม กล่าว

วง สปช.เชื่อ สนช.ลงดาบถอดถอน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันเดียวกันที่โรงแรมเอเชีย กทม. ได้มีการจัดงานสัมมนา “ประชุมปฏิบัติการวิสัยทัศน์ประเทศไทยของสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) โดยมี นายเทียนฉาย กีระนันทน์ ประธาน สปช.เป็นประธานเปิดงาน ได้มี สปช.หลายคนจับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์ถึงการถอดถอนน.ส.ยิ่งลักษณ์ นายสมศักดิ์ และนายนิคมที่เชื่อกันว่าจะเป็นการชี้ชะตาของประเทศ โดยเฉพาะกรณี น.ส.ยิ่งลักษณ์ที่มีหลักฐานค่อนข้างชัดเจนในเรื่องความเสียหายในงบประมาณแผ่นดินกว่า 6 แสนล้านบาท ในโครงการรับจำนำข้าว หากไม่สำเร็จกระทบต่อการปฏิรูปประเทศ และความน่าเชื่อถือของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) รัฐบาล สนช.และ สปช.ที่ไม่สามารถปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่นได้ และหลักคุณธรรมและจริยธรรมของประเทศหมดความน่าเชื่อถือ และทำให้ประชาชนมองว่า คสช.เกี้ยเซี๊ยะกับระบอบทักษิณ และการรัฐประหารในวันที่ 22 พ.ค. เสียของ

นายประสาร มฤคพิทักษ์ สมาชิก สปช.และแกนนำกลุ่ม 40 ส.ว.กล่าวว่า ไม่ทราบว่าสปช.มีการพูดคุยกันเรื่องถอดถอนหรือไม่ แต่ส่วนตัวเชื่อว่า สนช.จะสามารถถอดถอนได้สำเร็จ ทุกกรณีด้วยคะแนนเสียง 132 เสียงขึ้นไป แต่หากไม่สำเร็จจะทำให้สังคมไทยตั้งคำถามกับ สนช.ว่าใช้มาตรฐานอะไรในการลงมติเนื่องจากทั้ง 3 คน มีความผิดชัดเจน และอาจมองว่ามีความเกรงใจ และมีความสัมพันธ์ส่วนตัวกับผู้ถูกร้องหรือไม่ ที่ไม่สามารถแยกเรื่องถูกเรื่องผิดได้

“บุญเลิศ” ห่วงขยายความขัดแย้ง

นายอลงกรณ์ พลบุตร สมาชิก สปช.กล่าวว่า หาก สนช.ถอดถอนไม่สำเร็จจะเกิดคำถามขึ้นในสังคมแน่นอน และคงเป็นเรื่องที่ คสช.ต้องรีบทำความเข้าใจ ขณะที่การปฏิรูปประเทศ ก็ต้องเดินหน้าต่อไปในอนาคตโดยอย่าเอาบางเหตุการณ์มาเป็นเครื่องตัดสิน

นายวันชัย สอนศิริ สปช. กล่าวว่า หากการถอดถอนในวันที่ 23 ม.ค. ไม่สามารถเอาผิดใครได้เลย คงเป็นหน้าที่ของ กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ ที่มีนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ เป็นประธาน จะต้องไปคิดและออกแบบรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เพื่อให้ขั้นตอนการถอดถอนสามารถเอาผิดได้ อย่างไรก็ตาม เรื่องดังกล่าวจะไม่กระทบต่อการทำงานของ สปช. เพราะไม่มีหน้าที่เกี่ยวข้อง ขณะที่การถอดถอนเป็นเรื่องของ สนช.

ขณะที่ นายบุญเลิศ คชายุทธเดช สมาชิก สปช.กล่าวว่า ที่ผ่านมาในวง สปช.มีการหารือถึงกรณีการถอดถอน แต่เชื่อว่า จะไม่สามารถถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ นายนิคม และนายสมศักดิ์ ได้สำเร็จเนื่องจากเห็นว่าไม่มีประโยชน์ที่จะสร้างความขัดแย้งเพิ่มขึ้นในบ้านเมืองที่ต้องการบรรยากาศสร้างความปรองดอง และยังเห็นว่ากระบวนการถอดถอนเป็นเรื่องทางการเมือง ส่วนการเอาผิด ก็ควรไปว่ากันในคดีอาญา

“วิชัย” ฉะลิ่วล้อ พท.หาเรื่อง ป.ป.ช.

ทางด้าน นายวิชัย วิวิตเสวี กรรมการ ป.ป.ช.ได้ชี้แจงข้อมูลกรณีที่อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย จะนำคดีเรื่องคุณสมบัติของ นายภักดี โพธิศิริ กรรมการ ป.ป.ช.ไปฟ้องศาลอาญาว่า โดยหลักแล้ว ผู้ได้รับความเสียหายจากการกระทำความผิดฐานหนึ่งฐานใด หากเป็นผู้เสียหายโดยนิตินัย ย่อมมีสิทธิ์ที่จะนำคดีไปฟ้องยังศาลที่มีอำนาจชำระคดีอาญาได้ หลักนี้เป็นหลักเบื้องต้นที่แม้แต่นักศึกษากฎหมายก็รู้กันดี แต่ขอให้ข้อคิดแก่นักกฎหมายที่ช่วยเหลือโจทก์คดีนี้ว่า การใช้สิทธิ์ทางศาลนี้ จะต้องกระทำโดยสุจริตดังสุภาษิตกฎหมายที่นักกฎหมายคุ้นเคยกันดีว่า 'He who comes to equity must have clean hand.'

นายวิชัย กล่าวอีกว่า ในช่วงที่มีความขัดแย้งทางการเมืองในประเทศอยู่นี้ การฟ้องคดีต่อศาลอาญาของโจทก์ มีอยู่หลายกรณีที่โจทก์มิได้มีความมุ่งหวังจะให้ศาลลงโทษจำเลยจริงๆ โดยโจทก์รู้อยู่แก่ใจดีว่า คดีเป็นเรื่องไม่เป็นเรื่อง และรู้อยู่แก่ใจดีอีกว่า โจทก์เองไม่ใช่ผู้เสียหายโดยนิตินัย แต่โจทก์ฟ้องเพียงเพื่อหวังผลทางการเมือง และต้องการสร้างความวุ่นวายใจให้แก่ผู้ถูกฟ้องเท่านั้น การใช้สิทธิ์ของโจทก์ในลักษณะนี้ถือเป็นการใช้สิทธิ์โดยไม่สุจริต และไร้ศักดิ์ศรี เป็นการไม่เคารพยำเกรงอำนาจศาล

“การใช้ศาลเป็นเครื่องมืออย่างนี้ ในวงการกฎหมายถือเป็นเรื่องน่ารังเกียจ และนักกฎหมายที่มีจริยธรรมไม่ทำกัน เป็นการสร้างภาพให้นักกฎหมายเป็นคนฉลาดแกมโกง อันมีผลให้วิชาชีพกฎหมายถูกดูแคลน ในประเทศที่เจริญแล้ว นักกฎหมายประเภทนี้จะถูกชุมชนทางวิชาชีพกดดันจนทำมาหากินไม่ได้ แต่การบังคับใช้มาตรฐานทางจริยธรรมทางวิชาชีพในประเทศไทยอ่อน นักกฎหมายประเภทนี้ จึงมีอยู่มาก การกระทำอย่างนี้ยังถือเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาในทางก่อความรำคาญแก่ศาล ซึ่งอาจมีความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลได้อีกด้วย” นายวิชัย กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น