00 งุนงงกันเป็นแถวกับการประกาศเดินหน้าเปิดสัมปทานปิโตรเลียม รอบที่ 21 แม้ว่า สปช. จะลงมติด้วยเสียงท่วมท้นคัดค้านเรื่องดังกล่าว โดยเห็นว่าต้องรอให้มีการศึกษารายละเอียดให้ครบถ้วนก่อน เนื่องจากเป็นเรื่องของความมั่นคง และผลประโยชน์ของชาติด้านพลังงาน และที่ผ่านมารัฐบาลที่นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็ยืนยันให้มีการศึกษาเรื่องการปฏิรูปพลังงาน มีการตั้ง กมธ.ด้านปฏิรูปพลังงานขึ้นมาชุดหนึ่ง แล้วให้ทุกฝ่ายรอฟังผลสรุปออกมาเสียก่อน แต่เมื่อผลมติดังกล่าวออกมา กลับกลายเป็นว่า พล.อ.ประยุทธ์ และรัฐบาล ไม่ยอมฟัง อ้างว่าฝ่ายที่คัดค้านรับข้อมูลที่คลาดเลื่อน ทำนองว่า ฝ่ายที่มีข้อมูลถูกต้องก็คือกระทรวงพลังงาน ที่มี ณรงค์ชัย อัครเศรณี เป็นรมต.กำกับดูแล รวมทั้งฝ่ายกลุ่มทุนพลังงาน ทั้งใน ปตท. และกลุ่มบริษัทพลังงานข้ามชาติ กลัวเสียบรรยากาศการลงทุน
00 ที่น่าเป็นห่วงก็คือ การห้ามใครมาขัดขวาง ห้ามประท้วง เพราะอ้างว่าตัวเองถูกต้องเสมอ อย่างไรก็ดี สิ่งที่ต้องพิจารณากันก็คือ จุดประสงค์ของการมี สปช. ต้องการปฏิรูปด้านพลังงาน ต้องการรับฟังความคิดเห็น ซึ่งก่อนหน้านั้นพล.อ.ประยุทธ์ ก็ย้ำว่า ให้ทุกคนหยุดรอฟังข้อสรุปจากสปช.ออกมาก่อน แต่กลายเป็นว่า คนที่ไม่ฟังก็คือพล.อ.ประยุทธ์ นั่นแหละ แต่ไปฟังเฉพาะบางกลุ่มที่มีความเห็นในทางตรงกันข้าม ดังนั้น มันก็ช่วยไม่ได้ที่ทำให้เกิดความคิดระแวงไปว่า การเปิดโอกาสให้มีการแสดงความเห็นก็เป็นเพียง "ปาหี่" สร้างภาพว่ารับฟังความคิดเห็นเท่านั้น เพียงแต่ว่าคราวนี้เกิดรายการ "ผิดคิว" ขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ เพราะคณะกมธ.เสียงข้างมาก ที่ส่วนใหญ่เป็นพวกที่เป็นข้าราชการกระทรวงพลังงาน กลุ่มทุนที่เกี่ยวข้องกับบริษัทพลังงาน มีมติให้เดินหน้าเปิดสัมปทาน แต่ถูก สปช. ลงมติคว่ำด้วยเสียงท่วมท้น จึงหน้าหงาย แบบที่ใครก็คาดไม่ถึง !!
00 คาดการณ์เอาไว้ล่วงหน้าไม่เคยผิด สำหรับยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ฟันธงไว้ล่วงหน้ามานานเป็นสัปดาห์ ในวันที่กำหนดตอบข้อซักถามของสนช.ในคดีรับจำข้าว ว่าเธอไม่มีทางไปชี้แจงเอง เพราะเป็นรายการถามสด ตอบสด ไม่ใช่การอ่านโพย ไม่ใช่รายการดรามา ที่ต้องบีบคั้นน้ำตา เพราะถ้าขืนตอบมั่วๆ ส่งเดช ก็จะยิ่งมัดตัว เข้าตัวหนักกว่าเก่า แต่สำหรับวันแถลงปิดคดี ถ้ารายการแบบนี้มีการ "อ่านโพย" ก็น่าจะเป็นไปได้สูงว่าจะไปเอง อย่างน้อยก็หวังผลด้านจิตวิทยา ทำนองสร้างภาพให้เห็นว่า "ถูกกลั่นแกล้ง" มีการตั้งธงเอาผิดกันไว้ล่วงหน้าแล้ว อะไรประมาณนั้น
00 เชื่อว่านับจากนี้ไปบรรยากาศจะเริ่มเขม็งเกลียวมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะหลายเรื่องกำลังงวดเข้ามาใกล้ได้ข้อสรุป อย่างน้อยก็ต้องเห็นทิศทางอยู่ข้างหน้ากันบ้าง ทั้งเรื่องการร่างรธน.ฉบับใหม่ หรือแม้แต่คดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าว คดีถอดถอน ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นิคม ไวยรัชพานิช และ สมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ มันก็ต้องได้ข้อสรุป ขณะที่ ท่าทีของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และผู้มีอำนาจในเวลานี้ ต้องแสดงออกมาให้ชัด จะลอยตัว แทงกั๊กไม่ได้อีกแล้ว ล่าสุดจะได้เห็น
อาการ "เสียงเขียว" ออกมากับเครือข่ายลิ่วล้อ ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์ มากขึ้นกว่าเดิม และคำพูดก็เริ่มยอมรับความจริงมากขึ้น ทำนองว่า "ถูกกับผิด" ปรองดองกันไม่ได้ ไม่เกี่ยวกัน ซึ่งน้ำเสียงจะเปลี่ยนไปจากเดิม จากที่เคยบอกว่า ไม่ต้องการให้ประชาชนขัดแย้งกัน แต่คราวนี้กลับพูดว่า เป็นเรื่องของคนทำผิด กม.จะเอามาปนกันไม่ได้ เชื่อว่าความเข้มจะมีมากขึ้นเรื่อยๆ อย่ากระพริบตาแล้วกัน !!
00 ที่น่าเป็นห่วงก็คือ การห้ามใครมาขัดขวาง ห้ามประท้วง เพราะอ้างว่าตัวเองถูกต้องเสมอ อย่างไรก็ดี สิ่งที่ต้องพิจารณากันก็คือ จุดประสงค์ของการมี สปช. ต้องการปฏิรูปด้านพลังงาน ต้องการรับฟังความคิดเห็น ซึ่งก่อนหน้านั้นพล.อ.ประยุทธ์ ก็ย้ำว่า ให้ทุกคนหยุดรอฟังข้อสรุปจากสปช.ออกมาก่อน แต่กลายเป็นว่า คนที่ไม่ฟังก็คือพล.อ.ประยุทธ์ นั่นแหละ แต่ไปฟังเฉพาะบางกลุ่มที่มีความเห็นในทางตรงกันข้าม ดังนั้น มันก็ช่วยไม่ได้ที่ทำให้เกิดความคิดระแวงไปว่า การเปิดโอกาสให้มีการแสดงความเห็นก็เป็นเพียง "ปาหี่" สร้างภาพว่ารับฟังความคิดเห็นเท่านั้น เพียงแต่ว่าคราวนี้เกิดรายการ "ผิดคิว" ขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ เพราะคณะกมธ.เสียงข้างมาก ที่ส่วนใหญ่เป็นพวกที่เป็นข้าราชการกระทรวงพลังงาน กลุ่มทุนที่เกี่ยวข้องกับบริษัทพลังงาน มีมติให้เดินหน้าเปิดสัมปทาน แต่ถูก สปช. ลงมติคว่ำด้วยเสียงท่วมท้น จึงหน้าหงาย แบบที่ใครก็คาดไม่ถึง !!
00 คาดการณ์เอาไว้ล่วงหน้าไม่เคยผิด สำหรับยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ฟันธงไว้ล่วงหน้ามานานเป็นสัปดาห์ ในวันที่กำหนดตอบข้อซักถามของสนช.ในคดีรับจำข้าว ว่าเธอไม่มีทางไปชี้แจงเอง เพราะเป็นรายการถามสด ตอบสด ไม่ใช่การอ่านโพย ไม่ใช่รายการดรามา ที่ต้องบีบคั้นน้ำตา เพราะถ้าขืนตอบมั่วๆ ส่งเดช ก็จะยิ่งมัดตัว เข้าตัวหนักกว่าเก่า แต่สำหรับวันแถลงปิดคดี ถ้ารายการแบบนี้มีการ "อ่านโพย" ก็น่าจะเป็นไปได้สูงว่าจะไปเอง อย่างน้อยก็หวังผลด้านจิตวิทยา ทำนองสร้างภาพให้เห็นว่า "ถูกกลั่นแกล้ง" มีการตั้งธงเอาผิดกันไว้ล่วงหน้าแล้ว อะไรประมาณนั้น
00 เชื่อว่านับจากนี้ไปบรรยากาศจะเริ่มเขม็งเกลียวมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะหลายเรื่องกำลังงวดเข้ามาใกล้ได้ข้อสรุป อย่างน้อยก็ต้องเห็นทิศทางอยู่ข้างหน้ากันบ้าง ทั้งเรื่องการร่างรธน.ฉบับใหม่ หรือแม้แต่คดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าว คดีถอดถอน ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นิคม ไวยรัชพานิช และ สมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ มันก็ต้องได้ข้อสรุป ขณะที่ ท่าทีของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และผู้มีอำนาจในเวลานี้ ต้องแสดงออกมาให้ชัด จะลอยตัว แทงกั๊กไม่ได้อีกแล้ว ล่าสุดจะได้เห็น
อาการ "เสียงเขียว" ออกมากับเครือข่ายลิ่วล้อ ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์ มากขึ้นกว่าเดิม และคำพูดก็เริ่มยอมรับความจริงมากขึ้น ทำนองว่า "ถูกกับผิด" ปรองดองกันไม่ได้ ไม่เกี่ยวกัน ซึ่งน้ำเสียงจะเปลี่ยนไปจากเดิม จากที่เคยบอกว่า ไม่ต้องการให้ประชาชนขัดแย้งกัน แต่คราวนี้กลับพูดว่า เป็นเรื่องของคนทำผิด กม.จะเอามาปนกันไม่ได้ เชื่อว่าความเข้มจะมีมากขึ้นเรื่อยๆ อย่ากระพริบตาแล้วกัน !!
