xs
xsm
sm
md
lg

ยิ่งเปิดเผยตัวเลขความเสียหายจำนำข้าว ยิ่งกดดันรัฐบาล-คสช.!!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

**นาทีนี้ไม่ต้องมีการประเมินอารมณ์ความรู้สึกของสังคมผ่านทางโพลสำนักต่างๆ ก็น่าจะพอเดาออกว่า ชาวบ้านส่วนใหญ่มีอารมณ์ความรู้สึกอย่างไรกับคดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าว ที่สร้างความฉิบหายวายป่วงไปแล้วไม่ต่ำกว่า 6 แสนล้านบาท ทำให้คนไทยต้องชดใช้หนี้ตามหลังกันไปไม่น้อยกว่า 30 ปี ใช้หนี้กันชั่วลูกชั่วหลาน ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง สมหมาย ภาษี ได้เคยระบุเอาไว้ให้เห็นภาพชัด
อย่างไรก็ดี จากความเคลื่อนไหวและปรากฏการณ์ที่เป็นอยู่ ทั้งก่อนหน้านี้ต่อเนื่องมาถึงปัจจุบัน ก็ยังมีแนวโน้มให้เห็นชัด คนผิดยังส่อลอยนวล โดยฝ่ายที่มีอำนาจในเวลานี้ มักจะพูดออกมาในทำนองว่า "ปรองดอง" ให้บ้านเมืองลดความขัดแย้ง เพื่อเดินไปข้างหน้า
สิ่งที่เห็นได้ชัดในเวลานี้ก็คือ "คดีอาญา" ที่ทางคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดในคดีดังกล่าว กับ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ยังติดกึกอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของอัยการสูงสุด ที่อ้างกันมานานแล้วว่า สำนวนยังไม่สมบูรณ์ ต้องสอบสวนกันเพิ่มเติม แม้ว่าในช่วงหลังๆมานี้ จะมีการยืนยันมาหลายครั้งแล้วว่า ใกล้จะสิ้นสุดแล้ว แต่ก็ไม่มีการระบุออกมาได้ว่าจะสิ้นสุดแบบไหน และเมื่อไหร่กันแน่
แต่ถึงอย่างไร แม้ว่าในขั้นตอนสุดท้ายถึงอย่างไร ไม่ว่าจะยึกยักกันอย่างไร ก็ยังเปิดช่องให้ ป.ป.ช.ฟ้องคดีอาญาต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองก็ตาม แต่อีกด้านหนึ่งมันก็สะท้อนให้เห็นถึงปรากฏการณ์ผิดปกติ อย่างที่ไม่น่าจะเกิดขึ้น
ความเคลื่อนไหวล่าสุดที่อาจเรียกว่าเป็น "จุดเปลี่ยนสำคัญ" ก็คือการที่ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ สวมเครื่องแบบข้าราชการ หอบแฟ้มเอกสารเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับคู่สัญญาของกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งเป็นภาคเอกชนประเภท พ่อค้าโรงสี เจ้าของโกดังทั่วประเทศรวมกว่าร้อยราย ฐานยักยอกทรัพย์ จากการนำข้าวด้อยคุณภาพ เสื่อมสภาพ ข้าวสูญหาย รวมกว่า 3.8 ล้านตัน รวมมูลค่าความเสียหายเบื้องต้น ประมาณ 6.5 หมื่นล้านบาท โดยปลัดกระทรวงพาณิชย์ย้ำว่า ต้องการให้ตำรวจกองปราบปรามที่รับเรื่องไปสอบสวน หาคนผิดจนถึงที่สุด หากเป็นข้าราชการเกี่ยวข้อง ก็จะส่งเรื่องไปให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ดำเนินการต่อไป
** ที่บอกว่านี่อาจเป็นจุดเปลี่ยนที่น่าจับตาก็คือ นี่เป็นการขยับจากภาครัฐอย่างเป็นรูปธรรมที่สุด นับตั้งแต่มีคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เข้ามา และต้องเข้าใจว่า การเข้าแจ้งความดำเนินคดีของปลัดกระทรวงพาณิชย์คราวนี้ ย่อมต้องมีสัญญาณไฟเขียวจาก "เบื้องบน" ลงมา เพราะต้องไม่ลืมว่า นี่คือรายการที่ "เพิ่งขยับ" ซึ่งใช้เวลาผ่านมานานหลายเดือนแล้ว แต่ก็นับว่าเป็นสัญญาณบวกอย่างหนึ่ง
ขณะเดียวกัน ถัดจากนั้นไม่นานก็มี "รายงานข่าว" ตามมาว่า ทั้งรัฐบาล และคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ส่งสัญญาณไฟเขียวให้สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) โดยเฉพาะสายข้าราชการ ลงมติถอดถอน ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้ แม้ว่าต่อมาจะมีเสียงปฏิเสธออกมาจาก สนช.บางคนแล้วก็ตาม
แต่ถึงอย่างไรมันยังสรุปอะไรไม่ได้ ว่าจะจริง หรือไม่จริง ต้องรอให้ถึงวันลงมติ จะได้เห็นกับตาเสียก่อน
อีกทั้งการปฏิเสธว่า สนช.ไม่ได้รับสัญญาณอะไรทั้งสิ้น ก็เป็นหลักการที่ถูกต้อง เพราะมีการยืนยันมาตลอดว่า ให้อิสระในการตัดสินใจของสมาชิก แม้ว่าในความเป็นจริงนั้น จะเป็นอีกเรื่องหนึ่ง หรือไม่ก็ตาม
อย่างไรก็ดี คดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าว ถือว่าสร้างแรงกดดันต่อรัฐบาล และคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (สคช.) ค่อนข้างมาก และจะเป็นสิ่งชี้วัดความศรัทธาต่อฝ่ายอำนาจรัฐในเวลานี้ เพราะสังคมมีความคาดหวังสูงมาก
**นั่นคือ ต้องนำตัวคนผิดมาลงโทษตามกฎหมายให้ได้ และคนผิดต้องได้ "ตัวใหญ่" เท่านั้น
ประกอบกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ประกาศเอาไว้แล้วว่า ต้องปราบปรามการทุจริตอย่างจริงจัง และเด็ดขาด ดังนั้นในคดีทุจริตจำนำข้าว จะเป็นบทพิสูจน์ที่สำคัญที่สุด
**ดังนั้นสิ่งที่ต้องพิจารณากันก็คือ ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นจะกดดันรัฐบาล และคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) หนักขึ้นทุกวัน ซึ่งอีกไม่นานก็จะได้เห็นกันแล้ว !!
กำลังโหลดความคิดเห็น