ASTVผู้จัดการรายวัน-สนช.ขู่ "ยิ่งลักษณ์" ไม่มาตอบคำถามเอง โอกาสถูกถอดถอนสูง ปัด "วิษณุ-สุวพันธุ์" พบ สนช.-สปช. เพื่อส่งสัญญาณ ด้านอดีต 38 ส.ว. เตรียมร้องสู้ศึกถอดถอนเรื่องแก้รัฐธรรมนูญ ลั่นขอชี้แจงเองทุกคน แม้จะเป็นการตอบคำถามเดียวกันก็ตาม
นายวัลลภ ตั้งคณานุรักษ์ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เปิดเผยถึงการซักถามในสำนวนคดีถอดถอนของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในที่ประชุมสนช. ที่จะมีขึ้นในวันที่ 16 ม.ค.นี้ว่า ขอเรียกร้องให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ มาชี้แจง ตอบคำถามต่อที่ประชุมสนช.ด้วยตนเอง หากไม่มาก็เชื่อว่า มีแนวโน้มทำให้ถูกถอดถอนสูง แต่ถ้ามา แค่ยิ้มมาเฉยๆ ก็สามารถเรียกคะแนนสงสารได้อยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม ในฐานะที่เป็นคนส่งคำถาม หากน.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่มาเอง ตนจะขอสงวนสิทธิ์ให้ทราบแต่เพียงว่า คำถามเกี่ยวกับเรื่องอะไร ยกตัวอย่าง เช่น มีการเตือนจากสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) หลายครั้ง ถึงความเสียหายของโครงการรับจำนำข้าว ทำไมถึงไม่สั่งให้ระงับ หรือยกเลิกโครงการเสีย
ส่วนการถอดถอนจะสำเร็จหรือไม่นั้น ต้องตัดสินที่การซักถามคู่กรณีว่าแต่ละฝ่ายชี้แจงชัดเจนหรือไม่ สำหรับกรณีที่รัฐบาลจะส่งนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี และนายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี มาหารือกับ สนช. และสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) เชื่อว่าจะไม่มีการมาคุยเรื่องส่งสัญญาณในการถอดถอนทั้ง 3 คน แต่อย่างใด เนื่องจากเป็นการให้เกียรติ สนช.ในการทำหน้าที่อย่างอิสระ
ทั้งนี้ เชื่อว่าการมาหารือกับสนช. จะพูดคุยแต่เรื่องผลักดันกฎหมายที่มีปัญหา รวมถึงการตอบกระทู้สดของสนช. หากมีใครยื่นถามมา ขณะที่ สปช. เชื่อว่าจะมาเกี่ยวกับการร่างรัฐธรรมนูญ และประเด็นปฏิรูปที่น่าสนใจ อาทิ เรื่องพลังงาน คิดค่าบริการมือถือเป็นวินาที เป็นต้น
**ยันไม่มีใบสั่งคสช.ถอดถอน"ปู"
พล.อ.สิงห์ศึก สิงห์ไพร สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการซักถามสำนวนคดีถอดถอนน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวก่อนการประชุมว่า ได้เชิญสมาชิกที่ยื่นญัตติคำถามในสำนวนคดีถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ มาหารือ เพื่อจัดหมวดหมู่คำถาม รวมถึงประเด็นที่ซ้ำซ้อน หรือไม่กระจ่างชัด ซึ่งหากการจัดหมวดหมู่ประเด็นเข้าใจถูกต้องตรงกัน ก็ไม่มีปัญหา คาดว่าคงได้ข้อสรุปว่าจะเหลือจำนวนคำถามต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห้งชาติ (ป.ป.ช.) และฝ่าย น.ส.ยิ่งลักษณ์ จำนวนเท่าใด ทั้งนี้ ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดของคำถาม ว่ามีเนื้อหาอย่างไร เพราะถือเป็นความลับ และจะผิดข้อบังคับการประชุม
ส่วนที่มีกระแสข่าวว่า มีคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในการพิจารณาสำนวนคดีถอดถอนนั้น พล.อ.สิงห์ศึก กล่าวยืนยันว่า สมาชิกได้ยึดถือหลักการและกฎหมาย โดยดำเนินการตามข้อมูลด้วยเหตุและผลตามสำนวน ซึ่งเป็นเรื่องที่สมาชิกแต่ละคนจะใช้ดุลยพินิจพิจารณา ไม่มีใบสั่งแต่อย่างใด ทุกอย่างเป็นไปตามหลักปฏิบัติ และกฎหมายจะต้องใช้บังคับได้อย่างแท้จริง ดังนั้น กระแสข่าวที่เกิดขึ้น อาจจะเป็นความคิดในอดีต หรือที่ผ่านมาเป็นเช่นนั้น แต่รัฐบาลโดยนายกรัฐมนตรีขณะนี้ กำลังสร้างบรรทัดฐานใหม่
เมื่อถามว่า สมาชิกรู้สึกกดดันในการพิจารณาคดีถอดถอนหรือไม่ พล.อ.สิงห์ศึก กล่าวสั้นๆ ว่า ต้องดูที่หน้าที่ของสมาชิก เมื่อสมาชิกสนช. มีหน้าที่ต้องลงมติ ก็ต้องมารับฟัง เพื่อประกอบการตัดสินใจ ว่าควรจะลงมติอย่างไร
**ยังอุบ"ยิ่งลักษณ์"มาตอบเองหรือไม่
นายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง ทีมทนายความของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กล่าวว่า ได้รับทราบถึงกระบวนการที่ใช้ในการซักถามแล้ว โดยตนจะประชุมทีมทนาย เพื่อเตรียมข้อมูลในการตอบข้อซักถามต่อสมาชิก ในกระบวนการซักถามของสนช. ในวันที่ 16 ม.ค.นี้ ส่วน น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะเดินทางมาตอบข้อซักถามด้วยตัวเองหรือไม่นั้น ต้องรอการยืนยันจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ก่อนวันประชุม
ขณะที่ พล.อ.มารุต ปัชโชตะสิงห์ ประธานคณะกรรมาธิการซักถามสำนวนคดีถอดถอน นายนิคมไวยรัชพานิช อดีตประธานวุฒิสภา และนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ อดีตประธานรัฐสภา กล่าวว่า ล่าสุด นายนิคมได้แสดงความจำนงที่จะมาตอบข้อซักถามตัวเอง ส่วนนายสมศักดิ์ ยังไม่ได้รับการแจงมายังคณะกรรมาธิการซักถาม ซึ่งหากจะมาตอบข้อซักถามดัวยตัวเองได้หรือไม่นั้นคงต้องขึ้นอยู่กับที่ประชุม
**อดีต38ส.ว.ขอชี้แจงเองทุกคน
นายสิงห์ชัย ทุ่งทอง อดีต ส.ว.อุทัยธานี 1 ใน 38 ส.ว. ที่จะถูกสนช. พิจารณาถอดถอน กรณีแก้ไขรัฐธรรมนูญที่มา ส.ว. มิชอบ กล่าวว่า ตนและอดีต ส.ว.ทั้ง 38 คน ได้มีการพูดคุยถึงแนวทางในการชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ซึ่งการพูดคุยเพื่อปรับแนวคิดให้ตรงกัน ก่อนที่จะไปชี้แจง โดยเบื้องต้นได้ข้อสรุปว่า พวกตนจะขอชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาทุกคน ไม่ได้มอบให้คนใดคนหนึ่งเป็นตัวแทน แม้ว่าทั้ง 38 คนนี้จะถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดในประเด็นเดียวกัน แต่การที่จะขอชี้แจงทุกคนนั้น เนื่องจากการชี้แจงต้องพูดถึงข้อเท็จจริง ข้อกฎหมายและเจตนารมณ์ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะเรื่องเจตนารมณ์นั้น มันไปเกี่ยวข้องกับเรื่องอุดมการณ์ ซึ่งการที่มากล่าวหาพวกตน ว่ากระทำการแก้ไขรัฐธรรมนูญอันเป็นการล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตย มันทำให้เกิดความเสียหายอย่างมาก ดังนั้น พวกตนต้องชี้แจงให้สังคมได้เข้าใจว่า การกระทำของพวกตนเป็นไปตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ ไม่ได้ล้มล้างการปกครอง จึงเป็นสิ่งที่จะให้ใครมาพูดแทนกันได้ ส่วนการที่พวกตนจะขอชี้แจงทุกคนนั้นก็ต้องรอดูทางสนช.ว่าจะเห็นชอบหรือไม่
นายสิงห์ชัย กล่าวอีกว่า ส่วนหลักฐานที่พวกตนจะชี้แจงแก้ข้อกล่าวหานั้น ก็เป็นข้อมูลทางกฎหมาย อย่างการที่ศาลรัฐธรรมนูญ เคยวินิจฉัยว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นรายมาตรา สามารถกระทำได้ ไม่มีข้อห้ามในรัฐธรรมนูญ และที่สำคัญเจตนารมณ์ในรัฐธรรมนูญ ก็ได้ระบุชัดเจนว่ารัฐธรรมนูญเป็นสิทธิของปวงชนชาวไทย เพราะฉะนั้น การกล่าวหาเพื่อต้องการจะมาประหารชีวิตทางการเมืองของพวกตนจึงเป็นสิ่งที่เกินเลยไป
"ที่ผ่านมา คนส่วนใหญ่ไม่รู้รายละเอียดในข้อกล่าวหา แต่จะเข้าใจว่านักการเมืองกลุ่มนี้ได้ล้มล้างการปกครอง จนกลายเป็นประเด็นให้กลุ่มการเมืองฝ่ายตรงข้ามมาใช้โจมตี จึงต้องใช้โอกาสนี้ในการชี้แจงถึงเจตนารมณ์ว่าการกระทำของพวกตนไม่ได้ล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยแต่อย่างใด" อดีตส.ว.อุทัยธานีกล่าว
ด้านนายดิเรก ถึงฝั่ง สปช. 1 ใน 38 ส.ว. ที่จะถูกพิจารณาถอดถอน กล่าวว่า ในการชี้แจงของพวกตนนั้นเชื่อว่าจะชี้แจงกันอย่างนิ่มนวล ไม่ได้เป็นการตอบโต้ แต่จะเป็นการพูดตามหลักฐานทางกฎหมาย และเจตนารมณ์ตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งคนที่ถูกชี้มูลควาผิดต่างตกลงกันว่า จะขอใช้สิทธิชี้แจงทุกคน ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่า คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้มีใบสั่งให้ สนช. ดำเนินการถอดถอนนั้น ก็ขอให้อย่าไปฟัง เพราะตนเชื่อว่า คสช. ต้องการให้บ้านเมืองเกิดความปรองดอง ไม่น่าไม่มีใบสั่งตามตามที่เป็นกระแส
นายวัลลภ ตั้งคณานุรักษ์ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เปิดเผยถึงการซักถามในสำนวนคดีถอดถอนของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในที่ประชุมสนช. ที่จะมีขึ้นในวันที่ 16 ม.ค.นี้ว่า ขอเรียกร้องให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ มาชี้แจง ตอบคำถามต่อที่ประชุมสนช.ด้วยตนเอง หากไม่มาก็เชื่อว่า มีแนวโน้มทำให้ถูกถอดถอนสูง แต่ถ้ามา แค่ยิ้มมาเฉยๆ ก็สามารถเรียกคะแนนสงสารได้อยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม ในฐานะที่เป็นคนส่งคำถาม หากน.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่มาเอง ตนจะขอสงวนสิทธิ์ให้ทราบแต่เพียงว่า คำถามเกี่ยวกับเรื่องอะไร ยกตัวอย่าง เช่น มีการเตือนจากสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) หลายครั้ง ถึงความเสียหายของโครงการรับจำนำข้าว ทำไมถึงไม่สั่งให้ระงับ หรือยกเลิกโครงการเสีย
ส่วนการถอดถอนจะสำเร็จหรือไม่นั้น ต้องตัดสินที่การซักถามคู่กรณีว่าแต่ละฝ่ายชี้แจงชัดเจนหรือไม่ สำหรับกรณีที่รัฐบาลจะส่งนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี และนายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี มาหารือกับ สนช. และสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) เชื่อว่าจะไม่มีการมาคุยเรื่องส่งสัญญาณในการถอดถอนทั้ง 3 คน แต่อย่างใด เนื่องจากเป็นการให้เกียรติ สนช.ในการทำหน้าที่อย่างอิสระ
ทั้งนี้ เชื่อว่าการมาหารือกับสนช. จะพูดคุยแต่เรื่องผลักดันกฎหมายที่มีปัญหา รวมถึงการตอบกระทู้สดของสนช. หากมีใครยื่นถามมา ขณะที่ สปช. เชื่อว่าจะมาเกี่ยวกับการร่างรัฐธรรมนูญ และประเด็นปฏิรูปที่น่าสนใจ อาทิ เรื่องพลังงาน คิดค่าบริการมือถือเป็นวินาที เป็นต้น
**ยันไม่มีใบสั่งคสช.ถอดถอน"ปู"
พล.อ.สิงห์ศึก สิงห์ไพร สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการซักถามสำนวนคดีถอดถอนน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวก่อนการประชุมว่า ได้เชิญสมาชิกที่ยื่นญัตติคำถามในสำนวนคดีถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ มาหารือ เพื่อจัดหมวดหมู่คำถาม รวมถึงประเด็นที่ซ้ำซ้อน หรือไม่กระจ่างชัด ซึ่งหากการจัดหมวดหมู่ประเด็นเข้าใจถูกต้องตรงกัน ก็ไม่มีปัญหา คาดว่าคงได้ข้อสรุปว่าจะเหลือจำนวนคำถามต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห้งชาติ (ป.ป.ช.) และฝ่าย น.ส.ยิ่งลักษณ์ จำนวนเท่าใด ทั้งนี้ ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดของคำถาม ว่ามีเนื้อหาอย่างไร เพราะถือเป็นความลับ และจะผิดข้อบังคับการประชุม
ส่วนที่มีกระแสข่าวว่า มีคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในการพิจารณาสำนวนคดีถอดถอนนั้น พล.อ.สิงห์ศึก กล่าวยืนยันว่า สมาชิกได้ยึดถือหลักการและกฎหมาย โดยดำเนินการตามข้อมูลด้วยเหตุและผลตามสำนวน ซึ่งเป็นเรื่องที่สมาชิกแต่ละคนจะใช้ดุลยพินิจพิจารณา ไม่มีใบสั่งแต่อย่างใด ทุกอย่างเป็นไปตามหลักปฏิบัติ และกฎหมายจะต้องใช้บังคับได้อย่างแท้จริง ดังนั้น กระแสข่าวที่เกิดขึ้น อาจจะเป็นความคิดในอดีต หรือที่ผ่านมาเป็นเช่นนั้น แต่รัฐบาลโดยนายกรัฐมนตรีขณะนี้ กำลังสร้างบรรทัดฐานใหม่
เมื่อถามว่า สมาชิกรู้สึกกดดันในการพิจารณาคดีถอดถอนหรือไม่ พล.อ.สิงห์ศึก กล่าวสั้นๆ ว่า ต้องดูที่หน้าที่ของสมาชิก เมื่อสมาชิกสนช. มีหน้าที่ต้องลงมติ ก็ต้องมารับฟัง เพื่อประกอบการตัดสินใจ ว่าควรจะลงมติอย่างไร
**ยังอุบ"ยิ่งลักษณ์"มาตอบเองหรือไม่
นายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง ทีมทนายความของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กล่าวว่า ได้รับทราบถึงกระบวนการที่ใช้ในการซักถามแล้ว โดยตนจะประชุมทีมทนาย เพื่อเตรียมข้อมูลในการตอบข้อซักถามต่อสมาชิก ในกระบวนการซักถามของสนช. ในวันที่ 16 ม.ค.นี้ ส่วน น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะเดินทางมาตอบข้อซักถามด้วยตัวเองหรือไม่นั้น ต้องรอการยืนยันจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ก่อนวันประชุม
ขณะที่ พล.อ.มารุต ปัชโชตะสิงห์ ประธานคณะกรรมาธิการซักถามสำนวนคดีถอดถอน นายนิคมไวยรัชพานิช อดีตประธานวุฒิสภา และนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ อดีตประธานรัฐสภา กล่าวว่า ล่าสุด นายนิคมได้แสดงความจำนงที่จะมาตอบข้อซักถามตัวเอง ส่วนนายสมศักดิ์ ยังไม่ได้รับการแจงมายังคณะกรรมาธิการซักถาม ซึ่งหากจะมาตอบข้อซักถามดัวยตัวเองได้หรือไม่นั้นคงต้องขึ้นอยู่กับที่ประชุม
**อดีต38ส.ว.ขอชี้แจงเองทุกคน
นายสิงห์ชัย ทุ่งทอง อดีต ส.ว.อุทัยธานี 1 ใน 38 ส.ว. ที่จะถูกสนช. พิจารณาถอดถอน กรณีแก้ไขรัฐธรรมนูญที่มา ส.ว. มิชอบ กล่าวว่า ตนและอดีต ส.ว.ทั้ง 38 คน ได้มีการพูดคุยถึงแนวทางในการชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ซึ่งการพูดคุยเพื่อปรับแนวคิดให้ตรงกัน ก่อนที่จะไปชี้แจง โดยเบื้องต้นได้ข้อสรุปว่า พวกตนจะขอชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาทุกคน ไม่ได้มอบให้คนใดคนหนึ่งเป็นตัวแทน แม้ว่าทั้ง 38 คนนี้จะถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดในประเด็นเดียวกัน แต่การที่จะขอชี้แจงทุกคนนั้น เนื่องจากการชี้แจงต้องพูดถึงข้อเท็จจริง ข้อกฎหมายและเจตนารมณ์ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะเรื่องเจตนารมณ์นั้น มันไปเกี่ยวข้องกับเรื่องอุดมการณ์ ซึ่งการที่มากล่าวหาพวกตน ว่ากระทำการแก้ไขรัฐธรรมนูญอันเป็นการล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตย มันทำให้เกิดความเสียหายอย่างมาก ดังนั้น พวกตนต้องชี้แจงให้สังคมได้เข้าใจว่า การกระทำของพวกตนเป็นไปตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ ไม่ได้ล้มล้างการปกครอง จึงเป็นสิ่งที่จะให้ใครมาพูดแทนกันได้ ส่วนการที่พวกตนจะขอชี้แจงทุกคนนั้นก็ต้องรอดูทางสนช.ว่าจะเห็นชอบหรือไม่
นายสิงห์ชัย กล่าวอีกว่า ส่วนหลักฐานที่พวกตนจะชี้แจงแก้ข้อกล่าวหานั้น ก็เป็นข้อมูลทางกฎหมาย อย่างการที่ศาลรัฐธรรมนูญ เคยวินิจฉัยว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นรายมาตรา สามารถกระทำได้ ไม่มีข้อห้ามในรัฐธรรมนูญ และที่สำคัญเจตนารมณ์ในรัฐธรรมนูญ ก็ได้ระบุชัดเจนว่ารัฐธรรมนูญเป็นสิทธิของปวงชนชาวไทย เพราะฉะนั้น การกล่าวหาเพื่อต้องการจะมาประหารชีวิตทางการเมืองของพวกตนจึงเป็นสิ่งที่เกินเลยไป
"ที่ผ่านมา คนส่วนใหญ่ไม่รู้รายละเอียดในข้อกล่าวหา แต่จะเข้าใจว่านักการเมืองกลุ่มนี้ได้ล้มล้างการปกครอง จนกลายเป็นประเด็นให้กลุ่มการเมืองฝ่ายตรงข้ามมาใช้โจมตี จึงต้องใช้โอกาสนี้ในการชี้แจงถึงเจตนารมณ์ว่าการกระทำของพวกตนไม่ได้ล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยแต่อย่างใด" อดีตส.ว.อุทัยธานีกล่าว
ด้านนายดิเรก ถึงฝั่ง สปช. 1 ใน 38 ส.ว. ที่จะถูกพิจารณาถอดถอน กล่าวว่า ในการชี้แจงของพวกตนนั้นเชื่อว่าจะชี้แจงกันอย่างนิ่มนวล ไม่ได้เป็นการตอบโต้ แต่จะเป็นการพูดตามหลักฐานทางกฎหมาย และเจตนารมณ์ตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งคนที่ถูกชี้มูลควาผิดต่างตกลงกันว่า จะขอใช้สิทธิชี้แจงทุกคน ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่า คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้มีใบสั่งให้ สนช. ดำเนินการถอดถอนนั้น ก็ขอให้อย่าไปฟัง เพราะตนเชื่อว่า คสช. ต้องการให้บ้านเมืองเกิดความปรองดอง ไม่น่าไม่มีใบสั่งตามตามที่เป็นกระแส
