xs
xsm
sm
md
lg

‘เจ้าของ-ไต๋เรือ’ ลั่นเอาผิด 6ตร.พยายามฆ่า

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

"เจ้าของ-ไต๋เรือ"บารมีพ่อ 9 ให้ปากคำพนักงานสอบสวนสภ.คุระบุรี เหตุตำรวจ 6 นายใช้เรือไล่ล่า-ยิงถล่มด้วยอาวุธสงครามกลางอันดามัน หอบหลักฐานทหารเรือระบุตัวผู้ก่อเหตุมาให้ ยันเอาผิดพยายามฆ่าถึงที่สุด เผยพิรุธไม่ประสานตำรวจน้ำ-ทหารเรือ ไม่ส่งสัญญาณแสดงตัว ไม่ใช้เรือไทย ด้านโฆษกตร.โบ้ย"เข้าใจผิด"แต่รับตรวจสอบ หากเกินกว่าเหตุจะตั้งกก.สอบสวน ส่วนคดีเกาหลีถูกอุ้มรีดค่าไถ่ ระบุสืบสวนนครบาล 5 เกี่ยวข้อง 7 นาย

วานนี้ (12 ม.ค.) ที่สภ.คุระบุรี อ.คุระบุรี จ.พังงา นายยุทธชัย จันทร์ฉาย ตัวแทนเจ้าของเรือบารมีพ่อ 9 และนายทองใบ ทำทอง ไต้ก๋งเรือ ซึ่งอยู่ในเรือประมงถูกบุคคลใช้เรือไล่ตามและใช้อาวุธสงครามยิงถล่มกลางทะเลอันดามัน รอยต่อจังหวัดพังงา-ระนอง ขณะออกทะเลหาปูจักจั่น จนไต๋เรือต้องสั่งให้ลูกน้องกระโดดลงทะเลเพื่อความปลอดภัย ส่วนไต๋เรือขับเรือหนีพร้อมวิทยุขอความช่วยเหลือจากเรือหลวงศรีราชา เมื่อวันที่ 8 ม.ค.ที่ผ่านมา เข้าพบร.ต.ท.กฤษณะ เพ็งเรือง พนักงานสอบสวนสภ.คุระบุรี เพื่อแจ้งความร้องทุกข์พร้อมให้ปากคำ ซึ่งพนักงานสอบสวนใช้เวลาสอบปากคำกว่า 3 ชั่วโมง

โดยไต๋เรือนำเอกสารที่ทหารเรือ เรือหลวงศรีราชา บันทึกเอาไว้ ซึ่งระบุตัวผู้ก่อเหตุเป็นสำเนาบัตรประจำตัวตำรวจปฏิบัติการพิเศษ ภ.จว.ระนอง มาให้พนักงานสอบสวนเพื่อลงบันทึก ประกอบด้วย ว่าที่ร.ต.ต.นราทอน สัมพันธ์ รองสว.(ป)กก.สส.ภ.จว.ระนอง ด.ต.ณรงค์ชัย ขุนทอง ผบ.หมู่(ป)สภ.เมือง ด.ต.ณัฐวรรธน์ ตั้นวิริยะวงศ์ ผบ.หมู่(ป)กก.สส.ภ.จว.ร จ.ส.ต.สราวุธ เพชรรักษ์ ผบ.หมู่(ป)กก.สส.ภ.จว. ด.ต.โภคิน แสงแก้ว ผบ.หมู่(เก็บกู้)กก.สส.ภ.จว.กระบี่ ด.ต.สุรินทร์ นุ้ยโถง และนายปรีดา การะเวก

พ.ต.ท.วินัย คงแก้ว รทท.ผกก.สภ.คุระบุรี กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ได้รับคดีแล้ว โดยตั้งข้อกล่าวหาพยายามฆ่าแก่เจ้าหน้าที่ชุดดังกล่าวแล้ว และให้มารายงานตัวที่สภ.คุระบุรี พร้อมอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุสอบด้วย โดยทำหนังสือถึงต้นสังกัดแล้ว เบื้องต้นทราบว่ามีคำสั่งให้ไปปฎิบัติหน้าที่จริง ส่วนจะทำเกินกว่าเหตุหรือไม่ต้องรอผลการสอบสวน ตอนนี้ขอไม่ให้ข่าวใดๆ เนื่องจากยังไม่ทราบแน่ชัดว่าเรื่องเป็นอย่างไร

นายยุทธชัย กล่าวว่า ขอยืนยันว่าจะไม่ยอมความเด็ดขาด จะดำเนินคดีข้อหาพยายามฆ่า เพราะทำเกินกว่าเหตุ ไม่น่าใช่การปฏิบัติหน้าที่ หากเป็นการติดตามจับกุมคนร้ายจริง เมื่อเจอเรือต้องสงสัยก็ควรส่งสัญญาณตรวจค้น ไม่ใช่ว่าขับเรือเข้ามาแล้วใช้อาวุธสงครามยิงใส่เรือจนได้รับความเสียหาย ทั้งตัวเรือ เสากระโดง คานเรือ สมอเรือ และเรดาร์ จนลูกเรือเกือบเอาชีวิตไม่รอด ต้องกระโดดน้ำหนีตาย และขอความช่วยเหลือจากเรือรบหลวงศรีราชา

ด้านนายทองใบ กล่าวว่า ตอนนี้ต้องหลบไปอาศัยบ้านญาติ ซึ่งไม่สามารถเปิดเผยได้ เพราะหลังจากเป็นข่าวมีชายแปลกหน้าขับรถวนเวียนที่บ้าน มีโทรศัพท์เข้ามาหาตลอดเวลา แขู่ห้ามให้ข่าว ห้ามแจ้งความ ซึ่งรู้สึกเป็นห่วงครอบครัวมาก เพราะมีลูกยังเล็กอยู่ด้วย จึงคิดว่าหลบไปที่ปลอดภัยก่อนดีกว่าเพื่อความปลอดภัยของตนเองและครอบครัว

"ผมสงสัยว่าตำรวจเมืองระนองชุดนี้มาทำอะไรในทะเลโดยไม่ประสานตำรวจน้ำหรือทหารเรือก่อน หากเป็นการปฏิบัติหน้าที่ติดตามคนร้ายที่ก่อเหตุฆ่า 7 ศพมาจริง ทำไมไม่ส่งสัญญาณว่าเป็นเจ้าหน้าที่ขอตรวจค้นเรือ แต่กลับระดมยิง จนตอนนี้เรือประมงต่างหยุดออกหาปลา เพราะรู้สึกไม่ปลอดภัย และรอดูท่าทีว่าตำรวจจะดำเนินการด้านคดีในรูปแบบใด"

นายทองใบ กล่าวว่า พวกตนทำอาชีพประมงด้วยความสุจริต แต่ลักษณะของเรือที่ตำรวจนำมาใช้รับรองได้ว่าไม่ใช่เรือที่สร้างในประเทศไทย และไม่มีทะเบียนแน่นอน หากตรวจสอบจริงๆน่าจะทราบว่าเรือลำนี้มาจากที่ไหน และทำไมตำรวจชุดดังกล่าวนำมาใช้ ซึ่งหลังจากเกิดเหตุยังไม่มีใครเข้ามาพูดคุยเรื่องความเสียหาย ซึ่งคิดว่าน่าจะกว่า 5 แสนบาท จึงต้องเอาเรื่องตำรวจชุดนี้ให้ถึงที่สุด

นายพิศิษย์ เพชรคีรี เจ้าของเรือบารมีพ่อ 9 กล่าวว่า สิ่งที่กำลังวิตกในขณะนี้ คือ ในสำนวนสอบสวนไม่มีรายชื่อผู้ก่อเหตุ ทั้งที่ได้มอบหลักฐานรายชื่อให้แล้ว จึงเกรงว่าจะมีการช่วยเหลือกัน เพราะทราบว่ามีตำรวจชั้นผู้ใหญ่คอยดูแลอยู่ นอกจากนี้ยังมีคนพยายามโทรศัพท์มาขอไม่ให้เอาเรื่อง ทั้งจากเอกชนและเจ้าหน้าที่รัฐ แต่ได้ปฏิเสธไป พร้อมบอกว่าหากยอมแล้วลูกน้องจะคิดอย่างไร เจ้านายเข้าข้างคนที่พยายามฆ่าลูกน้องหรือ

"รับรองได้เลยว่าคดีนี้จะสู้ให้ถึงที่สุด คนทำผิดต้องถูกดำเนินคดีหรือติดคุกเท่านั้น ไม่ว่าใครจะมากดดัน ขอ หรือข่มขู่ก็ไม่ยอมเด็ดขาด"

นายพิศิลย์ กล่าวว่า ช่วงนี้ต้องระวังตัวมากขึ้น เพราะรู้ว่ากำลังต่อสู้กับผู้มีอิทธิพล มีอำนาจ และกฎหมายในมือ แต่เรื่องนี้จะไม่จบง่ายๆแน่นอน เพื่อนชาวประมงหลายรายที่เคยถูกกระทำแบบตนต่างโก็ให้กำลังใจ บอกให้สู้จนกว่าจะชนะ

พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบ เบื้องต้นเชื่อว่าอาจเกิดจากความเข้าใจผิดทั้งสองฝ่าย เพราะตรวจสอบเบื้องต้นทราบว่าเป็นการปฏิบัติหน้าที่ของชุดเฉพาะกิจทางเรือ ในการตรวจจับแรงงานต่างด้าวลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย แต่ด้วยเป็นเวลากลางคืน และไม่มีเครื่องขยายเสียงแสดงตัวให้ชัดเจน ประกอบกับเรือประมงมีพฤติการณ์หลบหนีเพราะคิดว่าเป็นเรือโจร จึงเกิดความเข้าใจผิดและเกิดการยิงขึ้น

"หลังจากนี้จะปรับยุทธิวิธีสกัดจับคนร้ายทางเรือ ทั้งเพิ่มสัญลักษณ์แสดงตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่ หรือเครื่องขยายเสียง แต่ตอนนี้ต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าเรือประมงมีความผิดตามที่ได้รับแจ้งหรือไม่ หรือหากเป็นการกระทำเกินกว่าเหตุของเจ้าหน้าที่ ก็จะตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงต่อไป"

พล.ต.ท.ประวุฒิ กล่าวด้วยว่า ส่วนการอุ้มเรียกค่าไถ่ชาวเกาหลีเมื่อเร็วๆนี้นั้น ได้สั่งการให้กองปราบปราบ และกองบังคับการตำรวจนครบาล(บก.น.) 5 สืบสวนข้อเท็จจริงกรณีมีตำรวจเกี่ยวข้อง เบื้องต้นได้รับรายงานมีตำรวจ 7 นาย เป็นระดับสารวัตร 2 นาย ที่เหลือเป็นตำรวจชั้นประทวนของฝ่ายสืบสวน บก.น. 5 เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องจริง โดยเรียกรับผลประโยชน์จากการไม่ดำเนินคดีเครือข่ายชาวเกาหลี ในข้อหาเกี่ยวกับการพนันออนไลน์ ขณะนี้ให้ผู้บังคับบัญชาของตำรวจทั้ง 7 นาย เรียกตัวมาชี้แจงข้อเท็จจริงแล้ว หากพบมีความผิดจริง ต้องดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด
กำลังโหลดความคิดเห็น