เห็นความเป็นไปในบ้านเมืองทุกวันนี้ ชักจะเป็นเหมือนโรงมหรสพขนาดใหญ่ มีทั้งละครน้ำเน่า ปาหี่แหกตาหลอกต้มคนดู เล่นลิเกสลับเอาใจคนบางกลุ่ม ละครสัตว์กั้นฉากบางช่วง จำอวดตลกด้าน บางครั้งผู้มีหน้าที่ดูแลโรงมหรสพอารมณ์ร้าย หน้าแดงหูแดง ร้องว้ากเพ้ยเหมือนตัวร้ายเต้นงิ้ว
การแสดงในฉากต่างๆ อยู่บนพื้นฐานของความคิดนักแสดงที่ทึกทักเอาว่าผู้ชมทั้งหมดถ้าไม่โง่งมจมปลักลึกก็โดนต้มซ้ำซากมีสติปัญญาอยู่ในระดับคนบ้องตื้น เมื่อผู้ชมจับได้ไล่ทันก็คำรามขู่ว่าจะทำนั่นนี่โน่น ทุ่มอะไรใส่ วางอำนาจบาทใหญ่เห็นชาวบ้านเป็นลูกไล่รองรับอารมณ์คุ้มดีคุ้มร้าย
ถ้าไม่หลอกตัวเองจนติดนิสัยถอนตัวไม่ขึ้น ใช้สติปัญญาวิเคราะห์สถานการณ์บ้านเมืองดูแนวโน้มความเป็นไป น่าจะได้ข้อสรุปแบบง่ายๆ ว่ายังมองไม่เห็นอนาคตสดใส อาจเผชิญวิกฤตร้ายกว่าเดิมเพราะผู้มีอำนาจอ้างตลอดเวลาว่าพยายามแก้ปัญหา แต่ชาวบ้านได้ยินแต่ข้ออ้างเป่าหูให้ฟังดูดี
ที่ผ่านมา ผลปรากฏชัดมีเพียงการใช้อำนาจสั่งมวลชนใส่เสื้อทุกสีให้เลิกการชุมนุมเพื่อไม่ให้เกิดการเผชิญหน้ารุนแรงขยายตัวจนอาจถึงขั้นยกกำลังเข้าปะทะกันจนเกิดสงครามกลางเมืองนองเลือด แต่การบริหารจัดการปัญหาแท้จริงยังไม่เกิดขึ้น มีแต่เสียงเรียกร้องให้ทุกฝ่ายหันหน้าปรองดองกัน
เมื่อไม่แยกผิดแยกถูก อ้างว่าไม่ต้องการให้เกิดความขัดแย้งอีก เท่ากับว่าปล่อยให้ปัญหาเดิมยืดเยื้อต่อไป มีฝ่ายสมุนกังฉินหนีคุกทำตัวแกล้งตายหลายเดือน จนมั่นใจว่าผู้มีอำนาจออกอาการถอดใจเพราะแก้ปัญหาสุมหัวไม่ตก จึงเริ่มกระดุกกระดิกเตรียมฟื้นตัวรุกคืบหน้ารอวันเอาคืน
จะมีใครเถียง ถ้าจะบอกว่าผลงานที่ผ่านมาของรัฐบาลต่ำกว่าราคาคุย เสียงคำรามมากนัก ถ้าเป็นที่พอใจน่าจะมีเสียงชมเชยจากประชาชนฐานะต่ำกว่าคนชั้นกลางจนถึงระดับรากหญ้าชนบทและรากหญ้าป่าคอนกรีตซึ่งกำลังอยู่ในสภาพใกล้รากเลือดอกไหม้ไส้ขมทุกข์ระทมจมปลักดังเช่นทุกวันนี้
ถ้าไม่มีกฎอัยการศึกจำกัดสิทธิของประชาชน วิพากษ์วิจารณ์เต็มที่ในบรรยากาศประชาธิปไตยแท้จริง ป่านนี้ผู้มีอำนาจโดนตรวจสอบหนักจนถอดใจไปแล้ว หรือถ้าบ้านเมืองมีกระบวนการยุติธรรมที่น่าเชื่อถือ มีความรับผิดชอบต่อหน้าที่ มีความเที่ยงธรรมทุกระดับ คงไม่มีปัญหาสาหัสแบบนี้
นั่นเป็นเพราะโครงสร้างสังคมการเมือง เศรษฐกิจ จิตวิญญาณ ศีลธรรมตกต่ำจนแทบไม่เหลือราก ผู้มีอำนาจไม่กล้าใช้อำนาจจัดการทุกอย่างเป็นไปไร้ทิศทางลมพัดลมเพ สร้างความหวังลมๆ แล้งๆ ไพร่ฟ้าได้แต่หน้าแห้ง มองหาใครเป็นที่พึ่งไม่ได้ มีแต่พวกปัดสวะอยากเอาตัวรอด จ้องตีกิน
ดูง่ายๆ การทุจริตลามลึกไปถึงสถาบันการศึกษา โกงเป็นเงินกว่าพันล้านบาท ยังไม่รับเป็นคดีพิเศษ การสอบสวนยังสาวไปไม่ถึงตัวใหญ่ มีเพียงพวกรับช่วงเอาเงินไปฟอกสร้างเครือข่ายฉ้อฉล วันก่อนสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินแจ้งให้เจ้าอาวาสวัดสระเกศชี้แจงบัญชีเงินระดับร้อยล้านบาท
การโยกย้ายล้างบางยกชุดตำรวจยังมิวายมีข่าวคาวซุบซิบฉาวโฉ่เรื่องการซื้อ ขายตำแหน่ง ทั้งๆ ที่เป็นยุครัฐประหาร ผู้ยิ่งใหญ่สีเขียวคุมสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นเรื่องพิสดารเข้าใจยากจริงๆ
คนภาครัฐยังมิได้แสดงความห่วงหาอาทรต่อประชาชน ดูเรื่องการปรับราคาพลังงานก็เห็นได้ชัดว่ามีแต่ข้ออ้างสารพัดเพื่อชะลอการลดราคาน้ำมันและแก๊ส ไม่อายที่มุ่งกอบโกยลาภลอยจากความแตกต่างระหว่างราคาในตลาดโลกและราคาใน ประเทศ สรุปได้แต่ว่า “ส่วนต่างเยอะ” เท่านั้น
พูดเหมือนกันเดี๊ยะ เมื่ออ้าง “ส่วนต่าง” ในราคาไมโครโฟนติดตั้งในทำเนียบฯ และส่วนต่างราคาพลังงานแต่ความหมายผิดกัน มีความเหมือนกันอย่างเดียวคือประชาชนเสียหายทั้งขึ้นทั้งล่อง ราคาขายสลากกินแบ่งฯ ก็ยังยื้ออ้างโน่นนี่นั่นจนยี่ปั๊วขึ้นราคาขายจาก 80 กว่าเป็น 90 กว่าต่อใบ
ข่าวซุบซิบหนาหูว่ามีมือใหม่แบเข้ามาขอส่วนแบ่ง ยี่ปั๊วต้องเพิ่ม “ส่วนต่าง” ไม่ยอมขาดทุนกำไร!
แม้กระทั่งปาหี่พิธีกรรมถอดถอนนักการเมืองบทบาทฉาวในสภาฯ ก็ยังสร้างความสิ้นหวังให้ชาวบ้าน เมื่อประธาน สนช.สอบถามมติสมาชิกว่าสมควรประชุมลับหรือไม่ เสียงข้างมากโหวตให้เป็นการประชุมโดยเปิดเผย แต่ยังมีความน่าอนาถเมื่อมี 19 ผู้ทรงเกียรติขอใช้สิทธิ “งดออกเสียง”
กะอีแค่ขอเสียงว่าให้ประชุม “ลับ” หรือ “ไม่ลับ” ก็ยังไม่กล้าแสดงจุดยืน น่าเสียดาย ไม่มีรายงานว่าทั้ง 19 ผู้ทรงเกียรตินั้นเป็นใคร คิดหรือไม่คิดอย่างไรจึงไม่ขอโหวตข้างไหน ต้องถูกมองว่าเป็นการ “แทงกั๊ก” หรือขาดความกล้าหาญอย่างน่าอนาถใจ ชาวบ้านเสียดายเงินเดือนแสนกว่าบาท
ท่านผู้นำซึ่งแต่งตั้ง 19 ผู้ทรงเกียรติให้มาเป็น สนช.น่าจะขอดูตัวและปลดออกให้ไปเงียบที่บ้าน เพราะถ้าอยู่ต่อไปจะเป็นปัญหาเมื่อแสดงให้เห็นความคิดแบบนี้ เพื่อให้คนเสียภาษีได้รู้ด้วยว่าที่ผ่านมาได้ขอ “งดออกเสียง” กี่ครั้ง หรือการโหวตแต่ละครั้งนั้นไปทิศทางใด เป็นประโยชน์ต่อกลุ่มใด
สังคมบ้านเราจึงมีคนประเภทไม่ช่วยคนดี ไม่ทำร้ายคนชั่ว พวกกำมะลอ และอยู่เพื่อเอาตัวรอด!
มาถึงจุดนี้ประชาชนน่าจะเห็นชัดด้วยเช่นกันว่าการปฏิรูปยังห่างไกลจากความเป็นไปได้เมื่อไม่มีมรรคผลอะไรเป็นสาระนอกจากการถกเถียงแบบร้อนวิชาในกลุ่ม สปช. และท่าทีไม่ให้ความหวังของสมาชิก สนช.บางพวกซึ่งน่าจะเป็นตัวช่วยเครือข่ายกลุ่มอำนาจเก่าใต้สังกัดกังฉินเร่ร่อนนั่นเอง
จากนี้ท่านผู้มีอำนาจและคณะจะไม่มีเวลาหยอกล้อเล่นหัวกับใครอีกแล้ว ต้องเร่งมือแสดงผลงานให้กระจ่างด้านการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ อย่าได้คิดว่าบทบาทลีลาลูกเล่นลักไก่ตีปลาหน้าไซไขสือจะได้ผลหรือหวังว่าชาวบ้านยอมทนนั่งชมปาหี่ลิเกงิ้วเหมือนช่วง 6 เดือนแรกเมื่อชาวบ้านยังหลงคารม
ชาวบ้านเจ้าของประเทศผู้เสียภาษีและอยู่ในภาวะจำยอมชั่วคราวมีสิทธิถาม ดังๆ และต้องมีคำตอบว่าท่านจะนำพาบ้านเมืองไปทิศทางใด เมื่อชาวบ้านเริ่มไม่ไว้ใจ ศรัทธาถดถอย เพราะเห็นแววเกี๊ยะเซี้ยชัด การแก้ปัญหาบ้านเมืองไม่มีวันสำเร็จด้วยการพูดกรอกหู ท่าทางดุดันหรือร้องเพลง
ชาวบ้านรายได้น้อยด้อยโอกาส ด้อยสิทธิ กำลังร้องไห้จนน้ำตาแห้งเหือดจะเป็นสายเลือด!
สภาพที่เป็นอยู่เริ่มส่อแววว่านอกจากการปฏิรูปอาจไม่เกิดขึ้น คำมั่นต่างๆ หลังการรัฐประหารเริ่มแปรเปลี่ยน มีการโยนหินถามทางเรื่องนิรโทษกรรม รัฐบาลแห่งชาติ กอไม้ไผ่ยังไม่โผล่ดันพูดเรื่องทำบ้องกัญชาซะแล้ว ส่วนปัญหาเรื้อรังยังคงเตะถ่วงยึกยักเหมือนเดิม แค่นี้ชาวบ้านก็เห็นลาย
มีคนพูดเรื่อง “เสียของ” และ “ของเสีย” แล้ว อีกหน่อยพวกแกล้งตายจะบอก “กูไม่กลัวมึง”
การแสดงในฉากต่างๆ อยู่บนพื้นฐานของความคิดนักแสดงที่ทึกทักเอาว่าผู้ชมทั้งหมดถ้าไม่โง่งมจมปลักลึกก็โดนต้มซ้ำซากมีสติปัญญาอยู่ในระดับคนบ้องตื้น เมื่อผู้ชมจับได้ไล่ทันก็คำรามขู่ว่าจะทำนั่นนี่โน่น ทุ่มอะไรใส่ วางอำนาจบาทใหญ่เห็นชาวบ้านเป็นลูกไล่รองรับอารมณ์คุ้มดีคุ้มร้าย
ถ้าไม่หลอกตัวเองจนติดนิสัยถอนตัวไม่ขึ้น ใช้สติปัญญาวิเคราะห์สถานการณ์บ้านเมืองดูแนวโน้มความเป็นไป น่าจะได้ข้อสรุปแบบง่ายๆ ว่ายังมองไม่เห็นอนาคตสดใส อาจเผชิญวิกฤตร้ายกว่าเดิมเพราะผู้มีอำนาจอ้างตลอดเวลาว่าพยายามแก้ปัญหา แต่ชาวบ้านได้ยินแต่ข้ออ้างเป่าหูให้ฟังดูดี
ที่ผ่านมา ผลปรากฏชัดมีเพียงการใช้อำนาจสั่งมวลชนใส่เสื้อทุกสีให้เลิกการชุมนุมเพื่อไม่ให้เกิดการเผชิญหน้ารุนแรงขยายตัวจนอาจถึงขั้นยกกำลังเข้าปะทะกันจนเกิดสงครามกลางเมืองนองเลือด แต่การบริหารจัดการปัญหาแท้จริงยังไม่เกิดขึ้น มีแต่เสียงเรียกร้องให้ทุกฝ่ายหันหน้าปรองดองกัน
เมื่อไม่แยกผิดแยกถูก อ้างว่าไม่ต้องการให้เกิดความขัดแย้งอีก เท่ากับว่าปล่อยให้ปัญหาเดิมยืดเยื้อต่อไป มีฝ่ายสมุนกังฉินหนีคุกทำตัวแกล้งตายหลายเดือน จนมั่นใจว่าผู้มีอำนาจออกอาการถอดใจเพราะแก้ปัญหาสุมหัวไม่ตก จึงเริ่มกระดุกกระดิกเตรียมฟื้นตัวรุกคืบหน้ารอวันเอาคืน
จะมีใครเถียง ถ้าจะบอกว่าผลงานที่ผ่านมาของรัฐบาลต่ำกว่าราคาคุย เสียงคำรามมากนัก ถ้าเป็นที่พอใจน่าจะมีเสียงชมเชยจากประชาชนฐานะต่ำกว่าคนชั้นกลางจนถึงระดับรากหญ้าชนบทและรากหญ้าป่าคอนกรีตซึ่งกำลังอยู่ในสภาพใกล้รากเลือดอกไหม้ไส้ขมทุกข์ระทมจมปลักดังเช่นทุกวันนี้
ถ้าไม่มีกฎอัยการศึกจำกัดสิทธิของประชาชน วิพากษ์วิจารณ์เต็มที่ในบรรยากาศประชาธิปไตยแท้จริง ป่านนี้ผู้มีอำนาจโดนตรวจสอบหนักจนถอดใจไปแล้ว หรือถ้าบ้านเมืองมีกระบวนการยุติธรรมที่น่าเชื่อถือ มีความรับผิดชอบต่อหน้าที่ มีความเที่ยงธรรมทุกระดับ คงไม่มีปัญหาสาหัสแบบนี้
นั่นเป็นเพราะโครงสร้างสังคมการเมือง เศรษฐกิจ จิตวิญญาณ ศีลธรรมตกต่ำจนแทบไม่เหลือราก ผู้มีอำนาจไม่กล้าใช้อำนาจจัดการทุกอย่างเป็นไปไร้ทิศทางลมพัดลมเพ สร้างความหวังลมๆ แล้งๆ ไพร่ฟ้าได้แต่หน้าแห้ง มองหาใครเป็นที่พึ่งไม่ได้ มีแต่พวกปัดสวะอยากเอาตัวรอด จ้องตีกิน
ดูง่ายๆ การทุจริตลามลึกไปถึงสถาบันการศึกษา โกงเป็นเงินกว่าพันล้านบาท ยังไม่รับเป็นคดีพิเศษ การสอบสวนยังสาวไปไม่ถึงตัวใหญ่ มีเพียงพวกรับช่วงเอาเงินไปฟอกสร้างเครือข่ายฉ้อฉล วันก่อนสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินแจ้งให้เจ้าอาวาสวัดสระเกศชี้แจงบัญชีเงินระดับร้อยล้านบาท
การโยกย้ายล้างบางยกชุดตำรวจยังมิวายมีข่าวคาวซุบซิบฉาวโฉ่เรื่องการซื้อ ขายตำแหน่ง ทั้งๆ ที่เป็นยุครัฐประหาร ผู้ยิ่งใหญ่สีเขียวคุมสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นเรื่องพิสดารเข้าใจยากจริงๆ
คนภาครัฐยังมิได้แสดงความห่วงหาอาทรต่อประชาชน ดูเรื่องการปรับราคาพลังงานก็เห็นได้ชัดว่ามีแต่ข้ออ้างสารพัดเพื่อชะลอการลดราคาน้ำมันและแก๊ส ไม่อายที่มุ่งกอบโกยลาภลอยจากความแตกต่างระหว่างราคาในตลาดโลกและราคาใน ประเทศ สรุปได้แต่ว่า “ส่วนต่างเยอะ” เท่านั้น
พูดเหมือนกันเดี๊ยะ เมื่ออ้าง “ส่วนต่าง” ในราคาไมโครโฟนติดตั้งในทำเนียบฯ และส่วนต่างราคาพลังงานแต่ความหมายผิดกัน มีความเหมือนกันอย่างเดียวคือประชาชนเสียหายทั้งขึ้นทั้งล่อง ราคาขายสลากกินแบ่งฯ ก็ยังยื้ออ้างโน่นนี่นั่นจนยี่ปั๊วขึ้นราคาขายจาก 80 กว่าเป็น 90 กว่าต่อใบ
ข่าวซุบซิบหนาหูว่ามีมือใหม่แบเข้ามาขอส่วนแบ่ง ยี่ปั๊วต้องเพิ่ม “ส่วนต่าง” ไม่ยอมขาดทุนกำไร!
แม้กระทั่งปาหี่พิธีกรรมถอดถอนนักการเมืองบทบาทฉาวในสภาฯ ก็ยังสร้างความสิ้นหวังให้ชาวบ้าน เมื่อประธาน สนช.สอบถามมติสมาชิกว่าสมควรประชุมลับหรือไม่ เสียงข้างมากโหวตให้เป็นการประชุมโดยเปิดเผย แต่ยังมีความน่าอนาถเมื่อมี 19 ผู้ทรงเกียรติขอใช้สิทธิ “งดออกเสียง”
กะอีแค่ขอเสียงว่าให้ประชุม “ลับ” หรือ “ไม่ลับ” ก็ยังไม่กล้าแสดงจุดยืน น่าเสียดาย ไม่มีรายงานว่าทั้ง 19 ผู้ทรงเกียรตินั้นเป็นใคร คิดหรือไม่คิดอย่างไรจึงไม่ขอโหวตข้างไหน ต้องถูกมองว่าเป็นการ “แทงกั๊ก” หรือขาดความกล้าหาญอย่างน่าอนาถใจ ชาวบ้านเสียดายเงินเดือนแสนกว่าบาท
ท่านผู้นำซึ่งแต่งตั้ง 19 ผู้ทรงเกียรติให้มาเป็น สนช.น่าจะขอดูตัวและปลดออกให้ไปเงียบที่บ้าน เพราะถ้าอยู่ต่อไปจะเป็นปัญหาเมื่อแสดงให้เห็นความคิดแบบนี้ เพื่อให้คนเสียภาษีได้รู้ด้วยว่าที่ผ่านมาได้ขอ “งดออกเสียง” กี่ครั้ง หรือการโหวตแต่ละครั้งนั้นไปทิศทางใด เป็นประโยชน์ต่อกลุ่มใด
สังคมบ้านเราจึงมีคนประเภทไม่ช่วยคนดี ไม่ทำร้ายคนชั่ว พวกกำมะลอ และอยู่เพื่อเอาตัวรอด!
มาถึงจุดนี้ประชาชนน่าจะเห็นชัดด้วยเช่นกันว่าการปฏิรูปยังห่างไกลจากความเป็นไปได้เมื่อไม่มีมรรคผลอะไรเป็นสาระนอกจากการถกเถียงแบบร้อนวิชาในกลุ่ม สปช. และท่าทีไม่ให้ความหวังของสมาชิก สนช.บางพวกซึ่งน่าจะเป็นตัวช่วยเครือข่ายกลุ่มอำนาจเก่าใต้สังกัดกังฉินเร่ร่อนนั่นเอง
จากนี้ท่านผู้มีอำนาจและคณะจะไม่มีเวลาหยอกล้อเล่นหัวกับใครอีกแล้ว ต้องเร่งมือแสดงผลงานให้กระจ่างด้านการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ อย่าได้คิดว่าบทบาทลีลาลูกเล่นลักไก่ตีปลาหน้าไซไขสือจะได้ผลหรือหวังว่าชาวบ้านยอมทนนั่งชมปาหี่ลิเกงิ้วเหมือนช่วง 6 เดือนแรกเมื่อชาวบ้านยังหลงคารม
ชาวบ้านเจ้าของประเทศผู้เสียภาษีและอยู่ในภาวะจำยอมชั่วคราวมีสิทธิถาม ดังๆ และต้องมีคำตอบว่าท่านจะนำพาบ้านเมืองไปทิศทางใด เมื่อชาวบ้านเริ่มไม่ไว้ใจ ศรัทธาถดถอย เพราะเห็นแววเกี๊ยะเซี้ยชัด การแก้ปัญหาบ้านเมืองไม่มีวันสำเร็จด้วยการพูดกรอกหู ท่าทางดุดันหรือร้องเพลง
ชาวบ้านรายได้น้อยด้อยโอกาส ด้อยสิทธิ กำลังร้องไห้จนน้ำตาแห้งเหือดจะเป็นสายเลือด!
สภาพที่เป็นอยู่เริ่มส่อแววว่านอกจากการปฏิรูปอาจไม่เกิดขึ้น คำมั่นต่างๆ หลังการรัฐประหารเริ่มแปรเปลี่ยน มีการโยนหินถามทางเรื่องนิรโทษกรรม รัฐบาลแห่งชาติ กอไม้ไผ่ยังไม่โผล่ดันพูดเรื่องทำบ้องกัญชาซะแล้ว ส่วนปัญหาเรื้อรังยังคงเตะถ่วงยึกยักเหมือนเดิม แค่นี้ชาวบ้านก็เห็นลาย
มีคนพูดเรื่อง “เสียของ” และ “ของเสีย” แล้ว อีกหน่อยพวกแกล้งตายจะบอก “กูไม่กลัวมึง”