xs
xsm
sm
md
lg

ทำไมยังไม่ยอมวิจัยเรื่อง การกดนวดตาเพื่อรักษาโรคต้อหินเรื้อรังและจอประสาทตาเสื่อม !? (ตอนที่ 5)

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ณ บ้านพระอาทิตย์
โดย...ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์

ภายหลังจากคุณหญิงอารยา พิบูลนครินทร์ ราชเลขานุการในพระองค์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้ทำหนังสือเมื่อวันที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2555 ถึงปลัดกระทรวงสาธารณสุขเพื่อขอความอนุเคราะห์พิจารณาสอบข้อเท็จจริง และดำเนินการวิจัยพิสูจน์ข้อเท็จจริงว่าการรักษาผู้ป่วยโรคต้อหินเรื้อรังด้วยเทคนิคการนวดตานั้นเป็นไปได้หรือไม่?

ถามว่าหลังจากมีหนังสือแล้วปรากฏว่างานวิจัยก็ได้รุดหน้าไปอีกครั้งหนึ่ง โดยได้มีการประชุมระหว่าง นพ.สมเกียรติ อธิคมกุลชัยผู้คิดค้นวิธีการนวดตาเพื่อรักษาโรคต้อหินเรื้อรังและจอประสาทตาเสื่อมร่วมกับสำนักการแพทย์ทางเลือก 1 ครั้ง และเป็นการประชุมระหว่าง นพ.สมเกียรติ อธิคมกุลชัย กับสำนักการแพทย์ทางเลือกและโรงพยาบาลเมตตาประชารักษ์ (โรงพยาบาลวัดไร่ขิง) 3 ครั้ง

ที่มีการประชุมที่โรงพยาบาลวัดไร่ขิงก็เพราะเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่จักษุแพทย์ที่ได้รับเชิญให้เป็นกรรมการในการวิจัยนั้นสามารถเข้าประชุมได้ง่ายขึ้น

แต่เวลาผ่านไป 7 เดือน ยังไม่มีความคืบหน้าในการวิจัยใดๆ !!!?

เวลาได้ล่วงเลยมาพอสมควร กองราชเลขานุการในพระองค์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารียังมิได้ทราบผลการพิจารณาสอบข้อเท็จจริง เพื่อกราบบังคมทูลทราบฝ่าละอองพระบาท

คุณหญิงอารยา พิบูลนครินทร์ ราชเลขานุการในพระองค์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี จึงได้ทำหนังสือเป็นครั้งที่ 2เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 เพื่อขอให้ปลัดกระทรวสาธารณสุขได้โปรดเร่งรัดในการพิจารณาสอบข้อเท็จจริงเพื่อจะได้นำความกราบบังคมทูลประกอบพระราชวินิจฉัย

หลังจากนั้นอีก 26 วัน จึงได้มีการจัด "ประชุมครั้งสุดท้าย"เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 ที่ว่าเป็นครั้งสุดท้ายก็ไม่ใช่เพราะว่ามีผลสรุปงานวิจัยใดๆแล้ว แต่หากเป็นเพราะว่า "จักษุแพทย์ที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นกรรมการ 3 ท่าน ไม่เข้าร่วมประชุมทั้งหมด"

เหตุผลที่ไม่เข้าร่วมประชุมทั้ง 3 ท่าน ก็เพราะให้เหตุผลว่าติดงานตรวจรักษาผู้ป่วย ทั้งๆที่การประชุมครั้งนั้นมีการนัดหมายประชุมล่วงหน้าไปแล้วกว่า 3 สัปดาห์

มันอาจจะเป็นความบังเอิญอย่างร้ายกาจที่แพทย์ทั้ง 3 ท่านติดงานตรวจรักษาผู้ป่วยพร้อมๆกัน หรือไม่?

หรืออาจจะเป็นไปได้หรือไม่ ที่จักษุแพทย์ของโรงพยาบาลเมตตาประชารักษ์ ไม่ต้องการที่จะมีปัญหากับทางราชวิทยาลัยจักษุแพทย์แห่งประเทศไทยหรือไม่?

10 ปี แห่งความมืดมนในขั้นตอนเพียงแค่การแสวงหาข้อเท็จจริงจากการวิจัยว่า วิธีการนวดตานั้นสามารถรักษาโรคต้อหินเรื้อรังและโรคจอประสาทตาเสื่อมได้หรือไม่?

แต่ในช่วงเวลา 10 ปีที่ผ่านมาเรากลับได้ข้อมูลจากผลการรักษาจาก นพ.สมเกียรติ อธิคมกุลชัย ถึงจำนวนผู้ป่วยที่มีตัวตนหลายคนซึ่งตาบอดไปแล้วสามารถกลับมามองเห็นใหม่ได้ หรือมีอาการดีขึ้นจากโรคต้อหินเรื้อรัง หรือโรคจอประสาทตาเสื่อม โดยไม่ต้องใช้ยาหรือใช้การผ่าตัด โดยการนวดกดตาจนเห็นแสง 2 นาทีต่อรอบ และทำมากกว่า 10 ครั้งต่อวัน และยังมีกรณีศึกษาไปไกลถึงการช่วยแก้ปัญหาให้กับผู้ป่วยที่ตาโปนจากโรคไทรอยด์เป็นพิษโดยไม่ต้องเสี่ยงกับการผ่าตัด แต่ก็ยังไม่มีผลการวิจัยออกมาแต่ประการใด

ผลดีจะเป็นอย่างไรก็ควรจะวิจัยให้ทราบ ผลร้ายเป็นอย่างไรก็ควรจะสรุปออกมาเป็นงานวิจัยให้รู้ เพราะวันนี้เราเห็นผลดีแล้วจากผู้ป่วยกลุ่มหนึ่งเป็นที่ประจักษ์ที่รักษาด้วยการนวดตา แต่ราชวิทยาลัยจักษุแพทย์แห่งประเทศไทยก็ดูเหมือนว่ายังไม่สามารถนำเสนอผู้ป่วยที่ได้รับผลกระทบในทางลบได้นอกจากการ "แสดงความคิดเห็น" เท่านั้น

ผ่านไปอีกเกือบ 16 เดือน นับตั้งแต่มีหนังสือครั้งที่ 2 จากคุณหญิงอารยา พิบูลนครินทร์ ราชเลขานุการในพระองค์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี เพื่อเร่งรัดปลัดกระทรวงสาธารณสุขในการพิจารณสอบข้อเท็จจริง ก็ยังไม่ปรากฏว่ามีผลสรุปงานวิจัยเป็นอย่างไร?

ในขณะที่งานวิจัยยังไม่คืบหน้าก็ถือว่ายังไม่มีข้อยุติ ว่าการนวดตามีผลดีหรือผลร้ายเป็นอย่างไรกันแน่ แต่กลับปรากฏว่ามีผู้ที่ใช้ชื่อว่า "ราชวิทยาลัยจักษุแพทย์แห่งประเทศไทย" ได้จัดทำวีดีโอการ์ตูนเคลื่อนไหวเผยแพร่ในเว็บไซต์ยูทูป ในหัวข้อที่ว่า...

"การนวดตาอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อดวงตา"

โดยในเนื้อความของการเผยแพร่ครั้งนี้ได้มีการอธิบายเอาไว้ดังนี้

"การนวดตาอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อดวงตา

ปัจจุบันมีการพูดถึงการนวดตากันมาก ซึ่งยังไม่มีหลักฐานทางการแพทย์ใดๆ ยืนยันว่าการนวดตาสามารถป้องกันและรักษาโรคตาใดๆได้

นอกจากนี้ การนวดตาอาจทำให้เกิดอันตรายต่อดวงตาได้ เช่น การนวดตาโดยออกแรงกดไปที่ลูกตาโดยตรง จะเป็นการเพิ่มแรงดันในลูกตา ทำให้ลูกตาที่มีลักษณะกลมผิดรูป ซึ่งอาจส่งผลให้จอตาขาดและหลุดลอก เลนส์แก้วตาอาจเคลื่อน เลือดอาจออกในวุ้นตาโดยเฉพาะผู้ที่เป็นเบาหวานเข้าตาระยะรุนแรง และอาจทำให้ความดันตาสูงเรื้อรังจนเป็นต้อหิน

การพักผ่อนสายตาที่ดีที่สุดคือ เมื่อเรามองใกล้ๆนานๆ เช่น อ่านหนังสือ หรือ จ้องหน้าอุปกรณ์พกพาต่างๆ ซึ่งครั้งหนึ่งไม่ควรเกิน 45 - 60 นาที แล้วให้ออกมามองบริเวณอื่นๆ มองออกไปไกลๆ หรือจะหลับตาก็ได้ เป็นเวลา 10 - 15 นาที เพื่อถนอมสายตาให้อยู่คู่ไปกับเรานานๆ

ด้วยความห่วงใยต่อสุขภาพตาของคุณ โดยราชวิทยาลัยจักษุแพทย์แห่งประเทศไทย"


เพียงแค่ข้อมูลข้างต้นก็คงมีผู้คนอีกจำนวนมากคงจะเกิดความสับสนขึ้นอีกครั้ง แต่มีข้อสังเกตให้วิญญูชนได้ลองพิจารณาคำถามดังต่อไปนี้

1.ถ้าราชวิทยาลัยจักษุแพทย์แห่งประเทศไทยเห็นว่าการนวดตาอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อดวงตา แล้วเหตุใดจึงไม่เร่งดำเนินการวิจัยว่าช่วยรักษาโรคต้อหินเรื้อรังและโรคจอประสาทตาเสื่อมได้จริงหรือไม่?

การเลือกใช้ข้อความว่า "ไม่มีหลักฐานทางการแพทย์ใดๆ ยืนยันว่าการนวดตาสามารถป้องกันและรักษาโรคตาใดๆได้" แท้ที่จริงแล้วก็เพราะการนวดตานั้นเป็นนวัตกรรมที่เกิดขึ้นในประเทศไทยที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน แต่มีผู้ป่วยมีอาการดีขึ้นจำนวนมากจึงสมควรต้องทำงานวิจัยเพื่อมีหลักฐานทางการแพทย์ แต่ที่ไม่มีหลักฐานทางการแพทย์ก็เพราะราชวิทยาลัยจักษุแพทย์แห่งประเทศไทย ไม่มีความจริงใจในการวิจัยเพื่อทำให้เกิดหลักฐานทางการแพทย์ ใช่หรือไม่?

เพราะตลอดระยะเวลา 10 ปี ของการเรียกร้องของ นพ.สมเกียรติ อธิคมกุลชัย นั้น ไม่ได้เรียกร้องเพื่อให้รับรองการนวดตา แต่ให้วิจัยเพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริง ด้วยเหตุผลใดจึงไม่มีความพยายามแสวงหาในข้อเท็จจริงนี้?

2.เพราะไม่มีงานวิจัยรองรับถึงวิธีการนวดตาของ นพ.สมเกียรติ อธิคมกุลชัย การจะกล่าวอ้างถึงอันตรายก็ยังไม่สามารถสรุปได้เช่นกัน ดังนั้นการกล่าวอ้างว่าจะทำให้เกิดอันตรายนั้นจึงอยู่ในระดับเพียงแค่ "ความเห็น" ว่า "อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อดวงตา" และถ้าจะสร้างความตระหนักของคำว่า "อาจ" อันตราย โดยที่ไม่ได้มีงานวิจัยรองรับ ก็อาจจะทำให้สามารถมองอีกมุมหนึ่งได้เหมือนกันว่า "ไม่มีหลักฐานทางการแพทย์ใดๆ ยืนยันว่าการนวดตาของ นพ.สมเกียรติ อธิคมกุลชัย มีอันตรายต่อดวงตาได้" ซึ่งเป็นตรรกะเดียวกัน จริงหรือไม่?

3.ในระหว่างที่ยังไม่สรุปงานวิจัย (ซึ่งไม่รู้ว่าจะสรุปหรือไม่ และเมื่อไหร่) แม้การกล่าวถึงความเสี่ยงอันตรายนั้นถือเป็นสิ่งที่ดีที่จะสร้างความตระหนักและป้องกันให้กับแพทย์และผู้ป่วยเอาไว้ก่อน แต่คำถามสำคัญที่ตามมาคือ ในขณะที่ นพ.สมเกียรติ อธิคมกุลชัย ได้แสดงหลักฐานและมีกรณีศึกษาของผู้ป่วยจำนวนมากที่ใช้เทคนิคนวดตาแล้วมีอาการดีขึ้นจากโรคต้อหินเรื้อรังและโรคจอประสาทตาเสื่อมโดยไม่ต้องการผ่าตัด มีตัวตนและชื่อสกุลและเบอร์โทรศัพท์ที่ยืนยันข้อเท็จจริงได้ ทางด้านราชวิทยาลัยจักษุแพทย์แห่งประเทศไทยซึ่งได้กล่าวถึงข้อห่วงใยที่ว่า "อาจ" อันตรายนั้น ได้พิสูจน์และมีหลักฐานของผู้ป่วยที่ใช้วิธีเทคนิกนวดตาของ นพ.สมเกียรติ (ไม่ใช่ของคนอื่น) แล้วมีอันตรายเช่นนั้นหรือไม่ อย่างไร?

ภายหลังระหว่างบทความนี้ได้เผยแพร่ไปแล้ว ได้รับทราบว่าราชวิทยาลัยจักษุแพทย์แห่งประเทศไทย ได้กรุณาตอบคำถามและข้อสงสัยที่มีมาก่อนหน้านี้ แต่อย่างไรก็ตามมีข้อสังเกตที่น่าสนใจและน่าจะพิจารณา ซึ่งจะนำเสนอในโอกาสต่อไป



กำลังโหลดความคิดเห็น