ASTVผู้จัดการรายวัน - สศค.ยังมีความหวังถ้าเศรษฐกิจไตรมาสสุดท้ายขยายตัวได้ 3.2% จะช่วยจีดีพีปีนี้โตได้ 1% เชื่อส่งออกไม่ถึงขั้นติดลบตามที่ ธปท.คาด ส่วนปีหน้าจะขยายตัวได้ 4% จากการที่เม็ดเงินลงทุนจากงบปี 58 งบลงทุนรัฐวิสาหกิจ และการอนุมัติการลงทุนของบีโอไอเริ่มเห็นผล
นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวว่า หากเศรษฐกิจไตรมาสสุดท้ายปีนี้ขยายตัวได้ 3.2% เศรษฐกิจปี 57 น่าจะขยายตัวได้มากกว่า 1% ต่อปี แม้ว่าก่อนหน้านี้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะประมาณการเศรษฐกิจปีนี้จะขยายตัวได้ 0.8% เพราะมีสมมุติฐานบางตัวที่แตกต่างกันเล็กน้อย เช่น มูลการส่งออก ธปท. คาดว่าจะขยายตัวติดลบ แต่ สศค. คาดว่าจะไม่ขยายตัว และการบริโภคภาคเอกชนที่ สศค. ประมาณการตัวเลขสูงกว่า ธปท. อยู่เล็กน้อย
ส่วนเศรษฐกิจปี 58 คาดว่าจะขยายตัวได้ 4% ต่อปี เนื่องจากมาตรการกระตุ้นเดิมที่คาดว่าวงเงินจะเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจไตรมาสสุดท้ายปีนี้ แต่การเบิกจ่ายล่าช้าก็จะไปเบิกจ่ายได้จริง นอกจากนี้ยังมีเม็ดเงินลงทุนจากงบประมาณปี 58 งบลงทุนรัฐวิสาหกิจ การอนุมัติเปิดโรงงาน 2,000 กว่าแห่ง และการอนุมัติการลงทุนของคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) จะเริ่มเบิกจ่ายและลงทุนได้ตั้งแต่ต้นปี 58 เป็นต้นไป
ผอ.สศค.ยังกล่าวถึงเศรษฐกิจเดือน พ.ย.57 มีสัญญาณชะลอตัว เนื่องจากการส่งออกและการลงทุนที่ยังไม่ฟื้นตัว ขณะที่การบริโภคเอกชนยังนิ่ง และการท่องเที่ยวอ่อนแรงขยายตัวได้น้อยกว่าเดือนที่ผ่านมา โดยเฉพาะการเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มเดือน พ.ย. 2557 ขยายตัวได้เล็กน้อย 0.6% แม้ว่าการเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากการบริโภคภายในประเทศจะขยายตัวได้ 4.5% แต่ภาษีมูลค่าเพิ่มจากการนำเข้าขยายตัวติดลบ 4.3% และเมื่อพิจารณาจากตัวเลขขายรถยนต์ขยายตัวติดลบ 27.7% รถจักรยานยนต์ขยายตัวติดลบ 12% เนื่องจากรายได้ของเกษตรกรลดลง จากราคาพืชผลทางเกษตรที่ตกต่ำ
การลงทุนภาคเอกชน ตัวเลขเก็บภาษีธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ขยายตัวติดลบ 12.6% จากเดือนก่อนหน้าที่ขยายตัวติดลบเพียง 2.9% ยอดขายปูนซิเมนต์ขยายตัวติดลบ 8.5% จากเดือนก่อนหน้าที่ขยายตัว 8% และยอดขายรถยนต์เชิงพาณิชย์ขยายตัวติดลบ 17.4% จากเดือนก่อนหน้าที่ขยายตัวติดลบ 13.6% การส่งออกเดือน พ.ย.57 กลับมาขยายตัวติดลบ 1.0% จากเดือนก่อนหน้าที่ขยายตัวได้ดี 4% ส่วนการท่องเที่ยวยังขยายตัวได้เป็นเดือนที่ติดต่ดกันที่ 2.5% แต่ขยายตัวได้น้อยกว่าเดือนก่อนหน้าที่ขยายได้ 6.1%
ด้านนายสมหมาย ภาษี รมว.คลัง กล่าวว่า งบลงทุน และงบกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่รัฐบาลดำเนินการอยู่ยังเบิกจ่ายได้ไม่ถึงครึ่ง ซึ่งรัฐบาลและหน่วยงานต่างๆ ได้พยายามเร่งเบิกจ่ายอยู่ คาดว่าจะมีความคืบหน้าอย่างมากในช่วง 2-3 เดือน ต่อจากนี้ ซึ่งจะส่งผลดีกับการขยายตัวเศรษฐกิจปีหน้า
ขณะที่นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวถึงปัจจัยเสี่ยงที่ต้องจับตาสำหรับปี 58 คือ ภาวะเศรษฐกิจโลก ราคาน้ำมันในตลาดโลก, ปัญหาภัยธรรมชาติ รวมทั้งจับตาราคาสินค้าเกษตรอย่างใกล้ชิด ซึ่งอาจจะมีผลต่อการขยายตัวของทั้งเศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจโลกได้ ขณะเดียวกัน ต้องจับตาเรื่องเงินทุนเคลื่อนย้ายด้วย
"ปัจจัยบวกมาจากการปีหน้าจะเกิดการรวมกลุ่มประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ซึ่งจะทำให้เกิดการลงทุนจากต่างประเทศเข้ามาในภูมิภาคเพิ่มขึ้น รวมทั้งเห็นผลจากการลงทุนใน Infrastructure Fund ในวงเงินหลายแสนล้านบาท ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญในการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้เป็นอย่างดี" นายรังสรรค์กล่าว.
นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวว่า หากเศรษฐกิจไตรมาสสุดท้ายปีนี้ขยายตัวได้ 3.2% เศรษฐกิจปี 57 น่าจะขยายตัวได้มากกว่า 1% ต่อปี แม้ว่าก่อนหน้านี้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะประมาณการเศรษฐกิจปีนี้จะขยายตัวได้ 0.8% เพราะมีสมมุติฐานบางตัวที่แตกต่างกันเล็กน้อย เช่น มูลการส่งออก ธปท. คาดว่าจะขยายตัวติดลบ แต่ สศค. คาดว่าจะไม่ขยายตัว และการบริโภคภาคเอกชนที่ สศค. ประมาณการตัวเลขสูงกว่า ธปท. อยู่เล็กน้อย
ส่วนเศรษฐกิจปี 58 คาดว่าจะขยายตัวได้ 4% ต่อปี เนื่องจากมาตรการกระตุ้นเดิมที่คาดว่าวงเงินจะเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจไตรมาสสุดท้ายปีนี้ แต่การเบิกจ่ายล่าช้าก็จะไปเบิกจ่ายได้จริง นอกจากนี้ยังมีเม็ดเงินลงทุนจากงบประมาณปี 58 งบลงทุนรัฐวิสาหกิจ การอนุมัติเปิดโรงงาน 2,000 กว่าแห่ง และการอนุมัติการลงทุนของคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) จะเริ่มเบิกจ่ายและลงทุนได้ตั้งแต่ต้นปี 58 เป็นต้นไป
ผอ.สศค.ยังกล่าวถึงเศรษฐกิจเดือน พ.ย.57 มีสัญญาณชะลอตัว เนื่องจากการส่งออกและการลงทุนที่ยังไม่ฟื้นตัว ขณะที่การบริโภคเอกชนยังนิ่ง และการท่องเที่ยวอ่อนแรงขยายตัวได้น้อยกว่าเดือนที่ผ่านมา โดยเฉพาะการเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มเดือน พ.ย. 2557 ขยายตัวได้เล็กน้อย 0.6% แม้ว่าการเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากการบริโภคภายในประเทศจะขยายตัวได้ 4.5% แต่ภาษีมูลค่าเพิ่มจากการนำเข้าขยายตัวติดลบ 4.3% และเมื่อพิจารณาจากตัวเลขขายรถยนต์ขยายตัวติดลบ 27.7% รถจักรยานยนต์ขยายตัวติดลบ 12% เนื่องจากรายได้ของเกษตรกรลดลง จากราคาพืชผลทางเกษตรที่ตกต่ำ
การลงทุนภาคเอกชน ตัวเลขเก็บภาษีธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ขยายตัวติดลบ 12.6% จากเดือนก่อนหน้าที่ขยายตัวติดลบเพียง 2.9% ยอดขายปูนซิเมนต์ขยายตัวติดลบ 8.5% จากเดือนก่อนหน้าที่ขยายตัว 8% และยอดขายรถยนต์เชิงพาณิชย์ขยายตัวติดลบ 17.4% จากเดือนก่อนหน้าที่ขยายตัวติดลบ 13.6% การส่งออกเดือน พ.ย.57 กลับมาขยายตัวติดลบ 1.0% จากเดือนก่อนหน้าที่ขยายตัวได้ดี 4% ส่วนการท่องเที่ยวยังขยายตัวได้เป็นเดือนที่ติดต่ดกันที่ 2.5% แต่ขยายตัวได้น้อยกว่าเดือนก่อนหน้าที่ขยายได้ 6.1%
ด้านนายสมหมาย ภาษี รมว.คลัง กล่าวว่า งบลงทุน และงบกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่รัฐบาลดำเนินการอยู่ยังเบิกจ่ายได้ไม่ถึงครึ่ง ซึ่งรัฐบาลและหน่วยงานต่างๆ ได้พยายามเร่งเบิกจ่ายอยู่ คาดว่าจะมีความคืบหน้าอย่างมากในช่วง 2-3 เดือน ต่อจากนี้ ซึ่งจะส่งผลดีกับการขยายตัวเศรษฐกิจปีหน้า
ขณะที่นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวถึงปัจจัยเสี่ยงที่ต้องจับตาสำหรับปี 58 คือ ภาวะเศรษฐกิจโลก ราคาน้ำมันในตลาดโลก, ปัญหาภัยธรรมชาติ รวมทั้งจับตาราคาสินค้าเกษตรอย่างใกล้ชิด ซึ่งอาจจะมีผลต่อการขยายตัวของทั้งเศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจโลกได้ ขณะเดียวกัน ต้องจับตาเรื่องเงินทุนเคลื่อนย้ายด้วย
"ปัจจัยบวกมาจากการปีหน้าจะเกิดการรวมกลุ่มประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ซึ่งจะทำให้เกิดการลงทุนจากต่างประเทศเข้ามาในภูมิภาคเพิ่มขึ้น รวมทั้งเห็นผลจากการลงทุนใน Infrastructure Fund ในวงเงินหลายแสนล้านบาท ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญในการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้เป็นอย่างดี" นายรังสรรค์กล่าว.