เอกชนพร้อมนำสต๊อกสินค้าที่มีอยู่ล้นเหลือมาจำหน่ายในราคาถูกสนองนโยบายรัฐบาล แต่ลดราคาภาพรวมยากควรให้เป็นกลไกตลาด ยอมรับแรงซื้อคนไทยถดถอยขึ้นราคาไม่ได้อยู่แล้ว ติงยังแก้ปัญหาไม่ถูกจุด เผยปี 2558 รัฐต้องจัดหนักกระตุ้นแรงซื้อคนไทย ทั้งเร่งเบิกจ่ายงบประมาณ ดูแลราคาสินค้าเกษตรให้ยั่งยืน เหตุปีหน้า ศก.โลกยังเปราะบาง หวังพึ่งส่งออกอาจไม่ง่ายนัก
นายวัลลภ วิตนากร รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยถึงกรณีที่รัฐบาลมีนโยบายที่จะเปิดให้ผู้มีรายได้น้อยลงทะเบียนเพื่อขอรับสิทธิ์คูปองหรือการ์ดเพื่อนำไปซื้อสินค้าลดราคาและการเปิดพื้นที่หน่วยงานราชการให้เอกชนนำสินค้าราคาถูกไปจำหน่ายนั้น ก็เห็นว่าเป็นเรื่องที่ดีในการกระตุ้นการบริโภคระยะสั้นช่วงสิ้นปีนี้เนื่องจากแรงซื้อปัจจุบันของคนในประเทศชะลอตัวลงมาก ขณะเดียวกันภาคการผลิตส่วนหนึ่งมีสต๊อกสินค้าเหลืออยู่พอสมควรก็จะสามารถระบายสต๊อกสินค้าดังกล่าวโดยจำหน่ายในราคาถูกลงได้
“เราต้องยอมรับว่าการบริโภคคนไทยลดลงขณะนี้ทำให้สินค้าบางส่วนมีสต๊อกเหลือ ถ้ารัฐมีนโยบายแบบนี้จริงก็เป็นการเอื้อให้เอาสินค้านี้มาระบายและจำหน่ายราคาถูกดีกว่าปล่อยให้สต๊อกบวม ซึ่งรัฐก็อาจจัดแคมเปญไปวางขายในงานมหกรรมหรืออะไรก็ว่ามา แต่ถ้าบอกให้ลดราคาครอบคลุมทั้งระบบเป็นไปไม่ได้ ทุกอย่างควรปล่อยให้เป็นกลไกตลาด” นายวัลลภกล่าว
สำหรับคูปองที่จะมีการแจกมาซื้อของลดราคายังไม่เห็นภาพชัดเจนว่าจะดำเนินการอย่างไร เป็นงบประมาณจากรัฐจำนวนมากน้อยหรือไม่ แต่ถ้าหากดำเนินการได้ก็คงเป็นอีกส่วนหนึ่งในการมากระตุ้นแรงซื้อ อย่างไรก็ตาม ปี 2558 แรงซื้อคนไทยจะฟื้นตัวมากน้อยเพียงใดการเร่งรัดเบิกจ่ายงบประมาณในการกระตุ้นเศรษฐกิจที่รวดเร็วและโปร่งใสจะมีส่วนสำคัญต่อการสร้างความเชื่อมั่นและก่อให้เกิดการซื้อขายสินค้าที่ต่อเนื่องจากการลงทุน ซึ่งจะเห็นว่าช่วงสิ้นปีนี้การเบิกจ่ายงบฯ มีความล่าช้า
นายสันติ วิลาสศักดานนท์ อดีตผู้บริหารเครือสหพัฒน์และอุปนายกสภาวิชาชีพบัญชี กล่าวว่า มาตรการนี้เป็นการให้กำลังใจคนมีรายได้น้อยว่ารัฐบาลจะมาดูแลและแก้ไขระยะสั้น แต่ระยะกลางและยาวรัฐบาลควรวางรากฐานให้ดีเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจปี 2558 ยังมีความเปราะบางจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ทั้งจีน ญี่ปุ่น และสหภาพยุโรปยังไม่ฟื้นตัวเท่าที่ควร การพึ่งพิงการส่งออกอาจไม่ง่ายนัก การกระตุ้นการบริโภคในประเทศจึงเป็นสิ่งสำคัญ ดังนั้นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่วางไว้จะต้องเร่งเบิกจ่ายงบให้เร็วที่สุด
นอกจากนี้ยังต้องดูในเรื่องของราคาสินค้าเกษตรทำอย่างไรให้เกิดการพัฒนาและมีราคาที่ยั่งยืนเพราะเกี่ยวข้องกับรายได้ของคนต่างจังหวัดจำนวนมาก ซึ่งปัจจุบันราคาสินค้าเกษตรภาพรวมตลาดโลกหลายอย่างลดลงทำอย่างไรที่รัฐจะบริหารจัดการสินค้าเกษตรให้มีปริมาณที่สมดุลกับความต้องการเพื่อไม่ให้ราคาลดลง
“เวลานี้เอกชนส่วนใหญ่ก็ทำโปรโมชันลดสินค้าลงอยู่แล้วไม่มีใครขึ้นเพราะกำลังซื้อคนไทยช่วงนี้ลดมาก ประกอบกับการส่งออกเองภาพรวมก็ชะลอตัวลงถ้ารัฐขอร้องมาก็ทำได้เพราะบางรายเกิดปัญหาสต๊อกบวมด้วยซ้ำเพราะขายไม่ออก” นายสันติกล่าว
นายทวี ปิยะพัฒนา รองประธานอาวุโส ส.อ.ท.กล่าวว่า ส่วนตัวเห็นว่าการแก้ไขปัญหาแรงซื้อต่ำด้วยการขายสินค้าราคาถูกก็ทำกันมาทุกรัฐบาลซึ่งเป็นการแก้ไขไม่ถูกจุดควรให้เป็นกลไกตลาด เพราะเวลานี้เอกชนไม่มีการขึ้นสินค้าเลยแม้ต้นทุนจะเพิ่มเพราะแรงซื้อคนไทยลดต่ำลงโดยเฉพาะจากภาคเกษตรกรเพราะรายได้ลดตามราคาพืชผลที่ลดต่ำ ดังนั้นปี 2558 จะต้องแก้จุดนี้ประกอบด้วยนอกเหนือจากการอัดงบประมาณลงไปกระตุ้นลงทุน
“แรงซื้อที่ต่ำไปดูซิว่าเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มหรือ VAT ลดลงคนเดินห้างก็น้อยเดินก็ไม่ซื้อ ทำอย่างไรให้มีรายได้เพิ่ม สินค้าเกษตรนี้สำคัญดูจากกลไกราคาตลาดโลกแล้วยากที่ราคาจะดีขึ้นทั้งข้าว ยางพารา เราต้องยอมรับความจริงว่าเราปลูกมากเกินต้องจดทะเบียนเกษตรกรเวลามีปัญหาจะได้ช่วยถูกคน และสัมพันธ์กับพวกบุกรุกป่าด้วย ตัวอย่างข้าวมีที่ปลูก 70 ล้านไร่ ดูดีๆ กว่า 27 ล้านไร่ปลูกไปก็เจ๊งควรหยุดและหาอะไรทดแทน รัฐต้องหามาตรการจูงใจเพื่อแก้ปัญหาระยะยาวที่ยั่งยืนกว่า” นายทวีกล่าว