**กลับมาทวงพื้นที่ข่าวได้อีกรอบ สำหรับ “สมชัย ศรีสุทธิยากร”กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง งานนี้ต้องร้อง “อื้อหือ”ไปตามๆ กัน เพราะออกมาจุดพลุเปิดประเด็นฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายเป็นเงิน 3,000 ล้านบาท
คืนจากคนที่ทำให้การเลือกตั้ง วันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557 ที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าการเลือกตั้งเป็นโมฆะ ต้องบอกว่ามาช้าดีกว่าไม่มา แม้เหตุการณ์มันผ่านไปจนคนเกือบลืม เพราะมัวกลืนความสุข ที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มอบให้จนลืมวัน ลืมคืน
เหตุของเรื่องมันแพลมออกมาจากการที่มีสื่อจำนวนหนึ่งนัดสัมภาษณ์ “สมชัย” ในช่วงที่ไปร่วมงานสัมมนาระหว่างกกต. กับศาลยุติธรรมที่จังหวัดภูเก็ต เป็นเหตุต้องจับเข่าคุยกันนานร่วมชั่วโมง แต่ก่อนจะปิดท้าย กกต.ผู้นี้ก็ได้แง้มประเด็นออกมาให้สื่อจับตาดูว่าจะมีการฟ้องร้องกับใครบ้าง แม้จะพยายามล้วงแคะแกะเกา แต่ก็ไม่ยอมเผยออกมา
ส่วนจำเลยคงหนีไม่พ้น 2 ฝ่ายคู่ขัดแย้ง หนึ่งคือรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อีกหนึ่งคือ กปปส.โดยทั้ง 2 ฝ่ายได้ส่งหัวหมู่ทะลวงฟันดาหน้าออกมาฉะยับ ต่างก็ร้อนตัวพุ่งหมัดรัวใส่กกต. ขู่ลากกกต.เข้าร่วมเป็นจำเลยร่วมควักกระเป๋าจ่ายอีกต่างหาก
**กระนั้นนายสมชัย ก็หาได้แคร์เสียงต้านไม่ เตรียมเปิดชื่อคนที่จะโดนฟ้องปลายเดือนมกราคมนี้
ในขณะที่ กกต.เดินหน้ารวบรวมหาพยานหลักฐานจะมีเหตุแทรกซ้อนขึ้นหรือไม่ เนื่องจากมือกฎหมายของรัฐบาล“วิษณุ เครืองาม”รองนายกรัฐมนตรี ออกมาปรามๆว่า จะทำให้เกิดความวุ่นวายหรือเปล่า นัยว่าแหย่ๆดู จะเอาจริงหรือ ทำนองนั้น
ทำให้เห็นสภาพว่านาทีความถูกผิดถูกแขวนไว้กับความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง จนไม่กล้าแตะเพื่อทำอะไรสักอย่าง นอกจากนี้ ขั้นตอนต่างๆกว่าที่จะได้เงิน 3,000 ล้านบาทคืนมานี้ คงไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เหมือนปอกกล้วย เพราะเรื่องนี้ กกต.ต้องทำเรื่องส่งให้อัยการสูงสุดพิจารณาว่า จะส่งฟ้องหรือไม่
แต่เท่าที่ฟังๆ มา ความไม่สงบเรียบร้อยที่นายวิษณุ เป็นห่วง คงมาจากสาเหตุหลักใหญ่ว่าเงินเกือบ 3,000 ล้านบาท น้ำหนักคนที่จะจ่ายส่วนนี้ ฟันธงได้ว่า ต้องเป็นฝ่ายรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ส่วนอีกเล็กน้อยจะสอยจาก ม็อบกปปส. ที่ทำลายสิ่งของ อุปกรณ์ต่างๆ รถยนต์ อาคารสถานที่ ส่งผลให้เกิดความเสียหายก็คงจะเป็นเงินจำนวนน้อยนิด
**เมื่อเป็นอย่างนี้จะทำให้เกิดความไม่พอใจกับอีกฝ่าย อาจมีการกระพือประเด็นเลือกปฏิบัติ สองมาตรฐานกลับมาเป็นวาทกรรมปลุกระดมอีกครั้งก็เป็นได้ คนที่จะปวดหัวจึงหนีไม่พ้นรัฐบาล และคสช. ที่ต้องดูแลความสงบ นี่จึงเป็นสิ่งที่รัฐบาลห่วงๆ อยู่ห่างๆ
ถ้าว่ากันตามเนื้อผ้า มองแล้วคงยากจะผ่านด่านอัยการสูงสุด เพราะดูจากปมจำนำข้าวยังอืดเป็นเรือเกลือ จนคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ต้องกุมขมับ และไปคิดว่าจะส่งฟ้องเองหรือไม่ ซึ่งถ้ากรณีนี้ของกกต.อัยการไม่ส่งฟ้อง กกต.เองคงต้องเดินหน้าต่อ เพื่อส่งฟ้องเอง เพราะเป็นคดีแพ่งสามารถดำเนินการได้
โดยปมประเด็นเลือกตั้งโมฆะ ต้องย้อนกลับไปดูสภาพปัญหาการเมืองไทยในห้วงที่มีความขัดแย้งกันสูงมาก และไม่สามารถตัดสินอนาคตประเทศได้โดยใช้คูหาตัดสินได้อย่างที่ผ่านมา รัฐบาลรักษาการพยายามบีบให้ กกต.จัดการเลือกตั้งให้ได้ ขณะที่มวลชนด้านหนึ่งก็ต้องป้อมขวางอย่างที่สุด จนทำให้ 28 จังหวัดภาคใต้ ไม่สามารถฝ่าดงบาทาเข้าไปเปิดหีบให้สำเร็จ
จนที่สุด กกต.กลายเป็นจำเลยของอีกฝ่ายตั้งข้อหาไม่เต็มใจในการปฏิบัติหน้าที่ หรือยื้อการเลือกตั้งบ้าง มาวันนี้บทบาทและอำนาจหน้าที่ของกกต. ยังคงมีอยู่เต็มเปี่ยมตามประกาศที่ คสช.ให้อำนาจไว้ ดังนั้นเมื่ออำนาจยังคงมีอยู่ ก็ควรใช้ให้เต็มที่ เดินหน้าเต็มสูบไม่ต้องฟังเสียงใครสะกิดข้างทาง “ถ้ามั่นใจทางที่เดินมามันถูกต้องแล้ว” เมื่อกรณีนี้พยานหลักฐานสาวไปถึงใคร ฝ่ายใด ก็ดำเนินการฟ้องร้องเลย ทำหน้าที่ทวงเงิน 3,000 ล้านบาท กลับคืนแผ่นดินเพื่อให้ เป็นผลงานโบว์แดงให้คนได้กล่าวขานถึง กกต.ชุดนี้ ไม่อย่างนั้นคงไม่มีอะไรที่ฝากชื่อไว้ได้ให้คนไทยได้จดจำ
**แต่ท้ายที่สุด กกต.จะกล้าลุยฝ่ากระแสความห่วงใยจากหลายๆ ฝ่ายได้หรือไม่ คงต้องรอดูปลายมกราคม จะกล้าเปิดหรือปิดให้เงียบหายคงต้องรอดูกันไป
คืนจากคนที่ทำให้การเลือกตั้ง วันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557 ที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าการเลือกตั้งเป็นโมฆะ ต้องบอกว่ามาช้าดีกว่าไม่มา แม้เหตุการณ์มันผ่านไปจนคนเกือบลืม เพราะมัวกลืนความสุข ที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มอบให้จนลืมวัน ลืมคืน
เหตุของเรื่องมันแพลมออกมาจากการที่มีสื่อจำนวนหนึ่งนัดสัมภาษณ์ “สมชัย” ในช่วงที่ไปร่วมงานสัมมนาระหว่างกกต. กับศาลยุติธรรมที่จังหวัดภูเก็ต เป็นเหตุต้องจับเข่าคุยกันนานร่วมชั่วโมง แต่ก่อนจะปิดท้าย กกต.ผู้นี้ก็ได้แง้มประเด็นออกมาให้สื่อจับตาดูว่าจะมีการฟ้องร้องกับใครบ้าง แม้จะพยายามล้วงแคะแกะเกา แต่ก็ไม่ยอมเผยออกมา
ส่วนจำเลยคงหนีไม่พ้น 2 ฝ่ายคู่ขัดแย้ง หนึ่งคือรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อีกหนึ่งคือ กปปส.โดยทั้ง 2 ฝ่ายได้ส่งหัวหมู่ทะลวงฟันดาหน้าออกมาฉะยับ ต่างก็ร้อนตัวพุ่งหมัดรัวใส่กกต. ขู่ลากกกต.เข้าร่วมเป็นจำเลยร่วมควักกระเป๋าจ่ายอีกต่างหาก
**กระนั้นนายสมชัย ก็หาได้แคร์เสียงต้านไม่ เตรียมเปิดชื่อคนที่จะโดนฟ้องปลายเดือนมกราคมนี้
ในขณะที่ กกต.เดินหน้ารวบรวมหาพยานหลักฐานจะมีเหตุแทรกซ้อนขึ้นหรือไม่ เนื่องจากมือกฎหมายของรัฐบาล“วิษณุ เครืองาม”รองนายกรัฐมนตรี ออกมาปรามๆว่า จะทำให้เกิดความวุ่นวายหรือเปล่า นัยว่าแหย่ๆดู จะเอาจริงหรือ ทำนองนั้น
ทำให้เห็นสภาพว่านาทีความถูกผิดถูกแขวนไว้กับความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง จนไม่กล้าแตะเพื่อทำอะไรสักอย่าง นอกจากนี้ ขั้นตอนต่างๆกว่าที่จะได้เงิน 3,000 ล้านบาทคืนมานี้ คงไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เหมือนปอกกล้วย เพราะเรื่องนี้ กกต.ต้องทำเรื่องส่งให้อัยการสูงสุดพิจารณาว่า จะส่งฟ้องหรือไม่
แต่เท่าที่ฟังๆ มา ความไม่สงบเรียบร้อยที่นายวิษณุ เป็นห่วง คงมาจากสาเหตุหลักใหญ่ว่าเงินเกือบ 3,000 ล้านบาท น้ำหนักคนที่จะจ่ายส่วนนี้ ฟันธงได้ว่า ต้องเป็นฝ่ายรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ส่วนอีกเล็กน้อยจะสอยจาก ม็อบกปปส. ที่ทำลายสิ่งของ อุปกรณ์ต่างๆ รถยนต์ อาคารสถานที่ ส่งผลให้เกิดความเสียหายก็คงจะเป็นเงินจำนวนน้อยนิด
**เมื่อเป็นอย่างนี้จะทำให้เกิดความไม่พอใจกับอีกฝ่าย อาจมีการกระพือประเด็นเลือกปฏิบัติ สองมาตรฐานกลับมาเป็นวาทกรรมปลุกระดมอีกครั้งก็เป็นได้ คนที่จะปวดหัวจึงหนีไม่พ้นรัฐบาล และคสช. ที่ต้องดูแลความสงบ นี่จึงเป็นสิ่งที่รัฐบาลห่วงๆ อยู่ห่างๆ
ถ้าว่ากันตามเนื้อผ้า มองแล้วคงยากจะผ่านด่านอัยการสูงสุด เพราะดูจากปมจำนำข้าวยังอืดเป็นเรือเกลือ จนคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ต้องกุมขมับ และไปคิดว่าจะส่งฟ้องเองหรือไม่ ซึ่งถ้ากรณีนี้ของกกต.อัยการไม่ส่งฟ้อง กกต.เองคงต้องเดินหน้าต่อ เพื่อส่งฟ้องเอง เพราะเป็นคดีแพ่งสามารถดำเนินการได้
โดยปมประเด็นเลือกตั้งโมฆะ ต้องย้อนกลับไปดูสภาพปัญหาการเมืองไทยในห้วงที่มีความขัดแย้งกันสูงมาก และไม่สามารถตัดสินอนาคตประเทศได้โดยใช้คูหาตัดสินได้อย่างที่ผ่านมา รัฐบาลรักษาการพยายามบีบให้ กกต.จัดการเลือกตั้งให้ได้ ขณะที่มวลชนด้านหนึ่งก็ต้องป้อมขวางอย่างที่สุด จนทำให้ 28 จังหวัดภาคใต้ ไม่สามารถฝ่าดงบาทาเข้าไปเปิดหีบให้สำเร็จ
จนที่สุด กกต.กลายเป็นจำเลยของอีกฝ่ายตั้งข้อหาไม่เต็มใจในการปฏิบัติหน้าที่ หรือยื้อการเลือกตั้งบ้าง มาวันนี้บทบาทและอำนาจหน้าที่ของกกต. ยังคงมีอยู่เต็มเปี่ยมตามประกาศที่ คสช.ให้อำนาจไว้ ดังนั้นเมื่ออำนาจยังคงมีอยู่ ก็ควรใช้ให้เต็มที่ เดินหน้าเต็มสูบไม่ต้องฟังเสียงใครสะกิดข้างทาง “ถ้ามั่นใจทางที่เดินมามันถูกต้องแล้ว” เมื่อกรณีนี้พยานหลักฐานสาวไปถึงใคร ฝ่ายใด ก็ดำเนินการฟ้องร้องเลย ทำหน้าที่ทวงเงิน 3,000 ล้านบาท กลับคืนแผ่นดินเพื่อให้ เป็นผลงานโบว์แดงให้คนได้กล่าวขานถึง กกต.ชุดนี้ ไม่อย่างนั้นคงไม่มีอะไรที่ฝากชื่อไว้ได้ให้คนไทยได้จดจำ
**แต่ท้ายที่สุด กกต.จะกล้าลุยฝ่ากระแสความห่วงใยจากหลายๆ ฝ่ายได้หรือไม่ คงต้องรอดูปลายมกราคม จะกล้าเปิดหรือปิดให้เงียบหายคงต้องรอดูกันไป