ผู้รับเหมาร้องกองปราบ “ธรรมสถาน” เบี้ยวค่าจ้างสร้างอุโมงค์ 2 ล้าน ติดตามทวงคืนอ้างเงินบริจาคยังไม่ถึงมือ เผยผู้รับเหมากว่า 10 รายถูกเบี้ยวเหมือนกัน มูลค่าเสียหายกว่า 14 ล้าน
เมื่อเวลา 13.20 น. วันนี้ (7 พ.ย.) ที่กองปราบปราม นายพัชรากร ธรรมชัย อายุ 30 ปีผู้แทนบริษัท นิมิตรสวัสดิ์ จำกัด เลขที่ 200/1 ต.วัดเกตุ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ เข้าพบพ.ต.อ.ปิยะ เจริญสุข ผกก.4 บก.ป. แจ้งความดำเนินคดีต่อแม่ชีรูปหนึ่งของธรรมสถานใน อ.แม่ออน จ.เชียงใหม่ ความผิดฐานฉ้อโกง หลังก่อสร้างอุโมงค์ให้กับธรรมสถานมูลค่ากว่า 2 ล้านบาท แต่กลับไม่ได้รับเงินค่าก่อสร้าง
นายพัชรากรกล่าวว่า เมื่อปี 2555 ได้รับการว่าจ้างจากแม่ชีคนดังกล่าวให้ก่อสร้างอุโมงค์ใต้ดินให้กับธรรมสถานดังกล่าว โดยมีการทำสัญญาจ้างงาน แต่หลังก่อสร้างเสร็จกลับไม่ได้รับเงินค่าก่อสร้าง แม้พยายามทวงถามแต่ก็ได้รับการปฏิเสธ อ้างว่าเงินบริจาคจากผู้มีจิตศรัทธาที่มอบให้กับทางธรรมสถานยังไม่ถึงมือทำให้ไม่มีเงินมาจ่าย และไม่สามารถติดตามทวงเงินได้ เพราะแม่ชีก็ไม่ค่อยอยู่และมีการปิดธรรมสถานเพื่อป้องกันการบุกรุก นอกเหนือจากตนแล้วยังมีผู้รับเหมาอีกนับสิบหลายรายที่รับงานสร้างหอฉันท์ก่อสร้างกุฏิ ศาลาพระสิวลี ศาลาสวดมนต์ของธรรมสถานแห่งนี้แล้วไม่ได้รับเงินค่าก่อสร้างเช่นกัน รวมความเสียหายกว่า 14 ล้านบาท
นายพัชรากรกล่าวว่า สาเหตุที่เข้าแจ้งความเพราะไม่อยากให้ผู้รับเหมารายอื่นต้องตกเป็นเหยื่อถูกธรรมสถานหลอกลวงให้เกิดความเสียหายอีก อย่างไรก็ตาม ตนทราบมาว่าแม่ชียังมีที่พักอยู่ที่กรุงเทพฯ และที่ประเทศออสเตรเลีย มักจะเดินทางออกนอกพื้นที่ ไม่ได้ค่อยได้พำนักที่ธรรมสถานแห่งนี้
ด้าน พ.ต.อ.ปิยะกล่าวว่า กรณีดังกล่าวต้องพิจารณาว่ามีองค์ประกอบที่เข้าข่ายความผิดอาญาฐานฉ้อโกงหรือไม่ หรือเป็นความผิดทางแพ่งฐานผิดสัญญาว่าจ้าง ซึ่งทางผู้เสียหายต้องตั้งทนายฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายเอง อย่างไรก็ตาม ได้มอบหมายให้ พ.ต.ท.มนูญ สายพิมพ์ พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการพิเศษ กก.4 บก.ป.สอบปากคำผู้ร้องไว้ และให้คำปรึกษาข้อกฎหมายก่อนพิจารณาดำเนินการต่อไป
เมื่อเวลา 13.20 น. วันนี้ (7 พ.ย.) ที่กองปราบปราม นายพัชรากร ธรรมชัย อายุ 30 ปีผู้แทนบริษัท นิมิตรสวัสดิ์ จำกัด เลขที่ 200/1 ต.วัดเกตุ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ เข้าพบพ.ต.อ.ปิยะ เจริญสุข ผกก.4 บก.ป. แจ้งความดำเนินคดีต่อแม่ชีรูปหนึ่งของธรรมสถานใน อ.แม่ออน จ.เชียงใหม่ ความผิดฐานฉ้อโกง หลังก่อสร้างอุโมงค์ให้กับธรรมสถานมูลค่ากว่า 2 ล้านบาท แต่กลับไม่ได้รับเงินค่าก่อสร้าง
นายพัชรากรกล่าวว่า เมื่อปี 2555 ได้รับการว่าจ้างจากแม่ชีคนดังกล่าวให้ก่อสร้างอุโมงค์ใต้ดินให้กับธรรมสถานดังกล่าว โดยมีการทำสัญญาจ้างงาน แต่หลังก่อสร้างเสร็จกลับไม่ได้รับเงินค่าก่อสร้าง แม้พยายามทวงถามแต่ก็ได้รับการปฏิเสธ อ้างว่าเงินบริจาคจากผู้มีจิตศรัทธาที่มอบให้กับทางธรรมสถานยังไม่ถึงมือทำให้ไม่มีเงินมาจ่าย และไม่สามารถติดตามทวงเงินได้ เพราะแม่ชีก็ไม่ค่อยอยู่และมีการปิดธรรมสถานเพื่อป้องกันการบุกรุก นอกเหนือจากตนแล้วยังมีผู้รับเหมาอีกนับสิบหลายรายที่รับงานสร้างหอฉันท์ก่อสร้างกุฏิ ศาลาพระสิวลี ศาลาสวดมนต์ของธรรมสถานแห่งนี้แล้วไม่ได้รับเงินค่าก่อสร้างเช่นกัน รวมความเสียหายกว่า 14 ล้านบาท
นายพัชรากรกล่าวว่า สาเหตุที่เข้าแจ้งความเพราะไม่อยากให้ผู้รับเหมารายอื่นต้องตกเป็นเหยื่อถูกธรรมสถานหลอกลวงให้เกิดความเสียหายอีก อย่างไรก็ตาม ตนทราบมาว่าแม่ชียังมีที่พักอยู่ที่กรุงเทพฯ และที่ประเทศออสเตรเลีย มักจะเดินทางออกนอกพื้นที่ ไม่ได้ค่อยได้พำนักที่ธรรมสถานแห่งนี้
ด้าน พ.ต.อ.ปิยะกล่าวว่า กรณีดังกล่าวต้องพิจารณาว่ามีองค์ประกอบที่เข้าข่ายความผิดอาญาฐานฉ้อโกงหรือไม่ หรือเป็นความผิดทางแพ่งฐานผิดสัญญาว่าจ้าง ซึ่งทางผู้เสียหายต้องตั้งทนายฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายเอง อย่างไรก็ตาม ได้มอบหมายให้ พ.ต.ท.มนูญ สายพิมพ์ พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการพิเศษ กก.4 บก.ป.สอบปากคำผู้ร้องไว้ และให้คำปรึกษาข้อกฎหมายก่อนพิจารณาดำเนินการต่อไป
