xs
xsm
sm
md
lg

อายัดบัญชีโกง สอบแก๊งรับโอนเงินลาดกระบัง ค้นห้องผอ.คลังพบคนเอี่ยวอีกอื้อ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ASTVผู้จัดการรายวัน-กองปราบสอบอดีต ผจก.แบงก์กรุงศรีอยุธยา คดีโกงเงินสถาบันเจ้าคุณทหารลาดกระบัง 1,600 ล้าน พบโอนเงินเข้าบัญชีบุคคลอื่น 4-5 ราย ประสานสมาคมธนาคารไทยอายัดบัญชี ขอ ปปง. ตรวจสอบเส้นทางเงิน พร้อมออกหมายเรียกเจ้าของบัญชีมาสอบปากคำ เผยค้นห้องผอ.ส่วนการคลัง พบตัวละครเพิ่มอีก โยก "อำพร" รักษาต่อที่รพ.ตำรวจ หลังอาการทรุด ตำรวจนำตัว "ทรงกลด" ฝากขังผลัดแรก ค้านประกันตัว ด้านผู้ต้องหาปฏิเสธ ยันไม่มีส่วนรู้เห็น

ความคืบหน้าคดี นายทรงกลด ศรีประสงค์ อายุ 40 ปี ผู้จัดการธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาห้างบิ๊กซี ศรีนครินทร์ และ น.ส.อำพร น้อยสัมฤทธิ์ อายุ 56 ปี ผอ.ส่วนการคลัง สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ และปลอมและใช้เอกสารสิทธิปลอม ภายหลังทั้งสอง ได้ร่วมกันก่อเหตุยักยอกเงินกองกลางของสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง จากบัญชีธนาคารต่างๆ รวมกว่า 1,600 ล้านบาท และมีการทำบัญชีธนาคารปลอม เพื่อหลอกลวงว่าเงินยังมีอยู่ในบัญชีธนาคาร รวมทั้งมีการถ่ายโอนเงินไปยังบุคคลที่ 3 ตามที่มีการนำเสนอข่าวมาอย่างต่อเนื่อง

***พบโอนเงินเข้าบัญชีบุคคล4ราย

พ.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี รักษาการ ผบก.ป. กล่าวถึงความคืบหน้าในคดีนี้ว่า หลังจากพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป.ได้สอบปากคำนายทรงกลดแล้ว ทำให้ได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดีอย่างมาก โดยมีการระบุถึงผู้ที่เกี่ยวข้องในคดีที่มีอีกอย่างน้อย 4 ราย ซึ่งเป็นบุคคลที่เกี่ยวข้องกับกรณีการยักยอกเงินจำนวนดังกล่าวออกจากบัญชีธนาคาร 4 แห่ง โดยที่ 1 ใน 4 นั้น เป็นบัญชีของนายพูลศักดิ์ บุญสวัสดิ์ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบประวัติและติดตามตัวมาสอบปากคำ

ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนจะเชิญตัวเจ้าหน้าที่สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าฯ มาสอบปากคำเพื่อแสวงหาพยานหลักฐานในคดีนี้เพิ่มเติม รวมทั้งประสานไปยังสมาคมธนาคารไทย อายัดบัญชีธนาคารที่เกี่ยวข้อง เพื่อตรวจสอบยอดเงินและการทำธุรกรรมทางการเงินทั้งหมด หากพบว่าบุคคลที่เป็นเจ้าของบัญชี มีส่วนรู้เห็นและร่วมขบวนการในการกระทำความผิดด้วย ก็จะพิจารณาขออนุมัติศาลออกหมายจับต่อไป และยังได้ประสานไปยังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เพื่อตรวจสอบเส้นทางการเงิน และร่วมสอบปากคำผู้ต้องหา แต่ขณะนี้ยังไม่พบว่าเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.ปราบปรามการฟอกเงิน

***ย้ายผอ.คลังรักษาโรงพยาบาลตำรวจ

สำหรับการพิจารณาดำเนินคดีกับ น.ส.อำพร ที่ยังคงพักรักษาตัวด้วยอาการโรคเบาหวาน ที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง ย่านบางนานั้น ได้ประสานกับแพทย์ผู้ทำการรักษาแล้ว ซึ่งระบุว่าอาการของผู้ป่วยยังไม่ดีขึ้น จึงยังไม่สามารถจะเข้าควบคุมตัวมาสอบปากคำได้ในขณะนี้ แต่ได้ขออายัดตัวไว้แล้ว โดยจะประสานไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อขอให้ย้ายตัวไปรักษาต่อที่ โรงพยาบาลตำรวจ เพื่อสะดวกต่อการควบคุมตัวเพื่อดำเนินคดีต่อไป

***ค้นห้องทำงานผอ.คลังพบตัวละครเพิ่ม

พ.ต.อ.กรไชย คล้ายคลึง รอง ผบก.ป.พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนกก.1บก.ป.ได้นำกำลังตรวจค้นที่กองการคลังของสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ซึ่งตั้งอยู่ที่ตึกอธิการเพื่อมาตรวจสอบหาเอกสารหลักฐานหาความเชื่อมโยงในคดี โดยจุดแรกเจ้าหน้าที่ได้ขึ้นไปที่บริเวณชั้น6 ของตึกอธิการบดี ซึ่งห้องเก็บเอกสารที่ทางสถาบันได้นำมาเก็บไว้ในตู้เซฟ เบื้องต้นจากการตรวจสอบพบของกลาง 17 รายการ ประกอบไปด้วยเอกสารทางราชการ สมุดบัญชีส่วนตัว บัญชีกองทุนส่วนตัว บัญชีกองทุนส่วนตัวLTF กว่า20บัญชี และมีคอมพิวเตอร์ เครื่องซีพียู โดยใช้เวลากว่า1 ชั่วโมง ก่อนที่จะนำเอกสารและของกลางต่างๆ ไปเก็บไว้ในตู้เซฟดังกล่าว ก่อนทำการใช้เทปกาวปิดผนึกและเช็นชื่อเพื่อความโปร่งใสและป้องกันการทำลาย ต่อมาเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบที่ห้องการคลัง ซึ่งตั้งอยู่บริเวณชั้น 3ของอาคารดังกล่าว และเป็นห้องทำงานของน.ส.อำพร โดยใช้เวลาประมาณ 20 นาที ก่อนใช้เทปกาวปิดผนึกและเซ็นชื่อกำกับไว้ก่อน

พ.ต.อ.กรไชย กล่าวว่า ทางสถาบันได้เชิญตำรวจมาทำการตรวจสอบห้องทำงานของน.ส.อำพร ซึ่งอยู่บริเวณชั้น 3 ของอาคารดังกล่าว อีกทั้งขณะนี้ยังไม่ได้ทำการตรวจยึดเอกสารดังกล่าวไว้ เนื่องจากเห็นว่ายังไม่เหมาะสม ติดขัดเรื่องข้อกฏหมาย ต้องขอหมายค้นก่อนเพื่อที่จะนำหลักฐานทั้งหมดไปเป็นส่วนประกอบทางคดี

อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบพบบัญชี 4-5 บัญชี และพบว่ามีตัวละครเพิ่มขึ้นมา 3-4 รายมาเกี่ยวข้อง โดยหลังจากนี้จะเรียกมาการสอบถามข้อเท็จจริง หากไม่มาให้การ ก็สงสัยได้ว่าน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้อง จะดำเนินการตามขั้นตอนออกหมายเรียกหรือหมายจับต่อไป โดยในวันนี้ (25 ธ.ค.) เจ้าหน้าที่จะนำหมายค้นเพื่อมาทำการเคลื่อนย้ายหลักฐานไปทำการตรวจสอบอีกครั้งต่อไป

***จ่อออกหมายเรียกเพิ่ม5ราย

พ.ต.อ.กรไชยกล่าวว่า รักษาการ ผบก.ป.ได้มอบหมายให้ตนเป็นหัวหน้าคณะพนักงานชุดสืบสวน ส่วน พ.ต.อ.ณษ เศวตเลข รอง ผบก.ป. เป็นหัวหน้าชุดพนักงานสอบสวน ซึ่งขณะนี้พนักงานสอบสวน ได้เตรียมออกหมายเรียกบุคคล 5 คน ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเส้นทางการเงินที่สูญหายไป ซึ่งมีหน้าที่รับเงินและรู้จักกับผู้ต้องหา โดยหนึ่งในนั้น คือ นายพูนศักดิ์ บุญสวัสดิ์ ซึ่งมีชื่อเป็นเจ้าของบัญชีปลายทางของเงิน 80 ล้านบาท และมีชื่อด้านหลังแคชเชียร์เช็ค ที่นำไปขึ้นเงิน

นอกจากนี้ จะมีการส่งเอกสารให้หน่วยพิสูจน์หลักฐานตรวจสอบลายเซ็นว่าถูกปลอมแปลงหรือไม่ จากนี้จะเรียกผู้บริหารของสถาบันทั้งเก่าและใหม่ มาสอบถามข้อเท็จจริงด้วย

พ.ต.อ.กรไชย กล่าวต่อว่า จากการตรวจสอบบัญชีของสถาบันที่เปิดไว้กับธนาคารไทยพาณิชย์ตั้งแต่ปี 2555 พบว่ามีการถอนเงินออกไป 29 ครั้ง ในรูปแบบฝากประจำ 994 ล้านบาท แล้วทยอยถอนออกภายใน 2-3 วัน มีจำนวนเงินตั้งแต่ 10,000 บาท จนถึงกว่า 100 ล้านบาท ซึ่งขณะนั้นนายทรงกลด เป็นผู้จัดการธนาคารกรุงศรีอยุธยาสาขาห้างบิ๊กซี สุวินทวงศ์ ด้วย ทั้งนี้ ยังพบอีกว่า น.ส.อำพร มีการยักยอกเงินในบัญชีอื่นๆ ของสถาบันแห่งนี้ ซึ่งเกิดความเสียหายขึ้นอีกหลายล้านบาท

อย่างไรก็ตาม ผู้ต้องหาทั้งสอง ยังคงให้การปฏิเสธ โดยนายทรงกลด ให้การถึงเส้นทางการเงิน ส่วน น.ส.อำพร ให้การว่าตั้งใจจะนำเงินมาคืนในช่วง 2-3 วัน อยู่แล้ว และไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง

***ขอศาลฝากขังผจก.แบงก์กรุงศรีฯ

ที่กองปราบปราม พ.ต.ท.พงษ์ไสว แช่มลำเจียก พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการพิเศษ กก.1 บก.ป. ได้เบิกตัว นายทรงกลด ศรีประสงค์ อายุ 40 ปี ผู้จัดการธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาห้างบิ๊กซี ศรีนครินทร์ เพื่อไปขออำนาจศาลจังหวัดพระโขนง ผลัดฟ้องฝากขังเป็นครั้งแรก โดยท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนได้ขอคัดค้านการประกันตัว อย่างไรก็ดี สำหรับการพิจารณาให้ประกันตัวผู้ต้องหานั้น ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาล

***"ทรงกลด"ยันไม่เคยถอนเงินสดออกมา

ด้านนายทรงกลด กล่าวว่า กรณีที่เกิดขึ้นไม่เคยมีการถอนเอาเงินสดออกไป มีเพียงการทำเรื่องถอนโดยโอนเข้าบัญชีธนาคารบุคคลอื่น มันมีที่มาที่ไป โดยตนมีหน้าที่ทำรายการในบัญชีให้ตามความประสงค์ของลูกค้าเท่านั้น ในส่วนของการซื้อแคชเชียร์เช็คเพื่อนำเงินเข้าบัญชีธนาคารสาขาที่ตนเป็นผู้จัดการนั้น เป็นความต้องการของ น.ส.อำพร แต่ขั้นตอนต่างๆ ก็ต้องขึ้นอยู่กับระเบียบของทางธนาคารด้วย รายการที่ตนได้รับมานั้นจะระบุอยู่แล้วว่า จะให้ถอนเงินจากบัญชีไหน นำเข้าบัญชีไหน มีรายการที่ให้ทำอยู่แล้ว คือ ตนทำงานธนาคารมานาน ไม่ใช่เพิ่งมาทำกรณีนี้ ตอนที่ตนได้ มันก็มีรายการอื่นที่เรียกได้ว่าเป็นรายการปกติของการนำฝาก-ถอนในบัญชี การทำรายการเหล่านี้ถือว่าเป็นเรื่องปกติ แต่ถ้ามีกรณีที่เขาสั่งให้ถอนเงินเพื่อจะให้โอนเข้าบัญชีอื่นโดยที่ไม่มีสมุดมา หรือไม่มีการเซ็นใบถอนมาก็จะทำให้ไม่ได้เลย

ส่วนกรณีการเขียนเช็คให้กับนายพูลศักดิ์ บุญสวัสดิ์ อันนี้ถ้าเช็คปกติ ลูกค้าจะเป็นคนจัดการซื้อแคชเชียร์เช็คมาเอง แต่การนำมาให้เรานำฝาก ก็ดำเนินการตามที่ลูกค้าสั่งโดยรายชื่อลูกค้าที่มีการโอนต่อไปนั้น ตนไม่ทราบว่าเป็นใครและไม่รู้จักกัน ส่วนบัญชีธนาคารที่มีการถอนเงินนั้น มีทั้งบัญชีฝากประจำ และบัญชีประเภทออมทรัพย์ ซึ่งแม้ว่าจะเป็นบัญชีฝากประจำ ก็สามารถฝาก-ถอนได้ หากไม่ใช่ตัวบัญชีที่มีประกันชีวิต เพราะเป็นเงินของลูกค้าเอง แต่หากถอนก่อนครบกำหนดเงื่อนไข เช่น ฝากประจำ 3 เดือน แต่ยังไม่ครบ 3 เดือนแล้วถอนเงินไปก่อน ก็จะไม่ได้รับดอกเบี้ยเลย

***บอกไม่เอะใจมีการทุจริตเกิดขึ้น

นายทรงกลด กล่าวอีกว่า ช่วงที่ทำรายการทางบัญชีธนาคารให้ลูกค้า ก็ไม่ได้เอะใจว่าจะมีการทุจริตเกิดขึ้น เนื่องจากตนเชื่อว่าทางสถาบันเทคโนโลยีดังกล่าวน่าจะมีระบบการตรวจสอบที่ดีอยู่แล้ว ส่วนในปี 2555 ซึ่งมีการตรวจสอบพบว่าเริ่มมีการทุจริตของสถาบันดังกล่าวเป็นเงินจำนวนมากนั้น เท่าที่ได้คุยกับเจ้าหน้าที่เรื่องเช็คระยะเวลาตอนนั้นยังไม่ถึงจำนวนนี้ แต่เงินที่มีการให้ตนทำรายการไม่น่าจะถึง 1,000 ล้านบาท แต่จำตัวเลขไม่ได้ มีการโอนเข้าชื่อบุคคล 2-3 คน ซึ่งตนก็ไม่ได้สอบถาม ทั้งนี้ หากจำนวนเงินที่มีการเบิกถอนจำนวนมาก และเข้าข่ายต้องสงสัย ก็ต้องรายงาน ปปง.อยู่แล้ว

***รับลาออกแบงก์กรุงศรีฯ เหตุไม่ผ่านโปร

นายทรงกลด กล่าวว่า สาเหตุที่ตนลาออกจากธนาคารไทยพาณิชย์ที่ทำงานเก่า เป็นเพราะธนาคารกรุงศรีฯ ซึ่งเป็นที่ทำงานแห่งใหม่ได้เงินเดือนสูงขึ้น โดยทางธนาคารเดิมก็ตรวจสอบตนอยู่แล้วว่าทำอะไรซ่อนไว้หรือไม่ และหากพบว่ามีส่วนใดที่สุ่มเสี่ยงว่าจะทำให้เกิดความเสียหายขึ้นในอนาคต เขาก็จะดำเนินการให้ถูกต้องก่อน โดยเอกสารที่มีบางส่วนก็เกี่ยวข้องกับทางสถาบันดังกล่าวด้วย และทางธนาคารก็จะให้ลูกค้าจัดการให้เรียบร้อยจนมั่นใจว่าจะไม่เป็นปัญหาในอนาคต หลังจากนั้นจึงให้ตนลาออกได้

"เพิ่งมาทำงานที่ธนาคารกรุงศรีฯ ได้ไม่ถึงปี แต่เมื่อทราบข่าวที่เกิดขึ้นแล้ว ก็ไม่อยากให้กระทบกับชื่อเสียงของธนาคาร ตนจึงพิจารณาตัวเองด้วยการลาออก หากตนอยู่ต่อไป อนาคตก็คงต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรมให้กับสถาบันเทคโนโลยีนี้อย่างแน่นอน จึงไม่อยากให้ทางธนาคารได้รับความเสียหาย สำหรับกรณีที่ระบุว่าตนไม่ผ่านโปร หรือการทดลองงานถึงถูกให้ออกนั้น ก็มีส่วนด้วย"

***ปัดไม่มีส่วนรู้เห็นปลอมตัวเลขบัญชี

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีการปลอมบัญชีธนาคาร นายทรงกลด กล่าวว่า ได้ปรึกษากับทางทนายความในประเด็นนี้แล้ว เป็นเรื่องของการปลอมตัวเลขรายการในบัญชี ซึ่งตนไม่ได้มีส่วนรู้เห็น แต่บัญชีดังล่าวมีทั้งรายการจริงและรายการปลอม โดยมีลายเซ็นของตนในส่วนที่มีการทำรายการจริง ส่วนกรณีของ น.ส.อำพร ตนก็ยังไม่คิดว่าจะเป็นผู้ที่กระทำการทั้งหมด เพราะเขาเป็นคนที่หวังดี อยากให้เงินฝากของทางสถานบันเทคโนโลยีฯ งอกเงย มีผลตอบแทนดีกว่าที่ฝากไว้เดิม แต่ได้รับดอกเบี้ยน้อย ไม่ได้คิดว่าเขาตั้งใจจะทุจริตอะไรเลย สำหรับบุคคลที่ทางเจ้าหน้าที่ระบุว่าเกี่ยวข้องกับการทุจริต 4 คน หากเขากล่าวอ้างว่ารู้จักตนก็คงต้องพิสูจน์กัน เพราะตนยืนยันว่าไม่ได้รู้จักกับทั้งหมดแต่อย่างใด

ต่อข้อถามถึงยอดเงินเบิกถอนในส่วนของ น.ส.อำพร ที่ทำรายการผ่านนายทรงกลดนั้น เจ้าตัวระบุว่า น่าจะอยู่ที่ประมาณ 80 ล้านบาท ส่วนที่มีการโอนและถอนเงินอีกกว่า 20 ครั้งนั้น เป็นรายการย่อยๆ ที่ตนไม่ทราบหรือรู้เห็นด้วยทั้งหมด แต่หากเป็นรายการที่ตนทำ ก็จะมีลายเซ็นตนกำกับ ส่วนกรณีที่มียอดเงินสูง ก็จะรายงาน ปปง.ตามระเบียบ รวมทั้งธุรกรรมต้องสงสัยด้วย ปัจจุบันก็จับโดยระบบเองด้วย

***ป.ป.ท. จ่อเชือดผอ.คลัง

นายประยงค์ ปรียาจิตต์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) กล่าวว่า คดีดังกล่าวยังอยู่ระหว่างการสอบสวนของตำรวจ โดยในส่วนที่มีเจ้าหน้าที่รัฐคือ ผอ.ส่วนการคลัง ร่วมกระทำผิดทำด้วยนั้น ขณะนี้ยังต้องรอให้ตำรวจเดินหน้าสอบสวนก่อน แต่ในเรื่องความผิดทางวินัยข้าราชการเบื้องต้น ป.ป.ท. ได้ส่งหนังสือแจ้งให้ผู้บริหารสถาบันฯ ดำเนินการตามคำสั่ง คสช.ที่ 69 เรื่องมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาการทุจริตประพฤติมิชอบ โดยคำสั่งดังกล่าวกำหนดให้ส่วนราชการมีหน้าที่ต้องดูแลบุคคลากรของตนเอง หากพบว่ามีเรื่องร้องเรียนต้องตรวจสอบข้อเท็จจริง พร้อมแจ้งผลการทำงานมายังหน่วยงานที่รับผิดชอบเช่น ป.ป.ท. หรือป.ป.ช.

***ปปง.เชื่อแก็งยักยอกเงินมีอีก

พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ เลขา ปปง. กล่าวว่า ในการตรวจสอบเส้นทางการเงินต้องใช้เวลา เพื่อไล่ตรวจสอบกระแสการเงินของแต่ละบุคคลว่าเชื่อมโยงไปถึงคนใดบ้าง ขณะนี้ตัวละครในเรื่องดังกล่าวยังถูกเปิดออกมาไม่หมด มีเพียงผู้ต้องหา 2 คน ซึ่งหากมีการเปิดเผยก่อนจะกระทบกับการติดตามตัวเงินคืนมา เบื้องต้น ปปง. ขอเวลา 1 สัปดาห์ในการตรวจสอบข้อมูลเส้นทางการทำธุรกรรม

***ธปท.บอกกำลังตรวจสอบข้อเท็จจริง

นายจิรเทพ เสนีวงศ์ ณ อยุธยา โฆษกธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า ธปท.อยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้องกับสถาบันการเงินดังกล่าว โดยยืนยันว่า สถาบันการเงินทุกแห่งในปัจจุบันมีระบบการควบคุมภายในด้านเงินฝากที่เป็นระบบงานคอมพิวเตอร์ และการกำหนดอำนาจหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องค่อนข้างรัดกุมอยู่แล้ว ส่วนกรณีที่มีความผิดพลาดเกิดขึ้น ส่วนหนึ่งก็อาจจะเนื่องจากความผิดพลาดของตัวบุคคล หรือการปฏิบัติที่ไม่เป็นไปตามระบบการควบคุมภายในที่กำหนดไว้

ทั้งนี้ ธปท. และสถาบันการเงินได้ให้ความสำคัญในเรื่องทุจริตที่เกิดขึ้น ซึ่งต้องเร่งดำเนินการสอบสวนข้อเท็จจริง และปรับปรุงแก้ไขไม่ให้เกิดเหตุการณ์ในลักษณะดังกล่าวขึ้นอีก และอยากฝากถึงผู้ฝากเงินที่เป็นเจ้าของบัญชีเงินฝากเองหรือเป็นนิติบุคคล ควรมีการตรวจสอบยอดคงค้างบัญชีเงินฝากอย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันการทุจริตดังกล่าวด้วย

***ค้นห้องทำงานผอ.คลังพบตัวละครเพิ่ม

พ.ต.อ.กรไชย คล้ายคลึง รอง ผบก.ป.พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนกก.1บก.ป.ได้นำกำลังตรวจค้นที่กองการคลังของสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ซึ่งตั้งอยู่ที่ตึกอธิการเพื่อมาตรวจสอบหาเอกสารหลักฐานหาความเชื่อมโยงในคดี โดยจุดแรกเจ้าหน้าที่ได้ขึ้นไปที่บริเวณชั้น6 ของตึกอธิการบดี ซึ่งห้องเก็บเอกสารที่ทางสถาบันได้นำมาเก็บไว้ในตู้เซฟ เบื้องต้นจากการตรวจสอบพบของกลาง 17 รายการ ประกอบไปด้วยเอกสารทางราชการ สมุดบัญชีส่วนตัว บัญชีกองทุนส่วนตัว บัญชีกองทุนส่วนตัวLTF กว่า20บัญชี และมีคอมพิวเตอร์ เครื่องซีพียู โดยใช้เวลากว่า1 ชั่วโมง ก่อนที่จะนำเอกสารและของกลางต่างๆ ไปเก็บไว้ในตู้เซฟดังกล่าว ก่อนทำการใช้เทปกาวปิดผนึกและเช็นชื่อเพื่อความโปร่งใสและป้องกันการทำลาย ต่อมาเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบที่ห้องการคลัง ซึ่งตั้งอยู่บริเวณชั้น 3ของอาคารดังกล่าว และเป็นห้องทำงานของน.ส.อำพร โดยใช้เวลาประมาณ 20 นาที ก่อนใช้เทปกาวปิดผนึกและเซ็นชื่อกำกับไว้ก่อน

พ.ต.อ.กรไชย กล่าวว่า ทางสถาบันได้เชิญตำรวจมาทำการตรวจสอบห้องทำงานของน.ส.อำพร ซึ่งอยู่บริเวณชั้น 3 ของอาคารดังกล่าว อีกทั้งขณะนี้ยังไม่ได้ทำการตรวจยึดเอกสารดังกล่าวไว้ เนื่องจากเห็นว่ายังไม่เหมาะสม ติดขัดเรื่องข้อกฏหมาย ต้องขอหมายค้นก่อนเพื่อที่จะนำหลักฐานทั้งหมดไปเป็นส่วนประกอบทางคดี

อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบพบบัญชี 4-5 บัญชี และพบว่ามีตัวละครเพิ่มขึ้นมา 3-4 รายมาเกี่ยวข้อง โดยหลังจากนี้จะเรียกมาการสอบถามข้อเท็จจริง หากไม่มาให้การ ก็สงสัยได้ว่าน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้อง จะดำเนินการตามขั้นตอนออกหมายเรียกหรือหมายจับต่อไป โดยในวันนี้ (25 ธ.ค.) เจ้าหน้าที่จะนำหมายค้นเพื่อมาทำการเคลื่อนย้ายหลักฐานไปทำการตรวจสอบอีกครั้งต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น