xs
xsm
sm
md
lg

ค้นห้องทำงาน ผอ.คลัง เจ้าคุณทหาร พบตัวละครเอี่ยวยักยอกเพิ่ม

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


ตร.กองปราบ เข้าตรวจค้นชั้น 6 ของตึกอธิการบดี และห้อง ผอ.ส่วนคลัง ผู้ต้องหา สถาบันเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ซึ่งใช้เก็บเอกสาร เพื่อตรวจสอบย้อนหลังตั้งแต่ปี 55 พบว่ามีตัวละครเพิ่มขึ้นมา 3 - 4 ราย ที่เข้ามาเกี่ยวข้อง โดยนำหมายค้นเพื่อมาทำการเคลื่อนย้ายหลักฐานไปทำการตรวจสอบในวันพรุ่งนี้



จากกรณี รศ.ดร.โมไนย ไกรฤกษ์ อธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) ส่งทนายความเข้าแจ้งความกับ พ.ต.ท.พงษ์ไสว แช่มลำเจียก พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการพิเศษ กก.1 บก.ป. เมื่อวันที่ 18 ธ.ค. ที่ผ่านมา เพื่อให้ดำเนินคดีกับบุคคลที่เกี่ยวข้องในการกระทำการทุจริต โดยเบื้องต้นพบว่าเงินได้สูญหายไปจากบัญชีธนาคารรวม 80 ล้านบาท ก่อนจะมีการตรวจสอบในรายละเอียด กระทั่งพบว่ามียอดเงินสูญหายไปกว่า 1,000 ล้านบาท จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ทำการจับกุมนายทรงกลด ศรีประสงค์ อดีตผู้จัดการธนาคารกรุงศรีอยุธยา และนางสาวอำพร น้อยสัมฤทธิ์ ผู้อำนวยการส่วนการคลัง

ล่าสุด เมื่อเวลา 14.00 น. วันนี้ (24 ธ.ค.) พ.ต.อ.จิรภพ ภูริเดช รรท.ผกก.1 บก.ป. กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีดังกล่าวว่า เบื้องต้นทางผู้บังคับบัญชาได้มีการตั้งคณะกรรมการสืบสวนสอบสวนคลี่คลายคดีดังกล่าว โดยมอบหมายให้ พ.ต.อ.กรไชย คล้ายคลึง รอง ผบก.ป. เป็นหัวหน้าทีมสืบสวน และ พ.ต.อ.ณษ เศวตเลข รอง ผบก.ป. เป็นหัวหน้าทีมสอบสวน ร่วมคลี่คลายคดีนื้ ซึ่งเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ กก.1 บก.ป. ได้นำตัว นายทรงกลด ศรีประสงค์ ไปทำการฝากขังที่ศาลจังหวัดมีนบุรี ในส่วนของ น.ส.อำพร น้อยสมฤทธิ์นั้น เจ้าหน้าที่ได้นำเอกสารไปยื่นให้ศาลระบุว่านำตัวนางอัมพรฝากขังแต่ไม่สามารถนำตัวนางอัมพรมาด้วยได้เนื่องรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล โดยจะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจเฝ้าอยู่ตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งหลังจากนี้เจ้าหน้าที่จะทำการเคลื่อนย้ายนางอำพรไปรักษาที่ รพ.ตำรวจ ต่อไป

ต่อมาเมื่อเวลา 14.30 น. พ.ต.อ.กรไชย คล้ายคลึง รอง ผบก.ป.พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน กก.1 บก.ป. ได้นำกำลังตรวจค้นที่กองการคลังของสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ซึ่งตั้งอยู่ที่ตึกอธิการเพื่อมาตรวจสอบหาเอกสารหลักฐานหาความเชื่อมโยงในคดี โดยจุดแรกเจ้าหน้าที่ได้ขึ้นไปที่บริเวณชั้น 6 ของตึกอธิการบดี ซึ่งห้องเก็บเอกสารที่ทางสถาบันได้นำมาเก็บไว้ในตู้เซฟ เบื้องต้นจากการตรวจสอบพบของกลาง 17 รายการ ประกอบไปด้วย เอกสารทางราชการ สมุดบัญชีส่วนตัว บัญชีกองทุนส่วนตัว บัญชีกองทุนส่วนตัว LTF กว่า 20 บัญชี และมีคอมพิวเตอร์ เครื่องซีพียู โดยใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมง ก่อนที่จะนำเอกสารและของกลางต่างๆ ไปเก็บไว้ในตู้เซฟดังกล่าว ก่อนทำการใช้เทปกาวปิดผนึกและเช็นชื่อเพื่อความโปร่งใสและป้องกันการทำลาย ต่อมาเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบที่ห้องการคลัง ซึ่งตั้งอยู่บริเวณชั้น 3 ของอาคารดังกล่าว และเป็นห้องทำงานของ น.ส.อำพร โดยใช้เวลาประมาณ 20 นาที ก่อนใช้เทปกาวปิดผนึกและเซ็นชื่อกำกับไว้ก่อน

พ.ต.อ.กรไชย กล่าวว่า ในวันนี้ทางสถาบันได้เชิญตำรวจมาทำการตรวจสอบห้องทำงานของนางสาวอำพร ซึ่งอยู่บริเวณชั้น 3 ของอาคารดังกล่าว อีกทั้งขณะนี้ยังไม่ได้ทำการตรวจยึดเอกสารดังกล่าวไว้เนื่องจากเห็นว่ายังไม่เหมาะสมติดขัดเรื่องข้อกฏหมายต้องขอหมายค้นก่อนเพื่อที่จะนำหลักฐานทั้งหมดไปเป็นส่วนประกอบทางคดี จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่ามีเอกสารทางราชการจำนวนมาก เอกสารกองทุน สมุดบัญชีหลายรายการ 3 - 4 ชื่อ และเอกสารหลักฐานที่ทางตำรวจให้ความสนใจคือไฟส์เอกสารที่อยู่ในคอมพิวเตอร์ส่วนตัวของนางอำพรในห้องทำงาน โดยมีทางอธิการบดีและรองอธิการบดีพาเข้าไปตรวจสอบ ซึ่งขณะนี้ได้ทำการซีนของทั้งหมดไว้ รวมทั้งได้มีการซีนเอกสารทั้งหมดที่เก็บในตู้เซฟด้วย ทางสถาบันต้องการแสดงความโปร่งใสโดยให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาดูแล เพื่อให้การดำเนินการคดีเกิดข้อบกพร่อง อย่างไรก็ตาม ขณะนี้จากการตรวจสอบพบบัญชี 4 - 5 บัญชี พบว่ามีตัวละครเพิ่มขึ้นมา 3 - 4 รายมาเกี่ยวข้อง โดยหลังจากนี้จะเรียกมาการสอบปากคำในฐานะพยานในประเด็นที่ตำรวจตั้งข้อสงสัยว่าบัญชีมีความผิดปกติตั้งแต่ปี 2555 แต่ทำไมผู้มีรายชื่อ 3 - 4 รายไม่แจ้ง สาเหตุมาจากอะไร ตรงนี้ทางเจ้าหน้าที่จะเรียกมาสอบถามข้อเท็จจริง ซึ่งหากไม่มาเข้าให้การก็สงสัยได้ว่าน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้อง ก็จะดำเนินการตามขั้นตอนออกหมายเรียกหรือหมายจับต่อไป อย่างไรก็ตาม ได้ประสานไปทางธนาคารเพื่อขอเอกสารเพิ่มเติมเกี่ยวกับการโอนเงิน ซึ่งการโอนเงินของสถาบันต้องมีผู้เซ็นร่วมจึงจะสามารถเบิกถอนหรือโอนเงินได้ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ก็จะขอเอกสารดังกล่าวมาทำการตรวจสอบอีกครั้ง เพื่อตรวจสอบว่ามีผู้เกี่ยวข้องอีกหรือไม่ แต่น่าเชื่อว่ามีการทำเป็นลักษณะขบวนการ

พ.ต.อ.กรไชย กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ทางรักษาการอธิการบดีได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบบัญชีย้อนหลังว่ามีความผิดปกติทั้งนี้เพื่อความโปร่งใส โดยจะตรวจสอบย้อนหลังตั้งแต่ปี 2555 ขึ้นไป โดยเฉพาะบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ ซึ่งมีการฝากเงินบัญชีแรก 500 ล้านบาท บัญชีที่สอง 40 ล้านบาท และบัญชีที่สาม 400 ล้านบาท ในส่วนของการติดตามตัวนายพูลศักดิ์นั้น ขณะนี้ได้มีออกหมายเรียกเพื่อให้มาสอบปากคำ โดยนายพูลศักดิ์ปรากฏชื่อว่าเป็นเจ้าของบัญชีปลายทางจำนวนเงิน 80 ล้านบาท และปรากฏชื่อด้านหลังแคชเชียร์เช็คที่นำไปขึ้นเงิน อย่างไรก็ตาม ในส่วนของความสัมพันธ์พบว่านายพูลศักดิ์น่าจะรู้จักกับนายทรงกลด ซึ่งรู้จักกันอย่างไรหรือเป็นเพียงแค่คนเปิดบัญชีให้ต้องตรวจสอบอีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม ในวันพรุ่งนี้เจ้าหน้าที่จะนำหมายค้นเพื่อมาทำการเคลื่อนย้ายหลักฐานไปทำการตรวจสอบอีกครั้งต่อไป

วันเดียวกัน ที่ศาลจังหวัดมีนบุรี วันนี้ (24 ธ.ค.) ร.ต.ท.ธิติ เปฏะพันธุ์ พนักงานสอบสวน กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปรามได้นำตัวนายทรงกลด ศรีประสงค์ อายุ 40 ปี ผู้จัดการธนาคารกรุงศรีอยุธยา และ น.ส.อำพร น้อยสัมฤทธิ์ อายุ 56 ปี ผอ.การคลังสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าฯ ผู้ต้องหาคดีร่วมกันปลอมเอกสารสิทธิ และใช้เอกสารปลอม ร่วมกันลักทรัพย์มา ยื่นคำร้องขออำนาจศาลฝากขังครั้งแรกเป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 24 ธ.ค. 2557 ถึง วันที่ 4 ม.ค. 2558 เนื่องจากยังต้องสอบพยานบุคคลอีก 30 ปาก และรอผลการตรวจสอบประวัติการต้องโทษของผู้ต้องหา

คำร้องระบุว่า เมื่อวันที่ 16 ธ.ค. 2557 น.ส.วรวรรณ สุวรรณกูฏ ผู้รับมอบอำนาจจากสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบังโดย ได้เข้าร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีกับนายทรงกลด น.ส.อำพร และบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องกรณีที่ได้ร่วมกันลักทรัพย์ของทางสถาบันฯทำให้ได้รับความเสียหายเป็นเงินทั้งสิ้น 1,075,037,702 บาท ซึ่งพนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐาน พบว่าผู้ต้องหาทั้งสองได้ร่วมกันกระทำความผิดจริง จึงได้ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาออกหมายจับผู้ต้องหาทั้งสอง ในข้อหาปลอมเอกสารสิทธิและใช้เอกสารปลอม ข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ ต่อมาเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งสองได้เมื่อวันที่ 22 ธ.ค. 2557

จากการสอบสวนนายทรงกลดให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหาขณะที่ น.ส.อำพร ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา ทั้งนี้ ท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนได้คัดค้านการประกันตัวเนื่องจากคดีที่มีอัตราโทษสูง มีมูลค่าความเสียหายจำนวนมาก เกรงว่าหากปล่อยตัวผู้ต้องหาจะไปยุ่งเหยิงพยานหลักฐานหรือไปก่อเหตุอันตรายประการอื่น

ในส่วนของผู้ต้องหาที่ 2 พนักงานสอบสวนได้นำใบรับรองแพทย์ไปยื่นต่อศาลโดยในรับรองแพทย์โรงพยาบาลไทยนครินทร์ ระบุว่า ผู้ต้องหาที่ 2 มีความจำเป็นต้องรักษาตัวแบบผู้ป่วยในโรงพยาบาล จนถึงวันที่ 26 ธ.ค. 2557 จึงไม่สามารถนำตัวผู้ต้องหาที่ 2 มาศาลได้ แต่ได้อายัดตัวผู้ต้องหาที่ 2 ไว้แล้ว พร้อมจัดเจ้าหน้าที่ควบคุมตลอด 24 ชั่วโมง

ศาลพิเคราะห์คำร้องและสอบถามจำเลยแล้วไม่คัดค้าน จึงอนุญาตให้ฝากขังได้




กำลังโหลดความคิดเห็น