ASTVผู้จัดการรายวัน-"สริยะใส"แฉผ่านเฟซบุ๊ก นิวซีแลนด์เปิดทาง "ตั้ง อาชีวะ" ผู้ต้องหาหนีคดี 112 ซุกตัว แถมได้พาสปอร์ต เผยต้องมีองค์กรระดับสากลหนุนหลัง จี้ คสช. อย่านิ่งดูดาย เรียกทูตกีวีชี้แจง ปูดทูต "มาริษ เสงี่ยมพงษ์" การทำงานในอดีตใกล้ชิดสายทักษิณ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากปรากฏภาพออกมาว่า นายเอกภพ เหลือรา หรือตั้ง อาชีวะ ผู้ต้องหาคดีหมิ่นเบื้องสูง หลบหนีคดีอาญา ไปเสวยสุข โดยมีหนังสือเดินทางเป็นหลักฐาน พร้อมบ้าน รถ อยู่ที่นิวซีแลนด์ ตามที่มีการเสนอข่าวไปแล้วนั้น
มีรายงานว่า ล่าสุด พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ได้พบปะและสอบถามข้อมูลจากนาย ไมค์ บุช ผู้บัญชาการตำรวจนิวซีแลนด์ เมื่อวันที่ 23 ธ.ค. ที่ผ่านมา ระหว่างที่นายบุชเดินทางมาเยี่ยมคารวะและศึกษาดูงานสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลเดิมของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ระบุว่า เมื่อปี 2555 พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และนายไมค์ บุช รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาตินิวซีแลนด์ ได้ลงนามในข้อตกลงว่าด้วยการต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติและการพัฒนาความร่วมมือของตำรวจ ระหว่างสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสำนักงานตำรวจนิวซีแลนด์ เพื่อสร้างกรอบความร่วมทั้ง 2 หน่วยงานที่มีอยู่แล้วในด้านการบังคับใช้กฎหมาย โดยเฉพาะการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติและความร่วมมือด้านกิจการตำรวจ รวมถึงการบังคับใช้กฎหมายในการจัดการเหตุภัยพิบัติ
การลงนามครั้งนี้ มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศนิวซีแลนด์ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศไทย รวมถึงเจ้าหน้าที่ระดับสูงของประเทศนิวซีแลนด์ ร่วมเป็นสักขีพยาน โดยวันนั้น พล.ต.อ. พงศพัศ กล่าวว่า การลงนามข้อตกลงในวันนี้ เป็นการเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ผ่านการพัฒนาในการแลกเปลี่ยนข่าวกรองอาชญากรรมข้ามชาติอย่างกว้างขวาง
ขณะที่ นาย รูเบน ลีเวอร์มอร์ เอกอัครราชทูตนิวซีแลนด์ประจำประเทศไทย ที่กำลังจะมีการประชุมหารือเจ้าหน้าที่ระดับสูงไทย-นิวซีแลนด์ (Senior Officials’ Talks - SOT) ก็ยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดการประชุมว่า มีเรื่องการได้รับพาสปอร์ตของนายเอกภพ และแฟนสาวหรือไม่
นายสุริยะใส กตะสิลา ผู้อำนวยการสถาบันปฏิรูปประเทศไทย เขียนบันทึกความเห็นในเฟซบุ๊กส่วนตัว โดยมีใจความว่า "ของจริง! พาสปอร์ต "ตั้ง อาชีวะ" และสิ่งที่อยู่เบื้องหลัง" พร้อมกับระบุว่า ผมตรวจสอบข่าวจากคนในวงการทูต 2 แหล่งแล้วยืนยันว่า "ตั้ง อาชีวะ" และแฟนสาวได้พาสปอร์ตพลเมืองนิวซีแลนด์จริงๆ แต่ไม่ได้ผ่านทางสถานทูตนิวซีแลนด์ประจำประเทศไทย และดูเหมือนสถานทูตนิวซีแลนด์ ก็เพิ่งทราบเรื่องนี้จากข่าวพร้อมๆ กับคนไทย
ผู้เชี่ยวชาญวงการทูตรายหนึ่งให้ข้อมูลกับผมว่า ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลยที่ตั้ง อาชีวะ จะได้พาสปอร์ตนิวซีแลนด์ แสดงว่าต้องมีองค์กรระดับสากลช่วยเหลือและการันตีต่อรัฐบาลนิวซีแลนด์ ไม่เช่นนั้นคงไม่ง่ายดายขนาดนี้
ว่ากันว่าเหตุผลประการสำคัญที่ทำให้รัฐบาลนิวซีแลนด์อนุมัติพาสปอร์ตให้นั้น เพราะทางการนิวซีแลนด์เชื่อว่าตั้ง อาชีวะ เป็นนักประชาธิปไตย ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย สนับสนุนทักษิณ เพราะมาจากการเลือกตั้ง ไม่ได้มาจากอำมาตย์หรือคณะรัฐประหาร และความไม่เอาไหนของกฎหมายอาญา มาตรา 112ซึ่งสอดคล้องกับจริตของสากลและฝรั่งที่ว่าสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นสิ่งที่ล้าหลัง ทักษิณเป็นประชาธิปไตย ฝรั่งพวกนี้ จึงไม่สนใจหายนะจากการโกง การละเมิดสิทธิมนุษยชนและประชานิยมของระบอบทักษิณ
ผมอยากเรียกร้องให้รัฐบาล คสช. เลิกนิ่งดูดาย เร่งเชิญทูตนิวซีแลนด์ประจำประเทศไทยมาหารือเพื่อสอบถามข้อเท็จจริง เพราะเรื่องนี้กระทบต่อความเชื่อมั่นของระบบยุติธรรมไทยโดยตรง และสอบถามไปยังทูตไทยที่อยู่นิวซีแลนด์ว่ารู้เรื่องนี้หรือไม่ และได้ดำเนินการชี้แจงข้อเท็จจริงต่อรัฐบาลนิวซีแลนด์หรือไม่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในโลกออนไลน์ได้มีการเสนอให้เชิญทูตนิวซีแลนด์ประจำประเทศไทยมาสอบถาม หรือเชิญเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงเวลลิงตัน นิวซีแลนด์ ที่ชื่อ “มาริษ เสงี่ยมพงษ์” มาสอบถาม
ทั้งนี้ นายมาริษ เคยถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่ามีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่สมัยที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ และเป็นนายกรัฐมนตรี และในสมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในปี 2556 นายมาริษ ได้แต่งตั้งเป็น เอกอัครราชทูตวิสามัญ ผู้มีอำนาจเต็มประจำเครือรัฐออสเตรเลีย ให้ดำรงตำแหน่ง เอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มประจำ รัฐเอกราชปาปัวนิวกินี อีกตำแหน่งหนึ่ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากปรากฏภาพออกมาว่า นายเอกภพ เหลือรา หรือตั้ง อาชีวะ ผู้ต้องหาคดีหมิ่นเบื้องสูง หลบหนีคดีอาญา ไปเสวยสุข โดยมีหนังสือเดินทางเป็นหลักฐาน พร้อมบ้าน รถ อยู่ที่นิวซีแลนด์ ตามที่มีการเสนอข่าวไปแล้วนั้น
มีรายงานว่า ล่าสุด พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ได้พบปะและสอบถามข้อมูลจากนาย ไมค์ บุช ผู้บัญชาการตำรวจนิวซีแลนด์ เมื่อวันที่ 23 ธ.ค. ที่ผ่านมา ระหว่างที่นายบุชเดินทางมาเยี่ยมคารวะและศึกษาดูงานสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลเดิมของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ระบุว่า เมื่อปี 2555 พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และนายไมค์ บุช รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาตินิวซีแลนด์ ได้ลงนามในข้อตกลงว่าด้วยการต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติและการพัฒนาความร่วมมือของตำรวจ ระหว่างสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสำนักงานตำรวจนิวซีแลนด์ เพื่อสร้างกรอบความร่วมทั้ง 2 หน่วยงานที่มีอยู่แล้วในด้านการบังคับใช้กฎหมาย โดยเฉพาะการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติและความร่วมมือด้านกิจการตำรวจ รวมถึงการบังคับใช้กฎหมายในการจัดการเหตุภัยพิบัติ
การลงนามครั้งนี้ มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศนิวซีแลนด์ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศไทย รวมถึงเจ้าหน้าที่ระดับสูงของประเทศนิวซีแลนด์ ร่วมเป็นสักขีพยาน โดยวันนั้น พล.ต.อ. พงศพัศ กล่าวว่า การลงนามข้อตกลงในวันนี้ เป็นการเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ผ่านการพัฒนาในการแลกเปลี่ยนข่าวกรองอาชญากรรมข้ามชาติอย่างกว้างขวาง
ขณะที่ นาย รูเบน ลีเวอร์มอร์ เอกอัครราชทูตนิวซีแลนด์ประจำประเทศไทย ที่กำลังจะมีการประชุมหารือเจ้าหน้าที่ระดับสูงไทย-นิวซีแลนด์ (Senior Officials’ Talks - SOT) ก็ยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดการประชุมว่า มีเรื่องการได้รับพาสปอร์ตของนายเอกภพ และแฟนสาวหรือไม่
นายสุริยะใส กตะสิลา ผู้อำนวยการสถาบันปฏิรูปประเทศไทย เขียนบันทึกความเห็นในเฟซบุ๊กส่วนตัว โดยมีใจความว่า "ของจริง! พาสปอร์ต "ตั้ง อาชีวะ" และสิ่งที่อยู่เบื้องหลัง" พร้อมกับระบุว่า ผมตรวจสอบข่าวจากคนในวงการทูต 2 แหล่งแล้วยืนยันว่า "ตั้ง อาชีวะ" และแฟนสาวได้พาสปอร์ตพลเมืองนิวซีแลนด์จริงๆ แต่ไม่ได้ผ่านทางสถานทูตนิวซีแลนด์ประจำประเทศไทย และดูเหมือนสถานทูตนิวซีแลนด์ ก็เพิ่งทราบเรื่องนี้จากข่าวพร้อมๆ กับคนไทย
ผู้เชี่ยวชาญวงการทูตรายหนึ่งให้ข้อมูลกับผมว่า ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลยที่ตั้ง อาชีวะ จะได้พาสปอร์ตนิวซีแลนด์ แสดงว่าต้องมีองค์กรระดับสากลช่วยเหลือและการันตีต่อรัฐบาลนิวซีแลนด์ ไม่เช่นนั้นคงไม่ง่ายดายขนาดนี้
ว่ากันว่าเหตุผลประการสำคัญที่ทำให้รัฐบาลนิวซีแลนด์อนุมัติพาสปอร์ตให้นั้น เพราะทางการนิวซีแลนด์เชื่อว่าตั้ง อาชีวะ เป็นนักประชาธิปไตย ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย สนับสนุนทักษิณ เพราะมาจากการเลือกตั้ง ไม่ได้มาจากอำมาตย์หรือคณะรัฐประหาร และความไม่เอาไหนของกฎหมายอาญา มาตรา 112ซึ่งสอดคล้องกับจริตของสากลและฝรั่งที่ว่าสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นสิ่งที่ล้าหลัง ทักษิณเป็นประชาธิปไตย ฝรั่งพวกนี้ จึงไม่สนใจหายนะจากการโกง การละเมิดสิทธิมนุษยชนและประชานิยมของระบอบทักษิณ
ผมอยากเรียกร้องให้รัฐบาล คสช. เลิกนิ่งดูดาย เร่งเชิญทูตนิวซีแลนด์ประจำประเทศไทยมาหารือเพื่อสอบถามข้อเท็จจริง เพราะเรื่องนี้กระทบต่อความเชื่อมั่นของระบบยุติธรรมไทยโดยตรง และสอบถามไปยังทูตไทยที่อยู่นิวซีแลนด์ว่ารู้เรื่องนี้หรือไม่ และได้ดำเนินการชี้แจงข้อเท็จจริงต่อรัฐบาลนิวซีแลนด์หรือไม่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในโลกออนไลน์ได้มีการเสนอให้เชิญทูตนิวซีแลนด์ประจำประเทศไทยมาสอบถาม หรือเชิญเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงเวลลิงตัน นิวซีแลนด์ ที่ชื่อ “มาริษ เสงี่ยมพงษ์” มาสอบถาม
ทั้งนี้ นายมาริษ เคยถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่ามีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่สมัยที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ และเป็นนายกรัฐมนตรี และในสมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในปี 2556 นายมาริษ ได้แต่งตั้งเป็น เอกอัครราชทูตวิสามัญ ผู้มีอำนาจเต็มประจำเครือรัฐออสเตรเลีย ให้ดำรงตำแหน่ง เอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มประจำ รัฐเอกราชปาปัวนิวกินี อีกตำแหน่งหนึ่ง