xs
xsm
sm
md
lg

“ตั้ง อาชีวะ”FBเย้ยโชว์พาสปอร์ตพลเมืองกีวี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

มติคณะกรรมการสอบวินัย"พงศ์พัฒน์"และพวกรวม 6 นาย ผู้ต้องหาในความผิดหมิ่นเบื้องสูง ตามม.112 เข้าข่ายผิดวินัยร้ายแรง ให้ชอบให้ไล่ออก เตรียมดำเนินการถอดยศตามขั้อตอนต่อไป สำนักนายกรัฐมนตรีสั่งถอดยศและเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์แก๊ง "อัครพงศ์ปรีชา" ชี้กระทำความผิดวินัยทหาร ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง ไอซีที" เล็งเอาผิดแก๊งหมิ่นม.112 ผ่านไลน์เว็บไซต์ ยธ.เป็นเจ้าภาพหลักล่าตัวผู้ต้องหาหมิ่นเบื้องสูงในต่างแดน "ตั้ง อาชีวะ"ควงเมีย โพสต์ภาพโชว์พาสปอร์ตนิวซีแลนด์ ยันเป็นพลเมืองแดนกีวีแล้ว พร้อมโพสต์คลิปและภาพเย้ย ชีวิตนักโทษหนีคดีสุขสบาย ไม่ต้องหนีหัวซุกหัวซุน ระบุไปต่างประเทศได้อิสรเสรี อ้างใช้เงินส่วนตัวหมด ไม่เคยมีนักการเมืองคนไหนมาช่วย

วานนี้(22 ธ.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า คณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง ในคดีการกระทำผิดของ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีตผบช.ก. และพวก มีมติให้ไล่นายตำรวจ 6 คน ออกจากราชการ ประกอบด้วย พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ พล.ต.ต.โกวิทย์ วงค์รุ่งโรจน์ อดีตรองผบช.ก. พล.ต.ต.บุญสืบ ไพรเถื่อน อดีตผบก.รน. พ.ต.อ.วุฒิชาติ เลื่อนสุคันธ์ อดีตผกก. 4 บก.ปคบ. ดต.สุรศักดิ์ จันทร์เงา อดีต ผู้บังคับหมู่ บก.ป.และ ดต.ฉัตรินทร์ เหล่าทอง อดีต ผู้บังคับหมู่ บก.ป. เนื่องจากผลการสอบสวนพบว่า ผู้ต้องหาทั้งหมดกระทำผิดวินัยร้ายแรง ฐานหมิ่นสถาบันเบื้องสูง ตามประมวลอาญา มาตรา 112, เป็นเจ้าพนักงานเรียกรับผลประโยชน์ และเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ โดยหลังจากนี้ จะส่งเรื่องให้ พล.ต.อ. เอก อังสนานนท์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ฝ่ายกฎหมาย พิจารณาก่อนเสนอ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร.ต่อไป

พล.ต.ท.ประวุฒิ กล่าวว่า สำหรับข้าราชการตำรวจรายอื่นที่ถูกออกหมายจับ และพัวพันคดีนี้ทั้งหมด จะดำเนินการตามขั้นตอนนี้เช่นเดียวกัน ซึ่งในส่วนของตำรวจที่ยังหลบหนี ยังไม่ได้ติดต่อเข้ามอบตัวเพิ่มเติมแต่อย่างใด ส่วนการถอดยศ จะมีการดำเนินการต่อไป ซึ่งเงื่อนไขการถอดยศ จะต้องเป็นตำรวจที่มีความผิดวินัยร้ายแรง หรือ ต้องคำพิพากษาจำคุกในคดีอาญา โดยไม่จำเป็นต้องรอให้คดีถึงที่สุด ก็สามารถดำเนินการได้

ถอดยศเรียกคืนเครื่องราชฯ "อัครพงศ์ปรีชา"

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ถอดยศทหาร และเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ประกาศระบุว่า มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ถอด ร้อยเอก ณัฐพล อัครพงศ์ปรีชา สังกัดหน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ ออกจากยศทหาร ตั้งแต่วันที่ 24 พฤศจิกายน 2557 ซึ่งเป็นวันที่มีคำสั่งปลดออกจากราชการ เนื่องจากกระทำความผิดวินัยทหาร ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง ผิดกฎหมายบ้านเมือง และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุญาต ให้เรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ชั้นตริตาภรณ์มงกุฎไทย จัตุรถาภรณ์ช้างเผือก จัตุรถาภรณ์มงกุฎไทย และเบญจมาภรณ์มงกุฎไทย ที่บุคคลดังกล่าวได้รับพระราชทาน ทั้งนี้ ตามข้อ 6 และข้อ 7 (4) ของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ พ.ศ.2548
ประกาศ ณ วันที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2557
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ
รองนายกรัฐมนตรี

ICTเล็งเอาผิดแก๊งหมิ่นฯผ่านไลน์เว็บไซต์

นายพรชัย รุจิประภา รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร(ไอซีที) กล่าวถึงผลการสำรวจสถิติของไอซีที ที่พบว่าปัจจุบันในประเทศไทยมีผู้ใช้แอพพลิเคชั่น“ไลน์” ประมาณ 33 ล้านคน โดยมีการส่งข้อความวันละเกือบ 40 ล้านข้อความ ว่า กระทรวงไอซีทีสามารถสอดส่องตรวจดูได้หมดว่ามีการส่งต่อข้อความประเภทไหนบ้างในแอพพลิเคชั่น“ไลน์” โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อความหมิ่นประมาท ข้อความหมิ่นสถาบัน และข้อความที่มีผลกระทบด้านความมั่นคง ซึ่งจะถูกจับตาเป็นพิเศษ แต่ละวันมีการส่งข้อความประเภทนี้จำนวนมากเช่นกัน อย่างไรก็ตามหากใครได้รับการส่งต่อข้อความประเภทนี้ สามารถนำข้อความนั้นไปแจ้งความกับตำรวจ เพื่อให้กระทรวงไอซีทีดำเนินการตามพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)ว่าด้วยการกระทำผิดทางคอมพิวเตอร์ ในการไปตรวจสอบหาต้นตอที่ส่งมาได้ ส่วนกรณีที่ถ้ามีการจับกุมแล้วผู้ต้องสงสัยอ้างว่า “รู้เท่าไม่ถึงการณ์” ตนคิดว่าฟังไม่ขึ้น เพราะตามกฎหมายแล้วถือว่าเป็นคนที่สมรู้ร่วมคิด ดังนั้นทางที่ดี ทุกคนไม่ควรส่งต่อข้อความประเภทนี้

นายพรชัย กล่าวอีกว่า กระทรวงไอซีที มีหน่วยงานหลักที่ดำเนินการติดตามเว็บไซต์ที่ผิดกฎหมาย และเว็บไซต์ที่ขายยาที่ไม่ได้มาตรฐาน หรือไม่รับอนุญาตจากองค์การอาหารและยา(อย.) รวมถึงเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาหมิ่นสถาบันเบื้องสูง ซึ่งมีประมาณร้อยละ 20-30 โดยทำเป็นขบวนการ ซึ่งเราต้องจัดการทั้งหมด ถ้าเป็นเว็บไซต์ที่เปิดที่ต่างประเทศ เราก็จะมีการขอหมายศาล แล้วนำไปประสานกับกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อส่งหมายศาลไปยังประเทศต้นทางของเว็บไซต์ แจ้งว่าเว็บไซต์นั้น ๆ ทำผิดกฎหมายไทย ดังนั้นการดำเนินการอาจจะช้าเล็กน้อย เพราะต้องเจรจา เนื่องจากบางประเทศมีวัฒนธรรมที่แตกต่างกับไทย อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้มีการดำเนินการเป็นระยะ แม้จะไม่มีการแถลงข่าว แต่กระทรวงไอซีที ได้รายงานให้คณะรัฐมนตรี(ครม.)รับทราบตลอด

ยธ.เป็นเจ้าภาพล่า พวกม.112หนีในต่างแดน

พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการดำเนินการกับผู้กระทำความผิดมาตรา 112 ที่อยู่ในต่างประเทศว่า เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ตนได้เข้าพบพูดคุยกับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในเรื่องนี้ ซึ่งนายกฯได้สั่งการให้กระทรวงยุติธรรมและกระทรวงต่างประเทศไปดำเนินการ ขณะที่พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรณ รองนายกรัฐมนตรี บอกว่าตกลงจะให้กระทรวงยุติธรรมดูแลทั้งระบบ ซี่งขณะนี้ไม่ใช่เฉพาะการติดตามนำตัวคนผิดมาลงโทษ แต่รวมไปถึงถึงเรื่องที่กระทรวงไอซีทีต้องควบคุมการเผยแพร่ข่าวสาร รวมทั้งกฎหมายระหว่างประเทศ ที่สำคัญกรณีของตัวผู้ที่ถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดมาตรา 112 ต้องมีการทำความเข้าใจกับต่างประเทศว่าไม่ใช่เรื่องการเมืองเพื่อไม่ให้นำไปแอบอ้างใช้ประโยชน์สิทธิที่จะไปอยู่ในต่างประเทศ

ส่วนลักษณะการติดตามดำเนินงานนั้น พลอ.ไพบูลย์ กล่าวว่า คงไม่มีการตั้งหน่วยงานขึ้นมาใหม่เพราะเข้าใจว่ามีหน่วยงานด้านความมั่นคงทำเรื่องนี้มานาน แต่เป็นในระดับปฏิบัติ ซึ่งตนจะนำมาปัดฝุ่นหรือเสริมใหม่ยกระดับทำงานเป็นระดับรัฐบาลหรือกระทรวง ในรูปแบบของคณะทำงานหรือคณะกรรมการ
ที่กระทรวงกลาโหม พ.อ.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม แถลงผลการประชุมสภากลาโหม ที่มีพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง และรมว.กลาโหม เป็นประธาน ว่า มติที่ประชุมสภากลาโหมแจ้งเตือนกำลังพลใช้วิจารณญาณในการรับรู้ข้อมูลข่าวสารผ่านสังคมออนไลน์ให้มากขึ้น ให้รู้ถึงผลกระทบที่จะตามมา หากกระทำการที่ผิดกฎหมายตามพระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์ รวมทั้งจะต้องไม่โพสต์หรือส่งต่อข้อความหรือข่าวสารที่ไม่สมควรผ่านสื่อสังคมออนไลน์อย่างเด็ดขาด.

เริงร่า!“ตั้ง อาชีวะ” โพสต์นักโทษอยู่สุขสบาย

วันนี้ (22 ธ.ค.) นายเอกภพ เหลือรา หรือ “ตั้ง อาชีวะ” ผู้ต้องหาคดีหมิ่นเบื้องสูงจากการขึ้นเวทีปราศรัยบนเวทีเสื้อแดง เมื่อ พ.ศ. 2556 ได้โพสต์ภาพผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว พร้อมโชว์พาสปอร์ตของประเทศนิวซีแลนด์ พร้อมยืนยันว่าตนและภรรยาได้เป็นพลเมืองของนิวซีแลนด์โดยสมบูรณ์แล้ว ระบุข้อความว่า “เห้อ...หายเหนื่อยแล้ว ที่สู้มาที่เสี่ยงมาไม่เสียแรงปล่าว 1 ปีเต็มกับการผจญภัย ถือว่าเป็นของขวัญปีใหม่ให้เมียเนอะ เราไม่ใช่ผู้ลี้ภัยแล้วแต่เราคือพลเมืองโดยสมบูรณ์...”

ก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวแพร่สะพัดในโลกโซเซียลเน็ตเวิร์กออกมาว่า นายเอกภพได้รับการอนุมัติ Permanent Resident visa หรือ “วีซ่าขออยู่อาศัยถาวร” ของประเทศนิวซีแลนด์ ซึ่งจะทำให้ผู้ขอได้รับความสะดวกสบาย และสิทธิต่างๆ ตามกฎหมายในฐานะพลเมืองหรือผู้ประกอบกิจการที่ทำประโยชน์ให้กับประเทศ รวมทั้งสามารถใช้สมัครเป็นพลเมืองของประเทศนิวซีแลนด์ได้ด้วย โดยต่อมา นายเสข วรรณเมธี อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีที่มีการแชร์ภาพข่าวทางโซเชียลมีเดียว่านายเอกภพ เหลือรา ได้รับวีซ่าถาวรของนิวซีแลนด์ว่า ได้ทราบแต่เพียงข่าวที่ปรากฎตามสื่อเท่านั้น ขณะนี้ยังต้องใช้เวลาในการตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน อย่างไรก็ดีไม่แน่ใจว่าฝ่ายนิวซีแลนด์จะเปิดเผยข้อมูลหรือไม่ เพราะเขาอาจถือว่าเป็นข้อมูลส่วนบุคคล

ขณะเดียวกัน วานนี้ (21 ธ.ค.) นายเอกภพยังโพสต์คลิประหว่างขับรถในเฟซบุ๊กด้วย โดยกล่าวถึงชีวิตส่วนตัวว่า “สวัสดีครับ มีหลายคนนะ บอกโอ๊ย! ตั้งเนี่ยนะเดี๋ยวมันก็หัวซุกหัวซุนกลับบ้านไปไหนไม่รอด หมดเงินก็ต้องกลับบ้านมามอบตัว คุณยอมรับความจริงนะครับ ยอมรับความจริงซะ อย่าเอาอารมณ์กับบรรทัดฐานของตัวเองหรือความคิดที่แตกต่างจากตัวผม หรือเอาความคิดคุณมาตัดสินคนอื่น ตอนนี้ผมใช้ชีวิตโคตรสุขสบาย อิสระเสรีมากเลยนะครับ ผมอยากจะไปไหนผมก็เดินทางไปได้ด้วยรถส่วนตัวของผมเอง ผมอยากจะไปไหนก็ไม่มีปัญหา รถสาธารณะ รถส่วนตัว บางคนบอกผมไปไหนหวาดระแวง ... ระแวงห่าอะไรวะ ถ้าผมจะไปเที่ยวต่างประเทศ ผมก็เดินทางด้วยพาสปอร์ต (ยกพาสปอร์ตขึ้นมาแสดง) ของผม ซึ่งมันสามารถไปได้ทั่วโลก แทบจะไม่ต้องขอวีซ่า นี่แม่งก็โคตรกำไรชีวิต อิสระ สุดตีน โอเคนะครับ ชีวิตผมมันก็ไม่มีอะไรมาก ก็แค่นักโทษหนีคดีคนนึง เด็กกะโหลกกะลาคนนึง โอเคนะครับ บายครับ”

ทั้งนี้ นายเอกภพพยายามโพสต์ภาพและข้อความในเฟซบุ๊กอ้างว่า การลี้ภัย และทรัพย์สินที่ตัวเองมีในปัจจุบันในต่างประเทศนั้นมาจากน้ำพักน้ำแรงส่วนตัวล้วนๆ มิได้มีนักการเมืองคนใดมาช่วย

จี้ "บิ๊กตู่"ล่า'ตั้ง อาชีวะ'

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มกรีน และแกนนำ กปปส. โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊คเพจชื่อ “สุริยะใส กตะศิลา” แสดงความเห็นภายหลังจากที่นายเอกภาพ เหลือรา หรือ “ตั้ง อาชีวะ” ผู้ต้องหาคดีหมิ่นเบื้องสูง ได้โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊คเย้ยหยันทางการไทยที่ไม่สามารถดำเนินการติดตามจับกุมตัวได้ กระทั่งได้เป็นพลเมืองนิวซีแลนด์” ถือว่าเป็นการประจายศักยภาพทางการไทยได้เป็นอย่างดี

“น่าแปลกใจมากที่ประเทศที่คนเหล่านี้หลบไปลี้ภัยล้วนแล้วแต่เป็นมหามิตรของไทยทั้งสิ้น แต่ไม่รู้เป็นมิตรแบบไหนถึงให้ที่พำนักพักพิงกับคนหนีคดี หนีความผิด ทั้งนี้ รัฐบาลและคสช.ก็เพิ่งประกาศว่า จะเอาจริงเอาจังกับขบวนการล้มเจ้า กับคนที่กระทำผิดในคดี มาตรา 112 ไม่รู้จะท่าดีทีเหลวอีกตามเคยหรือไม่ เพราะที่ผ่านก็ท่องคาถาเดิมๆ ว่าไม่มีกฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดน ไม่มีข้อตกลงร่วม เป็นข้ออ้างเพื่อเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ จนกลายเป็นแผ่นเสียงตกร่องไปแล้ว
กำลังโหลดความคิดเห็น