**“บางคนบอกไม่ใช่หน้าที่ของผม ไม่ใช่หน้าที่ของดิฉัน ใครมีหน้าที่ก็ทำไป บางคนก็บอกว่าจะไปเพาะศัตรูทำไม อยู่เฉยๆดีแล้ว อันนั้นเป็นความคิดที่แย่มาก ใครคิดอย่างนั้นถือว่าไม่ร่วมมือกันพัฒนาชาติ หรืออาจจะพูดว่าไม่รักชาติก็ได้" ตอนหนึ่งของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ระหว่างให้โอวาทผู้ผ่านการอบรมหลักสูตร “นักบริหารยุทธศาสตร์การป้องกันและปราบปรามการทุจริตระดับสูง” (นยปส.) รุ่นที่ 5 เมื่อวันศุกร์ที่แล้ว
พูดน้อยต่อยหนัก นานๆออกหมัด แต่ชกทีเข้าปลายคางหลับไม่รู้เรื่อง แม้ในเนื้อหาจะไม่จำเพาะเจาะจงใคร แต่กระแทกกระทั้นได้เหมาะเจาะจับใจกับสถานการณ์ของประเทศไทยขณะนี้พอดิบพอดี แถมเจ้าของฉายา "นักฆ่าแห่งลุ่มน้ำเจ้าพระยา" ยังบอกตรงๆ การฉ้อราษฎร์บังหลวงในประเทศไทยยังแก้ไม่หาย
เหลียวหลังแลหน้ามาดูรัฐบาลประยุทธ์ ที่ตีฆ้องร้องป่าวจะปราบทุจริตให้สิ้นซาก จะว่าไปก็ละม้ายคล้ายคลึงกับที่ “ป๋าเปรม”พูดอยู่ไม่น้อย เพราะตั้งแต่เข้ามาควบคุมบริหารประเทศไทย นอกจากเบ่งกล้าม พ่นวลีหล่อๆ ขอเป็นศัตรูกับคนโกง ยกระดับให้เป็นวาระแห่งชาติ แต่ทว่าภาคปฏิบัติ การดำเนินการยังเป็นในลักษณะมโน ไม่ว่าจะเป็นในแม่น้ำสายไหน ต่อให้มีการตั้งคณะกรรมการชุดนู้นชุดนี้ขึ้นมา แต่ถ้ายังทำตัวเป็นเสือย่อขา ไม่มีเก้ง กวาง เลียงผาไหนมันจะกลัวถูกตะปบเป็นเหยื่อแน่
ขนาดค่ายสนามบินน้ำอย่างสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แค่ขอเพิ่มอำนาจให้การทำงานสะดวกโยธินมากขึ้น สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ยังทำเป็นอิดออด ขอตั้งคณะกรรมการขึ้นมาศึกษา ระแวงว่าจะรุนแรงเกินไป ทั้งที่โดยปกติทั่วไปมีแต่คนชั่วเท่านั้นที่กลัวกฎหมาย ไม่เข้าใจเป็นคนดีทำไมต้องทำตัวเป็นวัวสันหลังหวะ
ขณะที่คดีทุจริตคอร์รัปชันนอกจาก “บิ๊กตู่”จะเที่ยวพูดไปวันๆ ว่าเชือดไม่เลี้ยงหากพบว่ามีคนโกง แต่ตั้งแต่รัฐประหารจนถึงปัจจุบัน รัฐบาลเคยลากคอใครมาเซ่นความผิดที่ฉ้อราษฎร์บังหลวงสักคนหรือไม่
**หนำซ้ำยังมีข่าวคราวไม่ชอบมาพากลเสียเอง โดยเฉพาะกรณีถอดถอน สมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ อดีตประธานรัฐสภา นิคม ไวยรัชพานิช อดีตประธานวุฒิสภา ปมแก้ไขรัฐธรรมนูญที่มาส.ว.มิชอบ และ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปมบริหารโครงการรับจำนำข้าวจนเจ๊งยับ 6.8 แสนล้านบาทในมือสนช. ที่ส่อแววโอละพ่อ นินทาขรมเมืองว่าไปคุยตกลงกันมุมมืดเรียบร้อยแล้ว
ถึงขนาดคนในพรรคเพื่อไทย ออกมาลอยหน้าลอยตามั่นอกมั่นใจว่านายหญิงรอดแน่ๆ เพราะคะแนนเสียงในสนช. ไม่เพียงพอถอนรากถอนโคนได้ ทั้งที่กว่าครึ่งในสนช.เป็นบรรดาขุนศึกทหาร ตามทฤษฎีหัวไม่ส่ายหางไม่กระดิก แสดงว่า ต้องมีสัญญาณส่งซิกกันมาให้ปล่อยผีเพื่อรักษาบรรยากาศโดยรวมภายในประเทศ จนดูเป็นการปราบทุจริตแบบกลับหัวกลับหาง
ส่วนคดีจำนำข้าวของยิ่งลักษณ์ในชั้นคณะทำงานร่วมป.ป.ช. –อัยการสูงสุด (อสส.) ขนาดอสส.เปลี่ยวหัวเรือใหม่เพื่อหวังกอบกู้ภาพลักษณ์ แต่ก็ยังมีการดึงเชงคดีกันจนจะข้ามปีอยู่แล้วยังไม่รู้หมู่รู้จ่าเลยว่าตกลงจะให้ใครเป็นคนส่งฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง งงกันไปหมดว่า ตกลงมันเป็นการปฏิรูปแบบไหนกันแน่
ไม่รู้วันนี้นิยามคำว่าปรองดองของรัฐบาลเป็นสากล และเหมือนกับคนอื่นๆ หรือไม่ เพราะหากดูจากปฏิกิริยาและข่าวลือหนาหูมันน่าเสียวสันหลังว่า โอนเอียงไปในทำนองการสร้างความสมานฉันท์ในประเทศคือ การรอมชอมซูเอี๋ยกับคนโกง เพียงเพราะไม่ต้องการเพาะเชื้อความขัดแย้งอันใหม่
**หากเป็นตรรกะนี้ เตรียมตัวไปยืนต่อแถว“บิ๊กบัง”พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน อดีตประธาน คมช.ได้เลย "เสียของ"
เพราะความคิดลักษณะนี้เจ๊งตอนปลายทุกราย มันเป็นการปรองดองเทียม หรือปรองดองจอมปลอม ไม่ได้รับการยอมรับจากทุกฝ่าย เพราะคนผิดยังไม่ได้รับโทษ จะมาทำตัวมีอภิสิทธิ์เหนือกว่าทุกคนไม่ได้ ดังนั้นการยกประโยชน์ให้จำเลย ไม่ใช่คำตอบสุดท้ายแน่
อย่าลืมว่าคนอย่าง ทักษิณ ชินวัตร นักโทษชาย ณ ต่างแดน มีเหลี่ยมคูรอบตัว ไม่ยอมจบแค่นี้แน่ เพราะเป้าหมายการเดินทางกลับแผ่นดินแม่ คัมแบ็กเท่ๆ ยังไม่สำเร็จ อย่างไรก็ต้องดิ้นรนทุกวิถีทาง ตะกายฝาบ้านก็ทำ ต้องเตือนความจำกันที่บ้านเมืองเราผุกร่อนอยู่เช่นนี้ก็เพราะประเด็นนี้ล้วนๆ แม้แต่ เงิน 4.6 หมื่นล้านบาท ที่เที่ยวประกาศว่าโดนปล้นไป ถามว่ามีใครบ้างไม่อยากได้คืน
เห็นกันอยู่ทนโท่ไม่นานก่อนหน้านี้ น้ำคำทักษิณเชื่อถือได้ที่ไหน พรรคเพื่อไทยเที่ยวป่าวประกาศถ้าเข้ามาได้จะแก้ไข ไม่แก้แค้น สุดท้ายช่วงที่มีอำนาจ เวลาส่วนใหญ่หมกมุ่นอยู่กับโปรเจกต์แก้แค้นฝ่ายตรงข้าม กับแก้ไขรัฐธรรมนูญเปลี่ยนผิดเป็นถูกให้กับพี่ชายตัวเองทั้งนั้น
บรรดาประชาชนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ตกเป็นเหยื่อนักการเมืองออกมาชุมนุมไม่มีใครว่าหากจะยกประโยชน์ให้จำเลย แต่กับคดีโกงบ้านกินเมือง ถ้าจะมาทำบุญทำทานปล่อยผีกันเพื่อความสมานฉันท์ โปรเจกต์ที่เที่ยวบอกจะลดความเหลื่อมล้ำ มันพังตั้งแต่เรือยังไม่เริ่มแจวแล้ว
**ข้อกังวลว่าจะกลายเป็นชนวนความขัดแย้งรอบใหม่ ไม่เห็นมีอะไรต้องน่าผวาหากทำให้ประชาชนเห็นว่า คนเหล่านี้มันกัดแทะงบหลวงกันอย่างไร พยานหลักฐานต้องแน่นไม่ให้ใครเถียงได้ หน่วยงานด้านยุติธรรมและองค์กรอิสระต้องไปเสาะแสวงหามาให้ครบ โครงการรับจำนำข้าว ที่ว่าเจ๊งยับ ทุจริตกันมโหฬารต้องมีใบเสร็จมาอุดปาก ชนิดที่คนผิดอ้าปากหักล้างไม่ได้ แล้วหากใครจะโมโหจนไปก่อม็อบมาต้านรัฐบาล ก็ให้มันรู้ไปว่า จะมีประชาชนและประชาชีที่ไหนจะเข้าข้างทรราชบ้าง
ถือเป็นจังหวะที่ดีที่ “ป๋าเปรม”ออกมากระทุ้งในช่วงนี้ จะได้เตือนสติกันหน่อย โดยเฉพาะผู้มีอำนาจในปัจจุบันอย่าง“บิ๊กตู่”และ “บิ๊กป้อม”พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม สองศรีพี่น้องแห่งบูรพาพยัคฆ์ ที่ต้องสดับตรับฟังกันให้เข้าโสตประสาท
ตอนนี้ยังไม่ถึงดีเดย์ชี้ชะตากรรมของ สมศักดิ์ นิคม และ ยิ่งลักษณ์ ถือว่า พอมีเวลาให้ได้ทบทวนเรื่องบางเรื่องที่อาจตัดสินใจไปแล้ว
เดินตามหลังผู้ใหญ่อย่างไรหมาก็ไม่กัด ยกเว้นจะห้าวเป้งออกนอกเส้นทาง ที่นอกจากหมาจะกัด แล้วบางทีอาจจะโดนผู้ใหญ่ฟาดด้วยไม้เรียว
**ปรองดองกับการปราบทุจริตมันคนละเรื่อง อย่าคิดแต่เพียงแค่ไม่ต้องการเพาะศัตรูเพิ่มเท่านั้น ไม่เช่นนั้นอาจจะจัดอยู่ในประเภทที่ “ป๋าเปรม”บอก ไม่ร่วมมือกันพัฒนาชาติ และไม่รักชาติ
พูดน้อยต่อยหนัก นานๆออกหมัด แต่ชกทีเข้าปลายคางหลับไม่รู้เรื่อง แม้ในเนื้อหาจะไม่จำเพาะเจาะจงใคร แต่กระแทกกระทั้นได้เหมาะเจาะจับใจกับสถานการณ์ของประเทศไทยขณะนี้พอดิบพอดี แถมเจ้าของฉายา "นักฆ่าแห่งลุ่มน้ำเจ้าพระยา" ยังบอกตรงๆ การฉ้อราษฎร์บังหลวงในประเทศไทยยังแก้ไม่หาย
เหลียวหลังแลหน้ามาดูรัฐบาลประยุทธ์ ที่ตีฆ้องร้องป่าวจะปราบทุจริตให้สิ้นซาก จะว่าไปก็ละม้ายคล้ายคลึงกับที่ “ป๋าเปรม”พูดอยู่ไม่น้อย เพราะตั้งแต่เข้ามาควบคุมบริหารประเทศไทย นอกจากเบ่งกล้าม พ่นวลีหล่อๆ ขอเป็นศัตรูกับคนโกง ยกระดับให้เป็นวาระแห่งชาติ แต่ทว่าภาคปฏิบัติ การดำเนินการยังเป็นในลักษณะมโน ไม่ว่าจะเป็นในแม่น้ำสายไหน ต่อให้มีการตั้งคณะกรรมการชุดนู้นชุดนี้ขึ้นมา แต่ถ้ายังทำตัวเป็นเสือย่อขา ไม่มีเก้ง กวาง เลียงผาไหนมันจะกลัวถูกตะปบเป็นเหยื่อแน่
ขนาดค่ายสนามบินน้ำอย่างสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แค่ขอเพิ่มอำนาจให้การทำงานสะดวกโยธินมากขึ้น สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ยังทำเป็นอิดออด ขอตั้งคณะกรรมการขึ้นมาศึกษา ระแวงว่าจะรุนแรงเกินไป ทั้งที่โดยปกติทั่วไปมีแต่คนชั่วเท่านั้นที่กลัวกฎหมาย ไม่เข้าใจเป็นคนดีทำไมต้องทำตัวเป็นวัวสันหลังหวะ
ขณะที่คดีทุจริตคอร์รัปชันนอกจาก “บิ๊กตู่”จะเที่ยวพูดไปวันๆ ว่าเชือดไม่เลี้ยงหากพบว่ามีคนโกง แต่ตั้งแต่รัฐประหารจนถึงปัจจุบัน รัฐบาลเคยลากคอใครมาเซ่นความผิดที่ฉ้อราษฎร์บังหลวงสักคนหรือไม่
**หนำซ้ำยังมีข่าวคราวไม่ชอบมาพากลเสียเอง โดยเฉพาะกรณีถอดถอน สมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ อดีตประธานรัฐสภา นิคม ไวยรัชพานิช อดีตประธานวุฒิสภา ปมแก้ไขรัฐธรรมนูญที่มาส.ว.มิชอบ และ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปมบริหารโครงการรับจำนำข้าวจนเจ๊งยับ 6.8 แสนล้านบาทในมือสนช. ที่ส่อแววโอละพ่อ นินทาขรมเมืองว่าไปคุยตกลงกันมุมมืดเรียบร้อยแล้ว
ถึงขนาดคนในพรรคเพื่อไทย ออกมาลอยหน้าลอยตามั่นอกมั่นใจว่านายหญิงรอดแน่ๆ เพราะคะแนนเสียงในสนช. ไม่เพียงพอถอนรากถอนโคนได้ ทั้งที่กว่าครึ่งในสนช.เป็นบรรดาขุนศึกทหาร ตามทฤษฎีหัวไม่ส่ายหางไม่กระดิก แสดงว่า ต้องมีสัญญาณส่งซิกกันมาให้ปล่อยผีเพื่อรักษาบรรยากาศโดยรวมภายในประเทศ จนดูเป็นการปราบทุจริตแบบกลับหัวกลับหาง
ส่วนคดีจำนำข้าวของยิ่งลักษณ์ในชั้นคณะทำงานร่วมป.ป.ช. –อัยการสูงสุด (อสส.) ขนาดอสส.เปลี่ยวหัวเรือใหม่เพื่อหวังกอบกู้ภาพลักษณ์ แต่ก็ยังมีการดึงเชงคดีกันจนจะข้ามปีอยู่แล้วยังไม่รู้หมู่รู้จ่าเลยว่าตกลงจะให้ใครเป็นคนส่งฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง งงกันไปหมดว่า ตกลงมันเป็นการปฏิรูปแบบไหนกันแน่
ไม่รู้วันนี้นิยามคำว่าปรองดองของรัฐบาลเป็นสากล และเหมือนกับคนอื่นๆ หรือไม่ เพราะหากดูจากปฏิกิริยาและข่าวลือหนาหูมันน่าเสียวสันหลังว่า โอนเอียงไปในทำนองการสร้างความสมานฉันท์ในประเทศคือ การรอมชอมซูเอี๋ยกับคนโกง เพียงเพราะไม่ต้องการเพาะเชื้อความขัดแย้งอันใหม่
**หากเป็นตรรกะนี้ เตรียมตัวไปยืนต่อแถว“บิ๊กบัง”พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน อดีตประธาน คมช.ได้เลย "เสียของ"
เพราะความคิดลักษณะนี้เจ๊งตอนปลายทุกราย มันเป็นการปรองดองเทียม หรือปรองดองจอมปลอม ไม่ได้รับการยอมรับจากทุกฝ่าย เพราะคนผิดยังไม่ได้รับโทษ จะมาทำตัวมีอภิสิทธิ์เหนือกว่าทุกคนไม่ได้ ดังนั้นการยกประโยชน์ให้จำเลย ไม่ใช่คำตอบสุดท้ายแน่
อย่าลืมว่าคนอย่าง ทักษิณ ชินวัตร นักโทษชาย ณ ต่างแดน มีเหลี่ยมคูรอบตัว ไม่ยอมจบแค่นี้แน่ เพราะเป้าหมายการเดินทางกลับแผ่นดินแม่ คัมแบ็กเท่ๆ ยังไม่สำเร็จ อย่างไรก็ต้องดิ้นรนทุกวิถีทาง ตะกายฝาบ้านก็ทำ ต้องเตือนความจำกันที่บ้านเมืองเราผุกร่อนอยู่เช่นนี้ก็เพราะประเด็นนี้ล้วนๆ แม้แต่ เงิน 4.6 หมื่นล้านบาท ที่เที่ยวประกาศว่าโดนปล้นไป ถามว่ามีใครบ้างไม่อยากได้คืน
เห็นกันอยู่ทนโท่ไม่นานก่อนหน้านี้ น้ำคำทักษิณเชื่อถือได้ที่ไหน พรรคเพื่อไทยเที่ยวป่าวประกาศถ้าเข้ามาได้จะแก้ไข ไม่แก้แค้น สุดท้ายช่วงที่มีอำนาจ เวลาส่วนใหญ่หมกมุ่นอยู่กับโปรเจกต์แก้แค้นฝ่ายตรงข้าม กับแก้ไขรัฐธรรมนูญเปลี่ยนผิดเป็นถูกให้กับพี่ชายตัวเองทั้งนั้น
บรรดาประชาชนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ตกเป็นเหยื่อนักการเมืองออกมาชุมนุมไม่มีใครว่าหากจะยกประโยชน์ให้จำเลย แต่กับคดีโกงบ้านกินเมือง ถ้าจะมาทำบุญทำทานปล่อยผีกันเพื่อความสมานฉันท์ โปรเจกต์ที่เที่ยวบอกจะลดความเหลื่อมล้ำ มันพังตั้งแต่เรือยังไม่เริ่มแจวแล้ว
**ข้อกังวลว่าจะกลายเป็นชนวนความขัดแย้งรอบใหม่ ไม่เห็นมีอะไรต้องน่าผวาหากทำให้ประชาชนเห็นว่า คนเหล่านี้มันกัดแทะงบหลวงกันอย่างไร พยานหลักฐานต้องแน่นไม่ให้ใครเถียงได้ หน่วยงานด้านยุติธรรมและองค์กรอิสระต้องไปเสาะแสวงหามาให้ครบ โครงการรับจำนำข้าว ที่ว่าเจ๊งยับ ทุจริตกันมโหฬารต้องมีใบเสร็จมาอุดปาก ชนิดที่คนผิดอ้าปากหักล้างไม่ได้ แล้วหากใครจะโมโหจนไปก่อม็อบมาต้านรัฐบาล ก็ให้มันรู้ไปว่า จะมีประชาชนและประชาชีที่ไหนจะเข้าข้างทรราชบ้าง
ถือเป็นจังหวะที่ดีที่ “ป๋าเปรม”ออกมากระทุ้งในช่วงนี้ จะได้เตือนสติกันหน่อย โดยเฉพาะผู้มีอำนาจในปัจจุบันอย่าง“บิ๊กตู่”และ “บิ๊กป้อม”พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม สองศรีพี่น้องแห่งบูรพาพยัคฆ์ ที่ต้องสดับตรับฟังกันให้เข้าโสตประสาท
ตอนนี้ยังไม่ถึงดีเดย์ชี้ชะตากรรมของ สมศักดิ์ นิคม และ ยิ่งลักษณ์ ถือว่า พอมีเวลาให้ได้ทบทวนเรื่องบางเรื่องที่อาจตัดสินใจไปแล้ว
เดินตามหลังผู้ใหญ่อย่างไรหมาก็ไม่กัด ยกเว้นจะห้าวเป้งออกนอกเส้นทาง ที่นอกจากหมาจะกัด แล้วบางทีอาจจะโดนผู้ใหญ่ฟาดด้วยไม้เรียว
**ปรองดองกับการปราบทุจริตมันคนละเรื่อง อย่าคิดแต่เพียงแค่ไม่ต้องการเพาะศัตรูเพิ่มเท่านั้น ไม่เช่นนั้นอาจจะจัดอยู่ในประเภทที่ “ป๋าเปรม”บอก ไม่ร่วมมือกันพัฒนาชาติ และไม่รักชาติ