xs
xsm
sm
md
lg

"ตั้ง อาชีวะ"กบดานฟิลิปปินส์ "บิ๊กตู่"เมินจารุพงศ์ตั้งเสรีไทย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน- "ตั้ง อาชีวะ" โพสต์เฟซฯกบดานฟิลิปปินส์หลังถูกคสช.ไล่ล่าที่เขมร "ประยุทธ์"กร้าว พวกป่วนถือว่าไม่รักชาติ พร้อมจัดการขั้นเด็ดขาด รับการข่าวยังคงปกติ ไม่น่ามีปัญหาช่วงปีใหม่ เย้ย"จารุพงศ์" จดทะเบียน"เสรีไทยฯ"ในสหรัฐฯ มีแต่พวกหนีคดีอาญา ยอมรับตามจับตัวยาก เพราะกฎหมายแต่ละประเทศไม่เหมือนกัน

วานนี้ (18ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายเอกภพ เหลือรา หรือ"ตั้ง อาชีวะ" ผู้ต้องหาหลบหนีคดีตาม ป.อาญา มาตรา 112 โพสต์ข้อความ และรูปภาพลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว โดยมีเนื้อหาเปิดเผยชีวิตหลังหนีออกจากประเทศไทย และเข้าไปกบดานอยู่ในประเทศกัมพูชา ซึ่งนายเอกภพ ระบุว่า ก่อนหน้านี้มีข่าวลือออกมาเป็นระยะว่า ตนหลบหนีไปกบดานอยู่ทั้งสหรัฐอเมริกา แคนาดา และอังกฤษ รวมถึงการวีซ่าขออยู่อาศัยถาวรของประเทศนิวซีแลนด์ เป็นเพียงการสับขาหลอก เพื่อไม่ให้คนรู้ที่อยู่จริง เนื่องจากปัจจุบันต้องหนีตายจากการตามล่าจากรัฐบาลไทย และฝ่ายเดียวกัน ซึ่งล่าสุดได้หลบหนีออกจากกัมพูชา โดยการแอบขึ้นเรือโดยสารจากท่าเรือสีหนุวิลล์ของกัมพูชา ไปประเทศฟิลิปปินส์ เพราะ คสช.จับลูกเมียของเพื่อนชาวกัมพูชาเป็นตัวประกัน เพื่อแลกเปลี่ยนตัวกับตน

ด้านพ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า โลกโซเชี่ยลมีเดียนั้น ไม่สามารถยืนยันได้ว่าบุคคลที่โพสต์ข้อความต่างๆ เป็นตัวของนายเอกภพ จริงหรือไม่ แต่จากรายละเอียดของข้อความนั้น ก็เป็นเรื่องปกติของคนที่ต้องการเคลื่อนไหวให้คนสนใจ

ทั้งนี้ในมุมมองของกฎหมาย การติดตามตัวนายเอกภพ กลับมาดำเนินคดีจะต้องให้ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เป็นผู้ดำเนินการกับทางฟิลิปปินส์ แต่ต้องเข้าใจว่า แต่ละประเทศนั้นมีกฎหมายที่แตกต่างกัน เพราะนายเอกภพ ได้ทำผิดในกฎหมายของไทย ซึ่งการดำเนินการต่างๆ ต้องขึ้นอยู่กับประเทศนั้นๆ ด้วย อีกทั้งมีความพยายามบิดเบือนให้เป็นเรื่องการเมือง ทั้งที่ความเป็นจริงแล้วไม่ใช่ แต่เป็นความผิดในกฎหมายไทยที่คนทั่วประเทศให้ความเคารพ อย่างไรก็ตามยืนยันว่าที่ผ่านมา คสช.ไม่ได้ไปไล่ล่านายเอกภพ และจับเพื่อนนายเอกภพ เป็นตัวประกันอย่างที่นายเอกภพกล่าวอ้าง เป็นเพียงการจุดประเด็นของนายเอกภพ เท่านั้น

** ซัดพวกป่วนถือว่าไม่รักชาติ

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เปิดเผยภายหลังการประชุมว่า มีการหารือเรื่องความมั่นคงทั้งหมด เกี่ยวกับร่างยุทธศาสตร์ 3-4 เรื่อง ทั้งยุทธศาสตร์ชาติตั้งแต่ปี 2558-2564 ทั้งทางด้านความมั่น ความมั่นคงทางทะเล และการสร้างความรักความสามัคคีภายใต้ระบอบประชาธิปไตย นอกจากนี้ยังมีพิจารณาร่างกฎหมายต่างๆ ที่ต้องนำเข้าสู่ที่ประชุม ครม. นอกจากนี้ เรื่องของการรักษาความปลอดภัยช่วงเทศกาลปีใหม่ ที่จะถึงนี้ที่จะต้องรักษาความสงบเรียบร้อยในทุกพื้นที่ โดยให้ประชาชน และให้ภาคธุรกิจเข้ามามีส่วนร่วม ต้องไม่มีอุบัติเหตุเกิดขึ้น หรือถ้ามีต้องดูแลกันให้ได้ เจ้าหน้าที่ได้เตรียมพร้อมในการตั้งจุดบริการ ดูแลประชาชน

ผู้สื่อข่าวถามว่า เป็นห่วงในพื้นที่ กทม.หรือไม่ เพราะในอดีตเคยเกิดเหตุร้ายมาแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ตอนนี้ กทม. ติดกล้องทั่วไปหมดแล้ว เขาทำดีแล้ว โดยเป็นการป้องกันและป้องปราม อย่าคิดว่าทำอะไรแล้วจะหนีกฎหมายได้ และตอนนี้ฝ่ายความมั่นคงได้ประสานกับ กทม., มหาดไทย , สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ คสช. จะช่วยกันดูแลรักษาความสงบความเรียบร้อยในช่วยปีใหม่ให้ดีที่สุด เพราะฉะนั้น อย่าสร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนอีกเลย ใครก็ตามที่คิดจะทำ อย่าทำอีกเลย ขณะเดียวกันทางด้านการข่าวก็ไม่ได้มีการรายงานอะไร

เมื่อถามว่า นายกฯ ให้น้ำหนักต่อเรื่องใดมากกว่ากันระหว่างการสร้างสถานการณ์ทางการเมืองกับภัยก่อการร้าย พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ไม่มีใครจะมาก่อการร้ายทำไมในประเทศไทย ก็จะมีเฉพาะคนที่คึกคะนอง หรือไม่ก็คนที่อยากให้ประเทศชาติมีปัญหา คนพวกนี้ถ้าทำขึ้นมา ตนถือว่าไม่รักชาติ ต้องดำเนินคดีอย่างเต็มที่ ถามย้ำว่า แสดงว่านายกฯโฟกัสไปที่คนที่สร้างสถานการณ์ทางการเมืองมากกว่าใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ให้ความสำคัญทุกอย่าง ทุกคนต้องรู้ว่าประเทศชาติอยู่ในสถานการณ์ไหน ประชาชนต้องการอะไร เพราะฉะนั้นอย่าไปทำให้ประชาชนเดือดร้อน

**ไม่สน"จารุพงศ์"จดทะเบียนเสรีไทยฯ

พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวถึงกรณี นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ เลขาธิการองค์การเสรีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตย ได้จดทะเบียนให้เป็นองค์การที่ถูกต้องตามกฎหมายของสหรัฐอเมริกา ว่า นี่คือความแตกต่าง ระหว่างมุมมองของโลกภายนอก กับประเทศไทย เพราะเขามองในแง่สิทธิมนุษยชน บางอย่างเรามีกฎหมายที่บ้านเขาไม่มี เพราะเราเป็นประเทศไทย เช่น เรื่องสถาบันฯที่จำเป็นต้องมี เป็นหน้าที่ของเรา ต้องดูแล เพราะพระองค์ท่านปกป้องพระองค์เองไม่ได้ จึงต้องมีกฎหมายอาญา มาตรา 112

เมื่อถามว่า เป็นห่วงเรื่ององค์กรเสรีไทยฯ หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่ห่วง เป็นเรื่องของเขาที่จะเคลื่อนไหว คิดว่าคนส่วนใหญ่ในประเทศเข้าใจ ต่างประเทศที่ตนไปมา เขาก็เข้าใจว่าเป็นความคิดต่าง ก็เป็นคนไทยทั้งสิ้น เว้นแต่ หัวใจไม่เป็นคนไทยก็แล้วไป เมื่อถามว่าหากนานาชาติยอมรับ จะทำให้การขอตัวกลับมาดำเนินคดีในไทยยากขึ้นหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า " ผมถึงบอกว่ามุมมองแง่คิดต่างกัน ในต่างประเทศเขามองเราอีกแบบหนึ่ง ฉะนั้นเราจะทำอะไรก็ตาม ต้องคำนึงถึงพื้นฐานของบ้านเราด้วย ว่ามีความแตกต่างกับเขาหรือไม่ พวกเราต้องรู้ วันนี้ต่างชาติกับเราพื้นฐานต่างกัน ประเทศเขาไม่มีความขัดแย้งทางการเมือง เขาพัฒนามานานมาก จนทุกคนยอมรับในความเห็นต่าง แต่ประเทศไทย พอเห็นต่างกันก็กลายเป็นคนละพวกไปหมด อันนี้มันไม่ใช่ มันต้องยอมรับในความเห็นต่าง และอยู่ร่วมกันโดยที่ไม่มีความรุนแรง หรือใช้อาวุธสงคราม ของเราเห็นต่างกัน และยกพวกตีกัน จะทำกันแบบนี้มันไม่ได้ ประเทศอื่นมันไม่มี ถ้ามีก็มีน้อย"

เมื่อถามว่า อยากให้กลุ่มเสรีไทยฯ กลับมาพูดคุยหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ตนประกาศไปหลายครั้งแล้วไม่เห็นเรียกมาให้ได้ซักคน ตนบอก ใครอยู่ต่างประเทศ ก็กลับมาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เราจะดูแลความเป็นธรรมให้ และอาจจะเมตตาด้วยซ้ำไป เพราะถือว่าเป็นคนไทย แต่เขามอง ตนเป็นคนไทยหรือไม่

เมื่อถามว่า นายจารุพงศ์ ประกาศจะให้ศาลอาญาระหว่างประเทศ ร่วมมือกับเสรีไทยฯ เพื่อต่อต้านตัวผู้นำประเทศไทย พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ก็ไปซิ ศาลอาญาระหว่างประเทศ ก็ต้องดูว่า เรามีการลงนามอะไรกันหรือยัง หลายประเทศเขาก็มีปัญหาหมด ถ้าเอาทุกเรื่องไปฟ้องใครเสียหายประเทศเสียหายหรือไม่ เมื่อถามต่อว่า คิดว่ากลุ่มเหล่านี้จะมีการขยายตัวหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ก็อย่าไปขยายความให้เขา ทางรมว.กลาโหมและมหาดไทย ก็ได้บอกไปแล้ว อะไรที่เป็นเรื่องของเรา ก็เป็นเรื่องของเรา อย่าไปขยายความขัดแย้งให้มากขึ้น และอย่าไปขยายสิ่งที่สร้างความสับสนแตกแยก

เมื่อถามต่อว่า ต้องให้กระทรวงการต่างประเทศ ชี้แจงนานาประเทศหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า กระทรวงการต่างประเทศได้ชี้แจงมาโดยตลอด และสิ่งที่ตนพูดทุกครั้ง ก็มีการแปลเป็นภาษาอังกฤษ แล้วส่งไปยังสถานทูตต่างๆ ด้วย รวมถึงการพูดในรายการคืนความสุข ก็ส่งไปเป็นแผ่นซีดีด้วย ในบางประเทศอย่าง กัมพูชา ยังรู้จักเพลงคืนความสุขให้กับประชาชน ตอนที่ตนเดินทางไป เขาก็บรรเลงให้ฟัง ส่วนจะให้ความสัมพันธ์ที่ดี ขอตัวผู้ที่หลบหนีไปอยู่กัมพูชาหรือไม่นั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ขอแล้ว แต่ทางกัมพูชาบอกว่า ยังไม่เจอตัว เพราะคนที่กระทำผิดเคลื่อนไหวไปประเทศโน้นนี้ ไปเรื่อย

**ติดขัดที่กม.แต่ละประเทศไม่เหมือนกัน

เมื่อถามต่อว่าทางการข่าวได้ติดตามหรือไม่ว่า ไอ้โม่งที่อยู่ข้างหลังกลุ่มเสรีไทยฯ เป็นใคร พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า "ใครเป็นคนขับเคลื่อน และโยงใยกับใคร ก็ต้องไปหามา บางอย่างไม่จำเป็นต้องบอกทั้งหมด หน่วยข่าวก็ต้องทำงาน ถ้าไม่ทำก็เสียเงินเดือนเปล่า ก็ทำก็รายงานอยู่ อะไรที่มีปัญหาเร่งด่วน เราก็เร่งแก้ไข อะไรที่ยังไม่เกิดเราก็เฝ้าระวัง ใครทำผิดกฎหมายก็ส่งให้กระบวนการยุติธรรมดำเนินการ ได้หรือไม่ ก็เป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรม ต่างชาติจะให้ตัวหรือไม่เราไปบังคับเขาไม่ได้ เบื้องต้นต้องขอความร่วมมือไปก่อน ที่ผ่านมาก็ขอมาตลอด ขอมาทุกคน แล้วเคยได้มั้ย ผมเคยบอกแล้วความแตกต่าง พื้นฐานบริบทแต่ละประเทศ ไม่เหมือนกัน เขาอาจจะมองว่าสิทธิทำได้ แต่เรามองแล้วผิดกฎหมายไทย ฉะนั้นเราต้องเคารพกระบวนการยุติธรรมของแต่ละประเทศด้วย

เมื่อถามว่า ได้มีการยึดหนังสือเดินทางผู้ที่หลบหนีคนใดไปบ้าง นายกฯ กล่าวว่า มี แต่เรื่องนี้ต้องถามกระทรวงการต่างประเทศ เพราะตนจำได้ไม่หมด เมื่อถามย้ำว่า นายจารุพงศ์ ถูกยึดหนังสือเดินทางแล้วหรือยัง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า อย่าไปกังวล เขาไม่ถือของไทย เขาก็ไปถือของประเทศอื่นได้ จำไว้ เพราะเขาไม่ได้ให้ความสำคัญกับเราเท่าไหร่ แต่เราให้ความสำคัญในเรื่องนี้ ถ้าใครทำผิดแล้วมาอยู่บ้านเรา จะไม่ให้อยู่เพราะเพียงแต่คนในประเทศไทย ก็ทะเลาะกันมากแล้ว ตนจึงได้บอกว่าเรื่องความมั่นคงในปีหน้าหน้าเป็นห่วง เพราะบ้านเราเป็นแหล่งทรัพยากร มีหลายอย่างที่ผู้กระทำผิดกฎหมายสามารถอยู่ได้ เราต้องเข้มงวดเรื่องพวกนี้ ต่างประเทศเขาไม่เข้มงวด เพราะเขาสามารถคัดแยกคนได้ด้วยระบบเทคโนโลยีที่ทันสมัย แต่เรามีครบหรือยัง ถ้ายังไม่มีก็จะเสรีให้ใครมากไม่ได้ โดยความมั่นคงที่พูดถึงหมายรวมทั้ง เศรษฐกิจ สังคม และการเมือง โดยเฉพาะการบริหารราชการแผ่นดินจะต้องมีเสถียรภาพ สงบสุข นานาประเทศจึงคบเรา ถ้ามีการเดินขบวนแล้วตีกันอีก ใครจะมา การประชุมสุดยอดผู้นำลุ่มน้ำโขง ผู้นำทุกประเทศมาหมด แสดงว่าอย่างไร เมื่อถามว่า แสดงความเขายอมรับเราใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่รู้ซิ คิดเอาเองเดียวจะหาว่าขี้โม้ สิ่งดีดีต้องนำเสนอ สิ่งไม่ดีขอให้ถามก่อน การวิเคราะห์วิจารณ์ไม่ห้ามแต่อย่าทำให้เสียสติ

**คนปั่นหุ้นเป็นหญิง ไม่ใช่"แม้ว"

เมื่อถามว่ากรณีที่เคยพูดถึงการจับคนเมื่อปี 51 ที่สนามบิน หมายความอย่างไร พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เป็นการตอบคำถามในวันที่ตลาดหุ้นร่วง โดยบอกว่า ปี 51 มีคนเคยถูกจับเรื่องนี้อยู่ ที่ลงเครื่องบินมาแล้วถูกจับ เป็นผู้หญิง แต่กลับเอาไปตีความเลอะเทอะกันไปเรื่อย

เมื่อถามว่า วันนี้มั่นใจหรือไม่ ว่าจะไม่มีอะไรมาทำลายสมาธิในการบริหารประเทศได้ โดยเฉพาะเรื่องเสรีไทย นายกฯ กล่าวว่า “ไม่มี สมาธิต้องมี ไม่มีสมาธิตนจะมาพูดได้อย่างไร ทุกอย่างเราเดินหน้าประเทศไปข้างหน้า ใครจะต่อต้านอะไรใครจะอยู่ซ้ายและอยู่ขวาก็ดำเนินการไปและ แก้ปัญหาไป แต่เราต้องบริหารประเทศในเชิงรุกเพื่อให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงและทันต่อสถานการณ์โลก ไม่มีอะไรมาทำให้เสียสติ เว้นแต่คำถามนักข่าวจะทำให้เสียสติ

เมื่อถามว่า คิดว่าองค์กรเสรีไทยฯ จะพัฒนาไปสู่ขั้นใด พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “เสรีไทยคราวที่แล้ว เกิดจากสงครามโลก มีการรบกัน แต่องค์กรเสรีไทยฯ นี้ องค์กรเสรีไทยจริง ยังไม่รับเลย เป็นเสรีไทยจากอะไร ผิดกฎหมายหรือไม่ หนีอาชญากรรมทั้งนั้นแหละ ผิดกฎหมายอาญา" เมื่อถามย้ำว่า ถ้าเป็นอย่างนี้ ไม่ต้องไปให้ค่าใช้หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ ถามกลับว่า "อ๋อเพิ่งรู้หรือ โถ่" คนผิดกฎหมาย ก็อย่าไปขยายความให้เขา

ด้านพล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม กล่าวถึงกรณีนายกรัฐมนตรี มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงยุติธรรม หารือในประเด็นการดำเนินการกับผู้กระทำผิดกฎหมาย ที่อยู่ต่างประเทศ ทั้งกฎหมายอาญา แพ่งพาณิชย์ หรือเว็บหมิ่นสถาบัน ที่มีการโพสต์ข้อความในผิด มาตรา 112 ว่า เรื่องนี้มี ตำรวจ ทหาร กระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงยุติธรรม ที่จะประสานงานร่วมมือกัน โดยจะเป็นเรื่องของความมั่นคง รวมถึงการควบคุมสื่อโซเชียลมีเดีย ไม่ให้เผยแพร่ข้อมูลที่ผิดๆ ไม่ใช่เฉพาะเรื่องการติดตามจับกุมดำเนินคดีเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ในการบังคับใช้กฎหมายในการส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนนั้น บางประเทศก็ไม่มีกฎหมายนี้รองรับ
กำลังโหลดความคิดเห็น